วานนี้(14 ต.ค) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ พ.ศ....หลังจากที่ที่ที่ประชุมวุฒิสภาได้แก้ไขมาตรา 3 ให้ ครม.ส่งกรอบการใช้เงินให้รัฐสภาพิจารณาก่อนเริ่มดำเนินการ และต้องแสดงรายละเอียดโครงการที่จะนำเงินกู้ไปใช้ มาตรา 4 การใช้จ่ายเงินกู้ โดยกระทรวงการคลังต้องได้รับการอนุมัติจากครม. มาตรา 10 การบริหารเงินที่ได้รับเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ และเพิ่มเติมมาตรา 11/1 ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบการรับจ่าย การเก็บรักษา และการใช้เงินกู้ตามพระราชบัญญัตินี้ ว่าเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีหรือไม่ ตลอดจนตรวจสอบการใช้จ่ายเงินกู้ และการจัดซื้อจัดจ้างตามโครงการ ว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน ประหยัดได้ผลตามเป้าหมาย และมีผลคุ้มค่าหรือไม่ แล้วรายงานผล
ทั้งนี้การอภิปรายส่วนใหญ่ ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย เห็นด้วยกับการแก้ไขของวุฒิสภา และตั้งข้อสังเกตุว่า ทั้งที่งบยังไม่ออกมาหลายกระทรวงมีการเซ็นอนุมัติโครงการเป็นจำนวนมาก บางกระทรวงเซ็นไปแล้วถึง 45 โครงการ ซึ่งเสี่ยงต่อการทุจริตมาก และโครงการที่ผ่านล้วนเป็นคนที่ใกล้ชิดรัฐมนตรี วิ่งเต้นเข้าไปหาและรัฐมนตรีก็เซ็นอนุมัติหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ บ้านเมืองก็จะเสียหาย
ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ชี้แจงว่า การกู้เงินเพื่อนำไปลงทุนในโครงการต่างๆในโครงการปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ส่วนสถานะเงินคงคลังของไทย ถือว่าเข้มแข็ง ดังนั้นคำว่าถังแตกไม่มี ฐานะทางการเงินค่อนข้างดี
ส่วนที่แก้ไข มาตรา 3 ให้แจ้งเพื่อสภาพิจารณาแทนรับทราบนั้น ยังเป็นที่เคลือบแคลงว่า ผิดกฎหมายหรือไม่ ที่ให้ฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่พิจารณาเงินนอกงบประมาณ ขณะที่ในแง่การตรวจสอบการใช้งบประมาณ แม้จะไม่ระบุให้นำเสนอสภาเพื่อพิจารณา แต่ก็สามารถหาข้อมูลจากเว็บไซต์ไทยเข้มแข็ง 2555 ได้อยู่แล้ว ซึ่งจะมีรายละเอียดต่างๆ ครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นราคากลาง ชื่อบริษัทที่ประมูล ผู้รับผิดชอบโครงการ ไม่ต่างจากการพิจารณาในสภา
นายกรณ์ กล่าวว่าในประเด็น มาตรา 11 ที่ระบุให้ สตง.เข้ามาตรวจสอบการใช้งบประมาณในแต่ละโครงการ ก็เป็นหน้าที่ของสตง. อยู่แล้ว ถึงจะไม่ระบุเพิ่มเติมในพ.ร.บ.นี้ และส่วนตัวก็ไม่ได้กลัว หรือวิตกกับการตรวจสอบการใช้งบประมาณอยู่แล้วแต่ที่เป็นห่วงคือ การไประบุเช่นนี้อาจเหมือนกับการไปแทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระที่มีกฎหมายของตัวเองกำหนดกรอบหน้าที่การทำงานอยู่แล้ว
จากนั้นนายสุนัย จุลพงษธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เสนอว่าหากไม่เชื่อใจในการพิจารณาของวุฒิสภา แล้วเกรงว่า มาตรา 3 จะขัดรัฐธรรมนูญ ก็สามารถส่งเรื่องให้ กฤษฎีกา หรือศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาได้ เพราะการที่จะให้ไปดูข้อมูลในเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถซักถามชี้แจงได้ ไม่เหมือนกับการเปิดให้พิจารณาในสภา เพราะแม้แต่ถามเรื่องข้อมูลการใช้งบซื้ออาวุธของกองทัพ 1.1 หมื่นล้านบาท วันนี้ก็ยังไม่ได้รับคำชี้แจงว่าเป็นเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร ทำให้นายกรณ์ ชี้แจงว่า สามารถนำข้อมูลจากเว็บไซต์เหล่านั้น มาอภิปราย หรือตั้งกระทู้ถามในสภาได้
อย่างไรก็ตาม ที่สุดที่ประชุมได้มีมติตั้งคณะกรรมาธิการร่วมพิจารณาร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ พ.ศ...
ทั้งนี้การอภิปรายส่วนใหญ่ ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย เห็นด้วยกับการแก้ไขของวุฒิสภา และตั้งข้อสังเกตุว่า ทั้งที่งบยังไม่ออกมาหลายกระทรวงมีการเซ็นอนุมัติโครงการเป็นจำนวนมาก บางกระทรวงเซ็นไปแล้วถึง 45 โครงการ ซึ่งเสี่ยงต่อการทุจริตมาก และโครงการที่ผ่านล้วนเป็นคนที่ใกล้ชิดรัฐมนตรี วิ่งเต้นเข้าไปหาและรัฐมนตรีก็เซ็นอนุมัติหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ บ้านเมืองก็จะเสียหาย
ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ชี้แจงว่า การกู้เงินเพื่อนำไปลงทุนในโครงการต่างๆในโครงการปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ส่วนสถานะเงินคงคลังของไทย ถือว่าเข้มแข็ง ดังนั้นคำว่าถังแตกไม่มี ฐานะทางการเงินค่อนข้างดี
ส่วนที่แก้ไข มาตรา 3 ให้แจ้งเพื่อสภาพิจารณาแทนรับทราบนั้น ยังเป็นที่เคลือบแคลงว่า ผิดกฎหมายหรือไม่ ที่ให้ฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่พิจารณาเงินนอกงบประมาณ ขณะที่ในแง่การตรวจสอบการใช้งบประมาณ แม้จะไม่ระบุให้นำเสนอสภาเพื่อพิจารณา แต่ก็สามารถหาข้อมูลจากเว็บไซต์ไทยเข้มแข็ง 2555 ได้อยู่แล้ว ซึ่งจะมีรายละเอียดต่างๆ ครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นราคากลาง ชื่อบริษัทที่ประมูล ผู้รับผิดชอบโครงการ ไม่ต่างจากการพิจารณาในสภา
นายกรณ์ กล่าวว่าในประเด็น มาตรา 11 ที่ระบุให้ สตง.เข้ามาตรวจสอบการใช้งบประมาณในแต่ละโครงการ ก็เป็นหน้าที่ของสตง. อยู่แล้ว ถึงจะไม่ระบุเพิ่มเติมในพ.ร.บ.นี้ และส่วนตัวก็ไม่ได้กลัว หรือวิตกกับการตรวจสอบการใช้งบประมาณอยู่แล้วแต่ที่เป็นห่วงคือ การไประบุเช่นนี้อาจเหมือนกับการไปแทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระที่มีกฎหมายของตัวเองกำหนดกรอบหน้าที่การทำงานอยู่แล้ว
จากนั้นนายสุนัย จุลพงษธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เสนอว่าหากไม่เชื่อใจในการพิจารณาของวุฒิสภา แล้วเกรงว่า มาตรา 3 จะขัดรัฐธรรมนูญ ก็สามารถส่งเรื่องให้ กฤษฎีกา หรือศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาได้ เพราะการที่จะให้ไปดูข้อมูลในเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถซักถามชี้แจงได้ ไม่เหมือนกับการเปิดให้พิจารณาในสภา เพราะแม้แต่ถามเรื่องข้อมูลการใช้งบซื้ออาวุธของกองทัพ 1.1 หมื่นล้านบาท วันนี้ก็ยังไม่ได้รับคำชี้แจงว่าเป็นเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร ทำให้นายกรณ์ ชี้แจงว่า สามารถนำข้อมูลจากเว็บไซต์เหล่านั้น มาอภิปราย หรือตั้งกระทู้ถามในสภาได้
อย่างไรก็ตาม ที่สุดที่ประชุมได้มีมติตั้งคณะกรรมาธิการร่วมพิจารณาร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ พ.ศ...