ASTVผู้จัดการรายวัน – บีทีเอสยื่นประมูลเป็นที่ปรึกษาระบบรถไฟฟ้าในตะวันออกกลาง คาดรู้ผลปีหน้า ส่วนแผนลงทุนที่เวียดนามและอินเดียอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นได้โครงการ เลื่อนเข้าตลาดหุ้นเป็นไตรมาสแรกปีหน้า หวังระดมทุนซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มเติมหากได้รับสิทธิการเดินรถช่วงต่อขยายอ่อนนุช-แบริ่ง และวงเวียนใหญ่-บางหว้า
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือบีทีเอส เปิดเผยว่า บริษัทฯสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจเดินรถไฟฟ้าในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ของโครงการต่างๆ โดยล่าสุดบริษัทฯได้ยื่นประมูลเป็นปรึกษาระบบรถไฟฟ้าในตะวันออกกลาง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในตันปีหน้า ซึ่งมูลค่างานไม่สูงนัก แต่มองโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนในอนาคตหากเป็นโครงการที่ดี
ขณะเดียวกัน บริษัทฯสนใจที่จะเข้าไปลงทุนเดินรถไฟฟ้าที่เวียดนาม และอินเดีย ซึ่งรูปแบบการลงทุนในต่างประเทศนั้นบริษัทฯจะร่วมมือกับพันธมิตรในการลงทุน โดยโครงการที่อินเดียนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาทีโออาร์ ขณะที่เวียดนาม ทางรัฐบาลวางแผนที่จะสร้างรถไฟฟ้า แต่ยังไม่มีการเปิดประมูล ซึ่งบริษัทฯ พร้อมที่จะลงทุนก่อสร้างวางระบบหรือรับจ้างบริหารเดินรถไฟฟ้า
นายสุรพงษ์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯว่า เดิมบริษัทฯมีแผนจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปลายปีนี้ แต่เนื่องจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย และบริษัทฯยังไม่ได้มีการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินทำให้ต้องเลื่อนการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯไปเป็นไตรมาสแรกปี 2553 แทน
สำหรับเงินที่ได้จากการขายหุ้นไอพีโอนั้น จะนำมาใช้ซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มเติมในส่วนต่อขยายอ่อนนุช-แบริ่ง หากได้รับเป็นผู้เดินรถต่อเนื่องในเส้นทาง เนื่องจากระยะทางเดินรถไม่ยาวมาก ซึ่งบริษัทมีแผนจะซื้อรถไฟเพิ่มอีก 35 ตู้พ่วง คิดเป็นมูลค่า 1,000-2,000 ล้านบาท เพื่อให้รถไฟฟ้ายาวขึ้นจากเดิม 3 ตู้เป็น 4 ตู้/ขบวน ขณะที่รถไฟฟ้าใหม่ที่ได้สั่งซื้อไว้ 12 ขบวนจะทยอยส่งมอบในต้นปีหน้า ก็จะใช้วิ่งเส้นทางสายสีลม โดยรถไฟฟ้าใหม่นี้จะมี 4ตู้/ขบวน
ส่วนเส้นทางวงเวียนใหญ่-บางหว้า หากบริษัทฯได้สิทธิการเดินรถ ก็จะต้องซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มเติมอีก 10 ขบวน เบ็ดเสร็จทั้ง 2 เส้นทางจะใช้เงินลงทุนซื้อรถไฟใหม่ประมาณ 3,000 ล้านบาท
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือบีทีเอส เปิดเผยว่า บริษัทฯสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจเดินรถไฟฟ้าในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ของโครงการต่างๆ โดยล่าสุดบริษัทฯได้ยื่นประมูลเป็นปรึกษาระบบรถไฟฟ้าในตะวันออกกลาง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในตันปีหน้า ซึ่งมูลค่างานไม่สูงนัก แต่มองโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนในอนาคตหากเป็นโครงการที่ดี
ขณะเดียวกัน บริษัทฯสนใจที่จะเข้าไปลงทุนเดินรถไฟฟ้าที่เวียดนาม และอินเดีย ซึ่งรูปแบบการลงทุนในต่างประเทศนั้นบริษัทฯจะร่วมมือกับพันธมิตรในการลงทุน โดยโครงการที่อินเดียนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาทีโออาร์ ขณะที่เวียดนาม ทางรัฐบาลวางแผนที่จะสร้างรถไฟฟ้า แต่ยังไม่มีการเปิดประมูล ซึ่งบริษัทฯ พร้อมที่จะลงทุนก่อสร้างวางระบบหรือรับจ้างบริหารเดินรถไฟฟ้า
นายสุรพงษ์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯว่า เดิมบริษัทฯมีแผนจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปลายปีนี้ แต่เนื่องจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย และบริษัทฯยังไม่ได้มีการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินทำให้ต้องเลื่อนการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯไปเป็นไตรมาสแรกปี 2553 แทน
สำหรับเงินที่ได้จากการขายหุ้นไอพีโอนั้น จะนำมาใช้ซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มเติมในส่วนต่อขยายอ่อนนุช-แบริ่ง หากได้รับเป็นผู้เดินรถต่อเนื่องในเส้นทาง เนื่องจากระยะทางเดินรถไม่ยาวมาก ซึ่งบริษัทมีแผนจะซื้อรถไฟเพิ่มอีก 35 ตู้พ่วง คิดเป็นมูลค่า 1,000-2,000 ล้านบาท เพื่อให้รถไฟฟ้ายาวขึ้นจากเดิม 3 ตู้เป็น 4 ตู้/ขบวน ขณะที่รถไฟฟ้าใหม่ที่ได้สั่งซื้อไว้ 12 ขบวนจะทยอยส่งมอบในต้นปีหน้า ก็จะใช้วิ่งเส้นทางสายสีลม โดยรถไฟฟ้าใหม่นี้จะมี 4ตู้/ขบวน
ส่วนเส้นทางวงเวียนใหญ่-บางหว้า หากบริษัทฯได้สิทธิการเดินรถ ก็จะต้องซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มเติมอีก 10 ขบวน เบ็ดเสร็จทั้ง 2 เส้นทางจะใช้เงินลงทุนซื้อรถไฟใหม่ประมาณ 3,000 ล้านบาท