ASTVผู้จัดการรายวัน - ธอส.เตรียมยืดสินเชื่อฟาสต์แทร็กดอกเบี้ยพิเศษออกไปอีก 2 สัปดาห์ หากครบกำหนด 31 ต.ค. ปล่อยกู้ไม่หมด 1.5 หมื่นล้านบาท หลังปัจจุบันมีลูกค้ายื่นกู้เพียง 7 ,000 ล้านบาท เผยยอดปล่อยกู้ปัจจุบัน 74,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมออกแพ็คเก็จสินเชื่อ ธอส.-บีโอไอ คาดทั้งปีปล่อยตามเป้าแสนล้าน ส่วนกำไรเชื่อทะลุ 4,000 ล้าน
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ผลการปล่อยสินเชื่อโครงการฟาสต์แทรกหรือสินเชื่อเร่งด่วนตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งธอส. ได้รับวงเงินในการปล่อยสินเชื่อรวม 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อสำหรับผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อบ้านในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวน 10,000 ล้านบาท และต่างจังหวัด 5,000 ล้านบาท
โดยเริ่มปล่อยสินเชื่อตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคมถึง 11 ตุลาคม มีผู้มาขอยื่นกู้แล้วประมาณ 8,367 บัญชีคิดเป็นวงเงินรวม 7,503 ล้านบาท และในจำนวนนี้มีการเบิกเงินไปแล้วประมาณ 2,500 ล้านที่เหลืออยู่ระหว่างการดำเนินการ อย่างไรก็ตามหากภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ มีการยื่นขอมาไม่ครบทั้งจำนวน 15,000 ล้านบาท ธนาคารอาจพิจารณายืดระยะเวลาในการยื่นขอสินเชื่อฟาสต์แทรกในอัตราพิเศษออกไปอีก 1-2 สัปดาห์
โดยดอกเบี้ยพิเศษ คือ ปีที่ 1 เดือนที่ 1-3 คิดดอกเบี้ย 1.50% เดือนที่ 4-12 คิด 2.99% ส่วนปีที่ 2-3 คิดอัตราดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์-2% จากนั้นปีที่ 4 สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไปคิดดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์ -0.5% ส่วนลูกค้าสวัสดิการคิดดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์ -1% อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะหมดช่วงดอกเบี้ยพิเศษไปแล้ว แต่สินเชื่อฟาสต์แทรกซึ่งจะใช้เวลาในพิจารณาสินเชื่อ 7 วันจะยังใช้จนถึงสิ้นปีเพราะเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นให้ธอส. ปล่อยสินเชื่อได้ 1 แสนล้านบาท ตามเป้าหมาย
นอกจากนี้ธอส. ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาแพคเกจดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อปล่อยกู้ให้กับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านภายใต้โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางหรือมีรายได้น้อย หรือบ้านบีโอไอภายใต้แคมเปญ ธอส. – บีโอไอ โดยจะพยายามหาแพคเกจที่สามารถผ่อนชำระได้ต่ำกว่าอัตราการผ่อนชำระเดิมคือ 8,000 บาทต่อเดือนสำหรับผู้ที่ขอกู้เงินในวงเงิน 1 ล้านบาท
สำหรับความคืบหน้าในการปล่อยสินเชื่อของธอส. ในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมา สามารถปล่อยสินเชื่อได้แล้วประมาณ 74,000 ล้านบาท และในช่วงปลายปีทางผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะมีการแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดจึงเชื่อว่าจะปล่อยได้อีก ประมาณ 20,000 ล้านบาท จึงเชื่อว่าธอส. จะปล่อยกู้ได้ 1 แสนล้านบาท ตามเป้าหมายและคาดว่าจะมีกำไรไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท อย่างแน่นอน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3,600 ล้านบาท
“นอกจากนี้ ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ธอส.เตรียมเซ็นเอ็มโอยู กับบรรษัทตลาดรองสินเชื่อหรือ บตท. ในการขายพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้ โดยส่วนหนึ่งจะเป็นการจัดพอร์ตพิเศษ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้” นายขรรค์กล่าว.
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ผลการปล่อยสินเชื่อโครงการฟาสต์แทรกหรือสินเชื่อเร่งด่วนตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งธอส. ได้รับวงเงินในการปล่อยสินเชื่อรวม 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อสำหรับผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อบ้านในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวน 10,000 ล้านบาท และต่างจังหวัด 5,000 ล้านบาท
โดยเริ่มปล่อยสินเชื่อตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคมถึง 11 ตุลาคม มีผู้มาขอยื่นกู้แล้วประมาณ 8,367 บัญชีคิดเป็นวงเงินรวม 7,503 ล้านบาท และในจำนวนนี้มีการเบิกเงินไปแล้วประมาณ 2,500 ล้านที่เหลืออยู่ระหว่างการดำเนินการ อย่างไรก็ตามหากภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ มีการยื่นขอมาไม่ครบทั้งจำนวน 15,000 ล้านบาท ธนาคารอาจพิจารณายืดระยะเวลาในการยื่นขอสินเชื่อฟาสต์แทรกในอัตราพิเศษออกไปอีก 1-2 สัปดาห์
โดยดอกเบี้ยพิเศษ คือ ปีที่ 1 เดือนที่ 1-3 คิดดอกเบี้ย 1.50% เดือนที่ 4-12 คิด 2.99% ส่วนปีที่ 2-3 คิดอัตราดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์-2% จากนั้นปีที่ 4 สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไปคิดดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์ -0.5% ส่วนลูกค้าสวัสดิการคิดดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์ -1% อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะหมดช่วงดอกเบี้ยพิเศษไปแล้ว แต่สินเชื่อฟาสต์แทรกซึ่งจะใช้เวลาในพิจารณาสินเชื่อ 7 วันจะยังใช้จนถึงสิ้นปีเพราะเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นให้ธอส. ปล่อยสินเชื่อได้ 1 แสนล้านบาท ตามเป้าหมาย
นอกจากนี้ธอส. ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาแพคเกจดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อปล่อยกู้ให้กับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านภายใต้โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางหรือมีรายได้น้อย หรือบ้านบีโอไอภายใต้แคมเปญ ธอส. – บีโอไอ โดยจะพยายามหาแพคเกจที่สามารถผ่อนชำระได้ต่ำกว่าอัตราการผ่อนชำระเดิมคือ 8,000 บาทต่อเดือนสำหรับผู้ที่ขอกู้เงินในวงเงิน 1 ล้านบาท
สำหรับความคืบหน้าในการปล่อยสินเชื่อของธอส. ในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมา สามารถปล่อยสินเชื่อได้แล้วประมาณ 74,000 ล้านบาท และในช่วงปลายปีทางผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะมีการแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดจึงเชื่อว่าจะปล่อยได้อีก ประมาณ 20,000 ล้านบาท จึงเชื่อว่าธอส. จะปล่อยกู้ได้ 1 แสนล้านบาท ตามเป้าหมายและคาดว่าจะมีกำไรไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท อย่างแน่นอน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3,600 ล้านบาท
“นอกจากนี้ ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ธอส.เตรียมเซ็นเอ็มโอยู กับบรรษัทตลาดรองสินเชื่อหรือ บตท. ในการขายพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้ โดยส่วนหนึ่งจะเป็นการจัดพอร์ตพิเศษ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้” นายขรรค์กล่าว.
