ASTVผู้จัดการรายวัน - ภาพรวมกำไรแบงก์ไตรมาส 3 กระเตื้อง นำโดยแบงก์ขนาดใหญ่ "BBL-KTB-SCB" ช่วยดันทั้งระบบ ส่วน CIMBT ยังวูบ แต่ยังหวังไตรมาส 4 ล้างขาดทุนสะสมที่เหลือ 40 ล้านบาทได้ และปีนี้พลิกกลับมากำไรได้ หลังขาดทุนติดต่อกัน 3 ปี
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB)แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ถึงผลการดำเนินงวดไตรมาส 3 ปี 2552 ว่า มีกำไรสุทธิจำนวน 4,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 367 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 9.45 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมงวด 9 เดือนแรกของปีมีกำไรสุทธิรวม 9,472 ล้านบาท ลดลง 468 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4.7
ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเท่ากับ 11,220 ล้านบาท ลดลง 716 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 6.00 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนหนึ่งเกิดจากรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลลดลง โดยอัตราผลตอบแทน (NIM)เท่ากับร้อยละ 3.20 ลดลงจากไตรมาส 3 ปี 2551 ที่อยู่ในระดับร้อยละ 3.70 ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาส 3 ปี 2552 เท่ากับ 3,728 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,358 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 172.12 จากไตรมาส 3 ปี 2551 โดยธนาคารมีรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการในไตรมาส 3/2552 เท่ากับ 2,702 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 670 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 32.97 จากไตรมาส 3 ปี 2551
ส่วนยอดคงค้างสินเชื่อของธนาคารเท่ากับ 1,047,704 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,206 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.50 จากสิ้นปี 51 มีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs)ณ 30 กันยายน 2552 จำนวน 90,088 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจำนวน 4,640 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 5.43 จาก ณ 31 ธันวาคม 2551 อย่างไรก็ดี สัดส่วน NPLs (gross) ลดลงจากร้อยละ 7.68 ณ 31 ธันวาคม 2551 เป็นร้อยละ 7.33 ณ 30 กันยายน 2552 และสัดส่วน NPLs (net) ลดลงจากร้อยละ 5.42 ณ 31 ธันวาคม 2551 เป็นร้อยละ 4.95 ณ 30 กันยายน 2552 และมีเงินกองทุน ร้อยละ 16.04 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำร้อยละ 8.50 ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
SCB-BAYแจ่มค่าฟีดันกำไรเพิ่ม
ขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2552 มีกำไรสุทธิจำนวน 5.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551 ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลประกอบการ ที่ปรับตัวดีขึ้นมาจาก รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30.1 จากการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและกำไรจากเงินลงทุน ขณะที่สินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 4.7 ณ สิ้นกันยายน 2552 จากร้อยละ 5.2 ในปี 2551
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ผลประกอบการที่ดีของธนาคารแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 และธนาคารมีความพร้อมที่จะเข้าสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากนี้ไปด้วยการมีเงินกองทุน ผลกำไรสุทธิ และผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นในระดับสูง มีมูลค่าตลาดรวมสูงเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มสถาบันการเงินของประเทศ
ทั้งนี้ ผลกำไรสุทธิที่ปรับตัวดีขึ้นของธนาคารนั้น ปัจจัยหลักมาจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้ค่าธรรมเนียม โดยเฉพาะจากธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจ Bancassurance และผลิตภัณฑ์กองทุนรวม ทั้งนี้ รายได้ค่าธรรมเนียมในไตรมาส 3 อยู่ที่ 4,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 เทียบกับไตรมาส 3 ปี 2551ขณะที่ธนาคารสามารถควบคุมและบริหารค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายจากการลงทุนขยายเครือข่ายและลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจเพื่อรองรับเศรษฐกิจฟื้นตัวในปี 2553 โดยค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยในไตรมาส 3 อยู่ที่ 8,583 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.4 เทียบกับไตรมาส 3 ปี 2551 และในส่วนของหนี้เอ็นพีแอล ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 52 อยู่ที่ร้อยละ 4.7ลดลงจากร้อยละ 5.2 ในช่วงเวลาเดียวกันปี 2551 และอยู่ในระดับเดียวกันกับสินเชื่อ ด้อยคุณภาพ ณ สิ้นมิถุนายน 2552
