ASTVผู้จัดการรายวัน – อสมท ตั้งแผนสอง รุกร่างแผนการดำเนินงาน หากช่อง 3 ไม่ต่อสัมปทาน เหตุเจรจามา 3 รอบแต่ไม่เกิดผล บวกระยะเวลาเจรจาเริ่มเหลือน้อยลงทุกที แต่ต้องสรุปให้ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ ย้ำชัดสัญญาใหม่ต้องจ่ายไม่น้อยกว่า ทรูวิชั่นส์ และช่อง 7 หลัง10ปีที่ผ่านมาจ่ายให้น้อยมาก ล่าสุดนัดบอร์ดทั้ง 2 ฝ่าย หันหน้าคุยกันอีกครั้งจันทร์นี้ หวังหาข้อสรุปร่วมกัน
ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าในเรื่องการต่อสัญญาสัมปทาน กับทาง สถานีโทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง 3 หรือ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัดนั้น ที่ผ่านมา ได้มีการเจรจาผ่านตัวแทนมาไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งยังไม่สามารถหาข้อสรุปออกมา เพื่อให้เป็นที่พอใจกับทั้ง 2 ฝ่ายได้ อีกทั้งระยะเวลาการเจรจาในการทำการต่อสัญญาสัมปทานครั้งนี้ ควรที่จะสรุปออกมาให้จบภายในเดือนต.ค.ด้วย เพื่อจะได้ทันการต่อสัมปทานทันที หลังหมดระยะเวลาสัมปทานในวันที่ 25 มี.ค. 2553 นี้
เนื่องจาก ในกรณีที่มีการต่อสัญญาสัมปทานแล้ว อสมท จะต้องปฎิบัติตาม พรบ. กฎหมายร่วมทุน ที่ต้องมีขั้นตอนนำเรื่องเสนอไปที่สภาพัฒน์ เพื่อให้สภาพัฒน์จัดทำแผนส่งไปที่สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นต้นสังกัดของ อสมท เพื่อที่จะนำเรื่องนี้ส่งต่อเข้าครม.ให้เซ็นอนุมัติต่อไป และหลังจากนั้นจะต้องส่งต่อร่างสัญญานี้ ส่งต่อไปให้คณะอัยการสูงสุดตรวจสอบต่อไป โดยต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน เท่ากับเวลาที่หมดสัญญาในเดือนมี.ค. 2553 และพร้อมจะต่อสัมปทานต่อได้ทัน
ดังนั้นทางอสมท จึงได้มีการเร่งการเจรจากับทางช่อง 3 ให้สามารถสรุปผลออกมาให้เร็วที่สุด โดยล่าสุดในจันทร์ที่ 26 ต.ค. เวลา 18.00น.นี้ ทางบอร์ด อสมท ได้นัดเจรจากับทางบอร์ดของทางช่อง 3 เพื่อมานั่งหารือร่วมกัน คาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปออกมาได้ โดยเฉพาะประเด็นที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ใน 2 ประเด็นใหญ่ คือ 1.ค่าตอบแทน ที่ทางอสมท เสนอให้ช่อง 3 คำนวณตัวเลขออกมาใหม่ซึ่งไม่ควรที่จะน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับธุรกิจเดียวกันในตลาด ทั้งทรู วิชั่นส์ และกับสถานีโทรทัศน์สีช่อง 7 กับสัญญาช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ค่าตอบแทนที่ช่อง3 เสนอให้ อสมท ยังถือว่าน้อยกว่ามาก
2.ข้อคิดเห็นเรื่องสัญญาที่ไม่ตรงกัน โดยทาง อสมทมองว่า ไม่ได้มีการต่อสัญญาออกมาแบบอัตโนมัติ แต่ทางช่อง3 มองว่า เป็นการต่อสัญญาโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้หากการเจรจาไม่สามารถสรุปได้ อย่างไรก็ตาม ภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้ จะต้องมีข้อสรุปที่ชัดเจนออกมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ดร.สุรพล กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม จากการเจรจาที่ไม่ประสบความสำเร็จตลอด 3 ครั้งที่ผ่านมา ส่งผลให้บอร์ด อสมท ได้สั่งการให้ทางฝ่ายปฏิบัติการ ของ อสมท ไปร่างแผนการดำเนินงานในกรณีที่ช่อง 3 ไม่ต่อสัญญาไว้แล้ว โดยหากไม่ต่อสัญญาต่อ อสมท จะได้รับผลกระทบด้านใดบ้าง รวมถึงแนวทางแก้ไข เพื่อเตรียมการณ์รองรับไว้ ซึ่งได้สั่งให้ร่างแผนนี้มากว่า 1 เดือนแล้ว
