ASTV ผู้จัดการรายวัน – คุมเข้มโฆษณาแฝง หลังสร้างความรำคาญใจนับปี “สาทิตย์” เรียก 14 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโฆษณา ร่วมหามาตรการกลางรับมือ สคบ.รับหน้าเสื่อนั่งแท่นประธานคณะทำงานดูแลเรื่องโฆษณาแฝงโดยตรง เห็นผลใน 1เดือน พร้อมใช้ทุกสถานีโทรทัศน์
วานนี้ (24 ส.ค.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือ ได้มีการจัดประชุมพร้อม 14 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโฆษณา เข้าร่วมประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาการโฆษณาแฝงในรายการโทรทัศน์ร่วมกันในครั้งนี้
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโฆษณา เพื่อเข้ามาร่วมปรึกษาหารือ หาทางออกร่วมกันในการสร้างมาตรการมาควบคุมเรื่องของโฆษณาแฝงในรายการโทรทัศน์ ที่มีมากขึ้น โดยบนหลักการแล้ว ยังพร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดูแลกันเอง ภายใต้กฏเกณฑ์ที่ทางกรมประชาสัมพันธ์เคยนำมาใช้ครั้งที่มีอำนาจดูแลเรื่องโฆษณาอยู่ ขณะที่ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของ กสทช. ซึ่งยังไม่เกิด ดังนั้นทางรัฐบาลจึงต้องเข้ามาดูแล เพื่อประโยชน์ของประชาชน
โดยแนวทางในการหารือกันในครั้งนี้ มี 2 เรื่องหลัก คือ 1.เมื่อนำเรื่องดังกล่าวมาพูดคุยกันแล้ว ต้องการให้กำหนดขอบเขตเวลาสัดส่วนให้ชัดเจน ว่าโฆษณาในลักษณะดังกล่าวนี้ ควรจะทำได้มากน้อยเพียงใด 2.ได้มีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลเรื่องนี้ จำนวน 14 รายจาก 14 หน่วยงานที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ โดยมอบให้ทางตัวแทนจากสคบ. เป็นประธานการทำงานของคณะทำงานชุดนี้
แนวทางการดำเนินงานเบื้องต้นเพื่อให้ไปปรึกษาหารือในการสร้างมาตรการกลางขึ้นมาดูแลเรื่องของโฆษณาแฝงขึ้นมา เพื่อให้แต่ละสถานีโทรทัศน์และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้และนำไปปฏิบัติบนพื้นฐานเดียวกัน จากเดิมในปัจจุบัน ทราบมาว่า แต่ละช่องจะมีมาตรการดูแลเรื่องโฆษณาแฝงแตกต่างกันออกไป
แน่นอนว่า การหามาตรการกลางครั้งนี้ จะต้องให้เรียบร้อยภายในระยะเวลา 1 เดือนนับจากนี้ หลังจากนั้นจะให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ โดยจะกลับมาดูผลทุกๆ 3 เดือน หรือในสิ้นปีนี้ จะกลับมาดูผลอีกครั้ง ถ้าดีก็ยึดถือปฏิบัติต่อไป แต่ถ้าไม่ก็ต้องหาทางแก้ไขอีกครั้ง
“ปัจจุบันจะพบว่า รายการโทรทัศน์จะมีโฆษณาแฝงสูงขึ้น ดังนั้นจึงต้องหาแนวทางแก้ไข กับแนวคิดเรื่องของมาตรการกลาง เพื่อใช้ร่วมกัน มุ่งเน้นหาเรื่องของสัดส่วนเวลาที่เหมาะสมสำหรับโฆษณาแฝงในรายการโทรทัศน์ว่าควรอยู่ที่เวลาเท่าไรเป็นหลัก” นายสาทิตย์กล่าว
ด้านตัวแทนจากฝั่งเอเจนซี่โฆษณา กล่าวว่า การร่วมกันหารทางออกสำหรับเรื่องโฆษณาแฝงนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีและยอมรับได้ อย่างไรก็ตามการที่ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโฆษณาดูแลกันเองก็ถือเป็นสิ่งที่น่าพอใจ จากปัจจุบันโฆษณาแฝง ยอมรับว่า มีสูงขึ้น โดยมีปัจจัยหลักมาจากเม็ดเงินโฆษณาของลูกค้าที่ซื้อสื่อมีน้อยลง ส่งผลให้บางรายการที่ไม่อยู่ในช่วงไพร์มไทม์ ก็ต้องมีการปรับตัว จัดทำแพ็กเกจขายโฆษณาที่น่าสนใจ และเพิ่มมูลค่าให้ลูกค้าหันมาซื้อสื่อกับรายการเหล่านั้น ซึ่งโฆษณาแฝงถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีราคาในการซื้อสื่อก็ตาม แน่นอนว่า โฆษณาแฝงจะไม่ใช่ปัญหารุนแรง ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใน3ฝ่ายนี้ จะหนักแน่นไม่ปล่อย หรือเรียกร้องให้มีการทำโฆษณาแฝงเกิดขึ้น คือ เจ้าของรายการ เจ้าของสถานีโทรทัศน์ และผู้ซื้อสื่อโฆษณา
นายวิทวัส ชัยปราณี นายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปกติโฆษณาแฝง จะไม่ได้ทำให้เกิดค่าในเม็ดเงินโฆษณามากนัก แน่นอนว่ามาตรการกลางครั้งนี้ ถือเป็นการจัดระเบียบให้โฆษณาแฝงอยู่ในขอบเขตมากยิ่งขึ้น แต่มั่นใจว่า มาตรการกลาง ที่กำลังจะหาทางออกกันครั้งนี้ จะไม่ช่วยเอื้อให้โฆษณาแฝงมีราคาโฆษณาขึ้นมาได้