ด้านธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 มีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 2,176 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 24% จากไตรมาสก่อน โดยธนาคารและบริษัทในเครือมีกำไรจากการดำเนินงานรวม 5,309 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% และ 15% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2551 และไตรมาส 2 ปี 2552 ตามลำดับ
โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ได้แก่ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 135% โดยค่าธรรมเนียมจากบริการเพิ่มขึ้น 15% และในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้น 2% ถึงแม้ว่ายอดสินเชื่อรวมจะทรงตัวอันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
สำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 ธนาคารมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 4,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักเกิดจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 55% รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้น 2% ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเพียง 7%
นายตัน คอง คูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธนาคารพอใจกับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว ธนาคารสามารถรายงานผลประกอบการที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน หรือเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ความพยายามของเราที่จะสร้างผลตอบแทนจากโอกาสการเติบโตจากภายนอก ด้วยการเข้าซื้อกิจการได้ช่วยเสริมให้เราสามารถรายงานผลประกอบการที่เป็นไปตามเป้าหมายปี 2552 ที่วางไว้”
CIMBTวูบ54%-หวังQ4ล้างขาดทุนหมด
นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT เปิดเผยว่า ผลประกอบการของธนาคารมีการเติบโตผลกำไรสุทธิ 461 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 ลดลง 549 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 54 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เติบโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1และไตรมาส 2 ที่มีการติดลบโดยรวมอยู่ที่ 500 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการเติบโตของรายได้ไตรมาสเทียบไตรมาส 8.4% เป็นจำนวน 1,940 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากกำไรส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ขยายตัวถึง 18.9% ส่วนสินเชื่อรวมของกลุ่มลดลง 2.8% ตามสภาพเศรษฐกิจของไทยที่ชะลอตัว รวมทั้งการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิต ขณะที่หนี้ด้อยคุณภาพไตรมาสเทียบไตรมาสลดลง 2.9% แต่สัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพสุทธิยังเพิ่มจาก 7.9% ในไตรมาสที่ 2 เป็น 8.6% เนื่องจากกลุ่มมีลูกหนี้เก่าและมีการให้สินเชื่อในจำนวนน้อยคอยถ่วงอยู่ อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 6.7% และ 13.2% ตามลำดับ ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 ซึ่งเกินเกณฑ์กำหนดของธปท.
อย่างไรก็ตาม ธนาคารคาดการณ์ว่าในไตรมาส 4 ของปี 2552 นี้จะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมด โดยเฉพาะขณะนี้ที่ตัวเลขการขาดทุนสะสมเหลือประมาณ 40 ล้านบาท และมั่นใจว่าธนาคารจะสามารถถึงเป้าหมายจุดคุ้มทุนที่ตั้งไว้ได้ในปี 2552 นี้ ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพเพื่อทำเป้าหมายในปี 2553 ให้สำเร็จด้วยเช่นกัน หลังจากที่ธนาคารได้ขาดทุนติดต่อกัน 3 ปี ซึ่งเป็นการขาดทุนจากการกันสำรองหนี้จัดชั้น
นอกจากนี้ในส่วนของการเติบโตสินเชื่อรวมของธนาคาร ก็ยอมรับว่าได้มีการทบทวนเป้าหมายลดลงจากเดิมตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 15 % แต่เมื่อสภาพเศรษฐกิจชะลอตัวลงทำให้เป้าหมายการเติบโตสินเชื่อรวมของธนาคารในปีนี้อยู่ที่ 1% ซึ่งจะเป็นในกรณีที่ดีที่สุด โดยจากฐานสินเชื่อของธนาคารไตรมาส 3 อยู่ที่ 73,000 ล้านบาท ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 84,200 ล้านบาทในสิ้นปีนี้ เทียบกับปี 2551 ซึ่งอยู่ที่ 83,660 ล้านบาท แต่ถ้าในกรณีเลวร้ายที่สุดสินเชื่อรวมของธนาคารในปีนี้จะอยู่ที่ 74,000-75,000 ล้านบาท
ธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน)(ACL)แจ้งว่า ในไตรมาส 3 ปี 2552 ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 243 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 80 รวมงวด 9 เดือนแรกของปี 2552 มีกำไรสุทธิ 449 ล้านบาท 128 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 39.87 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ กำไรสุทธิของธนาคารพาณิชย์โดยรวมทั้ง 11 แห่งได้แก่BL,KTB,KBANK,SCB,TMB,BAY,TCAP,CIMBT,KK,TISCO และ ACL มีจำนวน 23,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,564 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB)แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ถึงผลการดำเนินงวดไตรมาส 3 ปี 2552 ว่า มีกำไรสุทธิจำนวน 4,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 367 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 9.45 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมงวด 9 เดือนแรกของปีมีกำไรสุทธิรวม 9,472 ล้านบาท ลดลง 468 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4.7
ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเท่ากับ 11,220 ล้านบาท ลดลง 716 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 6.00 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนหนึ่งเกิดจากรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลลดลง โดยอัตราผลตอบแทน (NIM)เท่ากับร้อยละ 3.20 ลดลงจากไตรมาส 3 ปี 2551 ที่อยู่ในระดับร้อยละ 3.70 ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาส 3 ปี 2552 เท่ากับ 3,728 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,358 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 172.12 จากไตรมาส 3 ปี 2551 โดยธนาคารมีรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการในไตรมาส 3/2552 เท่ากับ 2,702 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 670 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 32.97 จากไตรมาส 3 ปี 2551
ส่วนยอดคงค้างสินเชื่อของธนาคารเท่ากับ 1,047,704 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,206 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.50 จากสิ้นปี 51 มีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs)ณ 30 กันยายน 2552 จำนวน 90,088 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจำนวน 4,640 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 5.43 จาก ณ 31 ธันวาคม 2551 อย่างไรก็ดี สัดส่วน NPLs (gross) ลดลงจากร้อยละ 7.68 ณ 31 ธันวาคม 2551 เป็นร้อยละ 7.33 ณ 30 กันยายน 2552 และสัดส่วน NPLs (net) ลดลงจากร้อยละ 5.42 ณ 31 ธันวาคม 2551 เป็นร้อยละ 4.95 ณ 30 กันยายน 2552 และมีเงินกองทุน ร้อยละ 16.04 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำร้อยละ 8.50 ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
SCB-BAYแจ่มค่าฟีดันกำไรเพิ่ม
ขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2552 มีกำไรสุทธิจำนวน 5.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551 ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลประกอบการ ที่ปรับตัวดีขึ้นมาจาก รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30.1 จากการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและกำไรจากเงินลงทุน ขณะที่สินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 4.7 ณ สิ้นกันยายน 2552 จากร้อยละ 5.2 ในปี 2551
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ผลประกอบการที่ดีของธนาคารแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 และธนาคารมีความพร้อมที่จะเข้าสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากนี้ไปด้วยการมีเงินกองทุน ผลกำไรสุทธิ และผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นในระดับสูง มีมูลค่าตลาดรวมสูงเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มสถาบันการเงินของประเทศ
ทั้งนี้ ผลกำไรสุทธิที่ปรับตัวดีขึ้นของธนาคารนั้น ปัจจัยหลักมาจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้ค่าธรรมเนียม โดยเฉพาะจากธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจ Bancassurance และผลิตภัณฑ์กองทุนรวม ทั้งนี้ รายได้ค่าธรรมเนียมในไตรมาส 3 อยู่ที่ 4,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 เทียบกับไตรมาส 3 ปี 2551ขณะที่ธนาคารสามารถควบคุมและบริหารค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายจากการลงทุนขยายเครือข่ายและลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจเพื่อรองรับเศรษฐกิจฟื้นตัวในปี 2553 โดยค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยในไตรมาส 3 อยู่ที่ 8,583 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.4 เทียบกับไตรมาส 3 ปี 2551 และในส่วนของหนี้เอ็นพีแอล ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 52 อยู่ที่ร้อยละ 4.7ลดลงจากร้อยละ 5.2 ในช่วงเวลาเดียวกันปี 2551 และอยู่ในระดับเดียวกันกับสินเชื่อ ด้อยคุณภาพ ณ สิ้นมิถุนายน 2552