ทั้งนี้หาก ช่อง 3 ไม่ต่อสัญญาสัมปทานจริง มูลค่าความสูญเสียรายได้ในช่วงเดือนมี.ค.2553-ธ.ค. 2553 จะสูงถึง 170-180 ล้านบาท หรือ10 ปีหลังจากนี้ จะสูญเสียรายได้ไปอย่างน้อย 2,002 ล้านบาท ตามที่ช่อง 3 เสนอตัวเลขค่าตอบแทนสัมปทานขั้นต่ำให้กับ อสมท ที่เสนอมาในปัจจุบัน
ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าในเรื่องการต่อสัญญาสัมปทาน กับทาง สถานีโทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง 3 หรือ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัดนั้น ที่ผ่านมา ได้มีการเจรจาผ่านตัวแทนมาไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งยังไม่สามารถหาข้อสรุปออกมา เพื่อให้เป็นที่พอใจกับทั้ง 2 ฝ่ายได้ อีกทั้งระยะเวลาการเจรจาในการทำการต่อสัญญาสัมปทานครั้งนี้ ควรที่จะสรุปออกมาให้จบภายในเดือนต.ค.ด้วย เพื่อจะได้ทันการต่อสัมปทานทันที หลังหมดระยะเวลาสัมปทานในวันที่ 25 มี.ค. 2553 นี้
เนื่องจาก ในกรณีที่มีการต่อสัญญาสัมปทานแล้ว อสมท จะต้องปฎิบัติตาม พรบ. กฎหมายร่วมทุน ที่ต้องมีขั้นตอนนำเรื่องเสนอไปที่สภาพัฒน์ เพื่อให้สภาพัฒน์จัดทำแผนส่งไปที่สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นต้นสังกัดของ อสมท เพื่อที่จะนำเรื่องนี้ส่งต่อเข้าครม.ให้เซ็นอนุมัติต่อไป และหลังจากนั้นจะต้องส่งต่อร่างสัญญานี้ ส่งต่อไปให้คณะอัยการสูงสุดตรวจสอบต่อไป โดยต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน เท่ากับเวลาที่หมดสัญญาในเดือนมี.ค. 2553 และพร้อมจะต่อสัมปทานต่อได้ทัน
ดังนั้นทางอสมท จึงได้มีการเร่งการเจรจากับทางช่อง 3 ให้สามารถสรุปผลออกมาให้เร็วที่สุด โดยล่าสุดในจันทร์ที่ 26 ต.ค. เวลา 18.00น.นี้ ทางบอร์ด อสมท ได้นัดเจรจากับทางบอร์ดของทางช่อง 3 เพื่อมานั่งหารือร่วมกัน คาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปออกมาได้ โดยเฉพาะประเด็นที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ใน 2 ประเด็นใหญ่ คือ 1.ค่าตอบแทน ที่ทางอสมท เสนอให้ช่อง 3 คำนวณตัวเลขออกมาใหม่ซึ่งไม่ควรที่จะน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับธุรกิจเดียวกันในตลาด ทั้งทรู วิชั่นส์ และกับสถานีโทรทัศน์สีช่อง 7 กับสัญญาช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ค่าตอบแทนที่ช่อง3 เสนอให้ อสมท ยังถือว่าน้อยกว่ามาก
2.ข้อคิดเห็นเรื่องสัญญาที่ไม่ตรงกัน โดยทาง อสมทมองว่า ไม่ได้มีการต่อสัญญาออกมาแบบอัตโนมัติ แต่ทางช่อง3 มองว่า เป็นการต่อสัญญาโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้หากการเจรจาไม่สามารถสรุปได้ อย่างไรก็ตาม ภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้ จะต้องมีข้อสรุปที่ชัดเจนออกมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ดร.สุรพล กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม จากการเจรจาที่ไม่ประสบความสำเร็จตลอด 3 ครั้งที่ผ่านมา ส่งผลให้บอร์ด อสมท ได้สั่งการให้ทางฝ่ายปฏิบัติการ ของ อสมท ไปร่างแผนการดำเนินงานในกรณีที่ช่อง 3 ไม่ต่อสัญญาไว้แล้ว โดยหากไม่ต่อสัญญาต่อ อสมท จะได้รับผลกระทบด้านใดบ้าง รวมถึงแนวทางแก้ไข เพื่อเตรียมการณ์รองรับไว้ ซึ่งได้สั่งให้ร่างแผนนี้มากว่า 1 เดือนแล้ว
ทั้งนี้หาก ช่อง 3 ไม่ต่อสัญญาสัมปทานจริง มูลค่าความสูญเสียรายได้ในช่วงเดือนมี.ค.2553-ธ.ค. 2553 จะสูงถึง 170-180 ล้านบาท หรือ10 ปีหลังจากนี้ จะสูญเสียรายได้ไปอย่างน้อย 2,002 ล้านบาท ตามที่ช่อง 3 เสนอตัวเลขค่าตอบแทนสัมปทานขั้นต่ำให้กับ อสมท ที่เสนอมาในปัจจุบัน