วานนี้ (24 ส.ค.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือ ได้มีการจัดประชุมพร้อม 14 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโฆษณา เข้าร่วมประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาการโฆษณาแฝงในรายการโทรทัศน์ร่วมกันในครั้งนี้
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโฆษณา เพื่อเข้ามาร่วมปรึกษาหารือ หาทางออกร่วมกันในการสร้างมาตรการมาควบคุมเรื่องของโฆษณาแฝงในรายการโทรทัศน์ ที่มีมากขึ้น โดยบนหลักการแล้ว ยังพร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดูแลกันเอง ภายใต้กฏเกณฑ์ที่ทางกรมประชาสัมพันธ์เคยนำมาใช้ครั้งที่มีอำนาจดูแลเรื่องโฆษณาอยู่ ขณะที่ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของ กสทช. ซึ่งยังไม่เกิด ดังนั้นทางรัฐบาลจึงต้องเข้ามาดูแล เพื่อประโยชน์ของประชาชน
โดยแนวทางในการหารือกันในครั้งนี้ มี 2 เรื่องหลัก คือ 1.เมื่อนำเรื่องดังกล่าวมาพูดคุยกันแล้ว ต้องการให้กำหนดขอบเขตเวลาสัดส่วนให้ชัดเจน ว่าโฆษณาในลักษณะดังกล่าวนี้ ควรจะทำได้มากน้อยเพียงใด 2.ได้มีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลเรื่องนี้ จำนวน 14 รายจาก 14 หน่วยงานที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ โดยมอบให้ทางตัวแทนจากสคบ. เป็นประธานการทำงานของคณะทำงานชุดนี้
แนวทางการดำเนินงานเบื้องต้นเพื่อให้ไปปรึกษาหารือในการสร้างมาตรการกลางขึ้นมาดูแลเรื่องของโฆษณาแฝงขึ้นมา เพื่อให้แต่ละสถานีโทรทัศน์และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้และนำไปปฏิบัติบนพื้นฐานเดียวกัน จากเดิมในปัจจุบัน ทราบมาว่า แต่ละช่องจะมีมาตรการดูแลเรื่องโฆษณาแฝงแตกต่างกันออกไป
แน่นอนว่า การหามาตรการกลางครั้งนี้ จะต้องให้เรียบร้อยภายในระยะเวลา 1 เดือนนับจากนี้ หลังจากนั้นจะให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ โดยจะกลับมาดูผลทุกๆ 3 เดือน หรือในสิ้นปีนี้ จะกลับมาดูผลอีกครั้ง ถ้าดีก็ยึดถือปฏิบัติต่อไป แต่ถ้าไม่ก็ต้องหาทางแก้ไขอีกครั้ง
“ปัจจุบันจะพบว่า รายการโทรทัศน์จะมีโฆษณาแฝงสูงขึ้น ดังนั้นจึงต้องหาแนวทางแก้ไข กับแนวคิดเรื่องของมาตรการกลาง เพื่อใช้ร่วมกัน มุ่งเน้นหาเรื่องของสัดส่วนเวลาที่เหมาะสมสำหรับโฆษณาแฝงในรายการโทรทัศน์ว่าควรอยู่ที่เวลาเท่าไรเป็นหลัก” นายสาทิตย์กล่าว
ด้านตัวแทนจากฝั่งเอเจนซี่โฆษณา กล่าวว่า การร่วมกันหารทางออกสำหรับเรื่องโฆษณาแฝงนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีและยอมรับได้ อย่างไรก็ตามการที่ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโฆษณาดูแลกันเองก็ถือเป็นสิ่งที่น่าพอใจ จากปัจจุบันโฆษณาแฝง ยอมรับว่า มีสูงขึ้น โดยมีปัจจัยหลักมาจากเม็ดเงินโฆษณาของลูกค้าที่ซื้อสื่อมีน้อยลง ส่งผลให้บางรายการที่ไม่อยู่ในช่วงไพร์มไทม์ ก็ต้องมีการปรับตัว จัดทำแพ็กเกจขายโฆษณาที่น่าสนใจ และเพิ่มมูลค่าให้ลูกค้าหันมาซื้อสื่อกับรายการเหล่านั้น ซึ่งโฆษณาแฝงถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีราคาในการซื้อสื่อก็ตาม แน่นอนว่า โฆษณาแฝงจะไม่ใช่ปัญหารุนแรง ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใน3ฝ่ายนี้ จะหนักแน่นไม่ปล่อย หรือเรียกร้องให้มีการทำโฆษณาแฝงเกิดขึ้น คือ เจ้าของรายการ เจ้าของสถานีโทรทัศน์ และผู้ซื้อสื่อโฆษณา
นายวิทวัส ชัยปราณี นายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปกติโฆษณาแฝง จะไม่ได้ทำให้เกิดค่าในเม็ดเงินโฆษณามากนัก แน่นอนว่ามาตรการกลางครั้งนี้ ถือเป็นการจัดระเบียบให้โฆษณาแฝงอยู่ในขอบเขตมากยิ่งขึ้น แต่มั่นใจว่า มาตรการกลาง ที่กำลังจะหาทางออกกันครั้งนี้ จะไม่ช่วยเอื้อให้โฆษณาแฝงมีราคาโฆษณาขึ้นมาได้