ด้านธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 มีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 2,176 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 24% จากไตรมาสก่อน โดยธนาคารและบริษัทในเครือมีกำไรจากการดำเนินงานรวม 5,309 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% และ 15% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2551 และไตรมาส 2 ปี 2552 ตามลำดับ
โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ได้แก่ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 135% โดยค่าธรรมเนียมจากบริการเพิ่มขึ้น 15% และในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้น 2% ถึงแม้ว่ายอดสินเชื่อรวมจะทรงตัวอันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
สำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 ธนาคารมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 4,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักเกิดจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 55% รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้น 2% ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเพียง 7%
นายตัน คอง คูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธนาคารพอใจกับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว ธนาคารสามารถรายงานผลประกอบการที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน หรือเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ความพยายามของเราที่จะสร้างผลตอบแทนจากโอกาสการเติบโตจากภายนอก ด้วยการเข้าซื้อกิจการได้ช่วยเสริมให้เราสามารถรายงานผลประกอบการที่เป็นไปตามเป้าหมายปี 2552 ที่วางไว้”
CIMBTวูบ54%-หวังQ4ล้างขาดทุนหมด
นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT เปิดเผยว่า ผลประกอบการของธนาคารมีการเติบโตผลกำไรสุทธิ 461 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 ลดลง 549 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 54 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เติบโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1และไตรมาส 2 ที่มีการติดลบโดยรวมอยู่ที่ 500 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการเติบโตของรายได้ไตรมาสเทียบไตรมาส 8.4% เป็นจำนวน 1,940 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากกำไรส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ขยายตัวถึง 18.9% ส่วนสินเชื่อรวมของกลุ่มลดลง 2.8% ตามสภาพเศรษฐกิจของไทยที่ชะลอตัว รวมทั้งการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิต ขณะที่หนี้ด้อยคุณภาพไตรมาสเทียบไตรมาสลดลง 2.9% แต่สัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพสุทธิยังเพิ่มจาก 7.9% ในไตรมาสที่ 2 เป็น 8.6% เนื่องจากกลุ่มมีลูกหนี้เก่าและมีการให้สินเชื่อในจำนวนน้อยคอยถ่วงอยู่ อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 6.7% และ 13.2% ตามลำดับ ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 ซึ่งเกินเกณฑ์กำหนดของธปท.
อย่างไรก็ตาม ธนาคารคาดการณ์ว่าในไตรมาส 4 ของปี 2552 นี้จะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมด โดยเฉพาะขณะนี้ที่ตัวเลขการขาดทุนสะสมเหลือประมาณ 40 ล้านบาท และมั่นใจว่าธนาคารจะสามารถถึงเป้าหมายจุดคุ้มทุนที่ตั้งไว้ได้ในปี 2552 นี้ ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพเพื่อทำเป้าหมายในปี 2553 ให้สำเร็จด้วยเช่นกัน หลังจากที่ธนาคารได้ขาดทุนติดต่อกัน 3 ปี ซึ่งเป็นการขาดทุนจากการกันสำรองหนี้จัดชั้น
นอกจากนี้ในส่วนของการเติบโตสินเชื่อรวมของธนาคาร ก็ยอมรับว่าได้มีการทบทวนเป้าหมายลดลงจากเดิมตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 15 % แต่เมื่อสภาพเศรษฐกิจชะลอตัวลงทำให้เป้าหมายการเติบโตสินเชื่อรวมของธนาคารในปีนี้อยู่ที่ 1% ซึ่งจะเป็นในกรณีที่ดีที่สุด โดยจากฐานสินเชื่อของธนาคารไตรมาส 3 อยู่ที่ 73,000 ล้านบาท ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 84,200 ล้านบาทในสิ้นปีนี้ เทียบกับปี 2551 ซึ่งอยู่ที่ 83,660 ล้านบาท แต่ถ้าในกรณีเลวร้ายที่สุดสินเชื่อรวมของธนาคารในปีนี้จะอยู่ที่ 74,000-75,000 ล้านบาท
ธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน)(ACL)แจ้งว่า ในไตรมาส 3 ปี 2552 ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 243 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 80 รวมงวด 9 เดือนแรกของปี 2552 มีกำไรสุทธิ 449 ล้านบาท 128 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 39.87 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ กำไรสุทธิของธนาคารพาณิชย์โดยรวมทั้ง 11 แห่งได้แก่BL,KTB,KBANK,SCB,TMB,BAY,TCAP,CIMBT,KK,TISCO และ ACL มีจำนวน 23,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,564 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน