แม็ทชิ่ง เดินหน้าปรับองค์กรภายใน สยายแนวทางการดำเนินธุรกิจเพิ่มในปีหน้า ล่าสุดผุด “Einstein” ภายใต้แม็ทชิ่งเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ยูนิตบิซิเนสใหม่ มุ่งสร้างคอนเท้นท์เกี่ยวกับตาดูหูฟัง ประเดิมโปรเจกต์แรก “มิวสิค บิซิเนส” ช่วยลูกค้าใช้สื่อโฆษณาได้มีประสิทธิภาพขึ้น มั่นใจสิ้นปีช่วยเข็นรายได้ทรงตัวเท่าปีก่อน ส่วนปีหน้ามั่นใจโตแน่ 10%
นายสมชาย ชีวสุทธานนท์ กรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท แม็ทชิ่ง สตูดิโอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจของแม็ทชิ่ง หลังจากนี้ จะวางตัวเองเป็นผู้ผลิตคอนเท้นท์สื่อโฆษณาแบบครบวงจร โดยให้ความสำคัญกับโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ที่ผู้บริโภคมีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป การใช้สื่อโฆษณาต้องแตกต่างและเข้าถึง ตรงจุดอย่างแท้จริง
ดังนั้นเบื้องต้น สำหรับแม็ทชิ่ง จะมีการปรับโครงสร้างองค์กรภายใน เพราะที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่จะรู้จักแม็ทชิ่งเฉพาะการทำงานด้านสร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาเท่านั้น โดยปีหน้าจะเห็นการวางผังการทำงานที่ชัดเจนขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มยูนิตบิซิเนสย่อยอีกหลายยูนิต จากปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 8
บริษัทเพื่อมาซัพพรอตให้เกิดการทำงานที่เป็นการผสมผสานการทำงานได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งอาจจะมีการปรับเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ด้วย เพื่อให้ครอบคลุมการทำงานของแม็ทชิ่งต่อไป
นอกจากนี้ในปีหน้า บริษัทยังมีการลงทุนด้านอื่นๆเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย เช่น รายการโทรทัศน์ อีก 2 รายการ เป็นรายการเกี่ยวกับวัยรุ่นและรายการสร้างสรรค์ทางสังคม นำเสนอในรูปแบบบันเทิง จากเดิมที่มีอยู่ 2 รายการ คือ รายการปลดหนี้ และคบเด็กสร้างบ้าน อีกทั้งยังมีการลงทุนซื้ออุปกรณ์ในการทำงานเพิ่มอีกเล็กน้อย
สำหรับการเพิ่มยูนิตบิซิเนสย่อยนั้น ล่าสุดในส่วนของบริษัท แม็ทชิ่ง เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งจากเดิมจะมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้านการจัดอีเว้นท์ และคอนเสิร์ต ได้เพิ่ม Einstein (ไอน์สไตน์ ) ซึ่งเป็นยูนิต บิซิเนสใหม่ เข้ามาช่วยเสริม และ มุ่งเน้นการสร้างสรรค์คอนเท้นท์ผ่านการรับรู้เกี่ยวกับตาดู หูฟัง ซึ่งเกี่ยวกับทางด้านเสียงและภาพนำมาเป็นคอนเท้นท์ที่จะช่วยให้การใช้สื่อโฆษณาของลูกค้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามปีหน้าจะให้ความสำคัญในส่วนรายได้จากต่างประเทศมากขึ้นด้วย จากปัจจุบันรายได้กว่า 60% มาจากในประเทศ และ 40% มาจากต่างประเทศ โดยการรับจ้างผลิตภาพยนตร์โฆษณาให้กับหลายๆประเทศ ทั้งเวียดนาม เขมร จีน และญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นสินค้าอินเตอร์แบรนด์เป็นหลัก โดยในปีหน้ามีแผนร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ในเวียดนาม ทำโปรดักส์ชั่นเฮาส์ที่นั่นคาดว่าจะสรุปผลได้ไม่เกินไตรมาสสามปีหน้า อีกทั้งเชื่อว่าลูกค้าจากญี่ปุ่นจะกลับมาใช้บริการเหมือนเดิม หลังจากปีนี้ลูกค้าญี่ปุ่นหายไปเกือบหมด มั่นใจว่าปีหน้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเติบโตขึ้นอีกอย่างน้อย 10-15%
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ภาพรวมรายได้ของบริษัท ยอมรับว่าทั้งปี ถ้าสามารถรักษารายได้เท่าปีก่อน ถือว่าดีมากแล้ว เนื่องจากในปีนี้ไตรมาแรกถือว่าดี ขณะที่ไตรมาสสองค่อนข้างแย่ มาถึงไตรมาสสามก็ยังได้รับผลกระทบจากหลายสถานการณ์อยู่ ดังนั้นในช่วงไตรมาสสี่จึงต้องมาลุ้นกันอีกที ทั้งนี้ยังมองว่าปีนี้จะมีกำไรอีกเล็กน้อย ส่วนในปีหน้าจากแผนการดำเนินธุรกิจที่ครบวงจรมากขึ้น บวกกับโปรเจกต์ใหม่ที่จะตามมา เชื่อว่าจะทำให้ปีหน้ามีรายได้เติบโตขึ้นอีกราว 10% โดยยังมาจากการผลิตภาพยนตร์โฆษณาไม่ต่ำกว่า 50% รองลงมาคือ รายการโทรทัศน์อีก 30% และที่เหลืออื่นๆรวมกันอีก 20%
นายสมชาย ชีวสุทธานนท์ กรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท แม็ทชิ่ง สตูดิโอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจของแม็ทชิ่ง หลังจากนี้ จะวางตัวเองเป็นผู้ผลิตคอนเท้นท์สื่อโฆษณาแบบครบวงจร โดยให้ความสำคัญกับโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ที่ผู้บริโภคมีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป การใช้สื่อโฆษณาต้องแตกต่างและเข้าถึง ตรงจุดอย่างแท้จริง
ดังนั้นเบื้องต้น สำหรับแม็ทชิ่ง จะมีการปรับโครงสร้างองค์กรภายใน เพราะที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่จะรู้จักแม็ทชิ่งเฉพาะการทำงานด้านสร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาเท่านั้น โดยปีหน้าจะเห็นการวางผังการทำงานที่ชัดเจนขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มยูนิตบิซิเนสย่อยอีกหลายยูนิต จากปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 8
บริษัทเพื่อมาซัพพรอตให้เกิดการทำงานที่เป็นการผสมผสานการทำงานได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งอาจจะมีการปรับเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ด้วย เพื่อให้ครอบคลุมการทำงานของแม็ทชิ่งต่อไป
นอกจากนี้ในปีหน้า บริษัทยังมีการลงทุนด้านอื่นๆเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย เช่น รายการโทรทัศน์ อีก 2 รายการ เป็นรายการเกี่ยวกับวัยรุ่นและรายการสร้างสรรค์ทางสังคม นำเสนอในรูปแบบบันเทิง จากเดิมที่มีอยู่ 2 รายการ คือ รายการปลดหนี้ และคบเด็กสร้างบ้าน อีกทั้งยังมีการลงทุนซื้ออุปกรณ์ในการทำงานเพิ่มอีกเล็กน้อย
สำหรับการเพิ่มยูนิตบิซิเนสย่อยนั้น ล่าสุดในส่วนของบริษัท แม็ทชิ่ง เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งจากเดิมจะมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้านการจัดอีเว้นท์ และคอนเสิร์ต ได้เพิ่ม Einstein (ไอน์สไตน์ ) ซึ่งเป็นยูนิต บิซิเนสใหม่ เข้ามาช่วยเสริม และ มุ่งเน้นการสร้างสรรค์คอนเท้นท์ผ่านการรับรู้เกี่ยวกับตาดู หูฟัง ซึ่งเกี่ยวกับทางด้านเสียงและภาพนำมาเป็นคอนเท้นท์ที่จะช่วยให้การใช้สื่อโฆษณาของลูกค้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามปีหน้าจะให้ความสำคัญในส่วนรายได้จากต่างประเทศมากขึ้นด้วย จากปัจจุบันรายได้กว่า 60% มาจากในประเทศ และ 40% มาจากต่างประเทศ โดยการรับจ้างผลิตภาพยนตร์โฆษณาให้กับหลายๆประเทศ ทั้งเวียดนาม เขมร จีน และญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นสินค้าอินเตอร์แบรนด์เป็นหลัก โดยในปีหน้ามีแผนร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ในเวียดนาม ทำโปรดักส์ชั่นเฮาส์ที่นั่นคาดว่าจะสรุปผลได้ไม่เกินไตรมาสสามปีหน้า อีกทั้งเชื่อว่าลูกค้าจากญี่ปุ่นจะกลับมาใช้บริการเหมือนเดิม หลังจากปีนี้ลูกค้าญี่ปุ่นหายไปเกือบหมด มั่นใจว่าปีหน้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเติบโตขึ้นอีกอย่างน้อย 10-15%
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ภาพรวมรายได้ของบริษัท ยอมรับว่าทั้งปี ถ้าสามารถรักษารายได้เท่าปีก่อน ถือว่าดีมากแล้ว เนื่องจากในปีนี้ไตรมาแรกถือว่าดี ขณะที่ไตรมาสสองค่อนข้างแย่ มาถึงไตรมาสสามก็ยังได้รับผลกระทบจากหลายสถานการณ์อยู่ ดังนั้นในช่วงไตรมาสสี่จึงต้องมาลุ้นกันอีกที ทั้งนี้ยังมองว่าปีนี้จะมีกำไรอีกเล็กน้อย ส่วนในปีหน้าจากแผนการดำเนินธุรกิจที่ครบวงจรมากขึ้น บวกกับโปรเจกต์ใหม่ที่จะตามมา เชื่อว่าจะทำให้ปีหน้ามีรายได้เติบโตขึ้นอีกราว 10% โดยยังมาจากการผลิตภาพยนตร์โฆษณาไม่ต่ำกว่า 50% รองลงมาคือ รายการโทรทัศน์อีก 30% และที่เหลืออื่นๆรวมกันอีก 20%