xs
xsm
sm
md
lg

แฉระเบิดหน้าปปช.เหมือนหน้าศาล-ASTV

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - รัฐบาลเตรียมขอมติ ครม.วันนี้ เพื่อประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯในพื้นที่กรุงเทพฯระหว่าง 15-25 ต.ค. หลังพบระเบิดแสวงเครื่องหน้า ป.ป.ช.ช่วงแก๊งเสื้อแดงก่อม็อบป่วน"เทือก" ยันมีหลักฐานสาวถึงมือระเบิด ตำรวจชี้การวางระเบิดหน้า ป.ป.ช.-ASTV-ศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง 3 จุดเป็นชนิดเดียวกัน สอดคล้องกับ "สนธิ" เชื่อหวังขู่กระบวนการยุติธรรม

จากกรณีเมื่อเวลา 17.30 น.ของวันที่ 11 ต.ค. ระหว่างการชุมนุมของ กลุ่มคนเสื้อแดงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยวางอยู่บริเวณริมรั้ว ใต้ต้นโพธิ์ บริเวณหน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล ใกล้กับซอยลิขิต เมื่อเข้าตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยเป็นท่อ PVC ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ยาว 1 ฟุต มีสายไฟโผล่ออกมาด้านนอก จึงใช้ปืนแรงดันน้ำ ยิงตัดวงจร จากนั้นได้เข้าไปตรวจสอบพบว่า มีระเบิดแสวงเครื่องบรรจุอยู่ภายใน โดยตั้งเวลาระเบิดไว้ด้วย แต่เจ้าหน้าที่ได้ทำลายก่อนที่จะเกิดการระเบิด

**เตรียมใช้กม.ความมั่นคงคุมม็อบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ วานนี้ (12 ต.ค.) ถึงเรื่องดังกล่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ได้ให้สัมภาษณ์แล้ว ซึ่งจะมีการตรวจ ข้อเท็จจริงอีกครั้ง และในวันอังคารที่ 13 ต.ค.นี้ จะมีการรายงานภาพรวมในแง่ของการ ดูแลการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงบ เนื่องจากจะมีการชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันที่ 17 ต.ค.นี้ และจะมีการการหารือในคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีความเป็นไปได้ที่จะมีการประกาศพื้นที่มั่นคงในพื้นที่กรุงเทพฯ ในช่วงจากนี้ไป จนกระทั่งคลอบคลุมช่วงที่มีการจัดการประชุมอาเซียนด้วย เพราะว่า อาจจะมีเป้าหมายของบางกลุ่มที่จะทำให้เกิดปัญหาขึ้น และกระทบกับการจัดการประชุมด้วย

ส่วนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นมีความเชื่อมโยงกับการชุมนุมด้วยหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อเท็จจริงกำลังตรวจสอบ แต่ก่อนหน้านี้มีการข่าวว่า มีพูดถึงปัญหา ในลักษณะนี้อยู่ วันอังคารที่ 13 ต.ค. นี้ก็จะมีการนำเสนอให้ ครม. พิจารณาอีกที ส่วนพื้นที่ที่จะมีการประกาศเป็นพื้นที่ความมั่นคงในกรุงเทพฯจะประกาศเขตใดบ้าง นั้นจะพิจารณาอีกครั้ง แต่จะพยายามประกาศให้น้อยที่สุด ส่วนช่วงเวลาก็คงจะไม่เหมือนกับที่ประชุมอาเซียนได้เริ่มไปแล้ว และส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ น่าจะประกาศหลังจากวันจันทร์นี้เป็นต้นไป

ซึ่งการประกาศพื้นที่ความมั่นคง จะเป็นเครื่องมือช่วยทำให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ได้สะดวกขึ้น แต่ทุกคนก็ต้องช่วยกัน ไม่ได้หมายความว่าประกาศพื้นที่ความมั่นคงแล้วเจ้าหน้าที่จะสามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง ก็ต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนด้วย อย่างไรก็ตามเรื่องของการป้องกันการก่อเหตุลอบวางระเบิดได้มีการสั่งเฝ้าระวังเหตุอยู่แล้วโดยเฉพาะในสถานที่ที่คิดว่าเป็นเป้า อย่างกรณี ป.ป.ช. ก็เป็นสถานที่ที่พูดกันมานานว่าเป็นเป้า เพราะได้มีการพูดกันมาตลอด

ส่วนที่จะเป็นกลุ่มเดียวกับที่ปาระเบิดที่บ้านนายวิชา มหาคุณ คณะกรรการ ป.ป.ช.หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปสรุปหรือกล่าวหาใครเพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

**มาร์ค เปลี่ยนนั่งแลนด์โรเวอร์กันกระสุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (12 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ ได้เปลี่ยนรถประจำตำแหน่ง จากรถเบนซ์กันกระสุน รุ่นเอส 600 มาเป็นรถแลนด์โรเวอร์ รุ่นเรนจ์โรเวอร์กันกระสุนแทน เนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ต.ค. หลังเดินทางไปออกอากาศรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ รถเบนซ์กันกระสุนคันที่ใช้ประจำประจำเกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิคโชค์และระบบไฟรวมทั้งเครื่องยนต์มีปัญหา เป็นเหตุต้องส่งเข้าศูนย์ เพื่อเช็คระบบ ซึ่งต้องใช้เวลาการซ่อมนานประมาณ 15 วัน

ทั้งนี้รถแลนด์โรเวอร์กันกระสุนคันดังกล่าว เป็นหนึ่งใน 20 คัน ที่นำมาทดลอง ใช้ก่อนที่จะนำมาใช้รับส่งผู้นำประเทศต่างๆ ที่จะมาร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 21-25 ต.ค.นี้

โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะดูแลงานด้านความมั่นคงและทีมรักษาความปลอดภัย ได้นำมาทดลองใช้ก่อนหน้านี้แล้วจำนวน 2 คัน โดยนายสุเทพชี้แจงไว้ว่า สาเหตุที่เลือกรถยี่ห้อนี้เพราะถูกกว่ายี่ห้ออื่น และยี่ห้ออื่นไม่มีรถเพียงพอที่จะมารองรับ ต้องสั่งพิเศษ มีเพียงยี่ห้อนี้ที่มีรถเต็มจำนวนกับความต้องการและราคาไม่แพง โดยทางทีมงานของนายสุเทพระบุกับผู้สื่อข่าวว่า สามารถซื้อได้ในราคาพิเศษ คันละ 6 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเสร็จงานประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนแล้ว รถเหล่านี้จะนำไว้ใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองหรือผู้นำประเทศ เมื่อมีความประสงค์ โดยจะให้ศูนย์รักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีเป็นคนดูแลต่อไป

ทั้งนี้จากการตรวจสอบของทีมข่าว ASTVผู้จัดการ พบว่า รถยนต์แลนด์โรเวอร์ รุ่นเรนจ์โรเวอร์ ปกติที่ไม่ได้ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง (กันกระสุน) จะมีราคาท้องตลาด อยู่ในช่วง 7.5-10 ล้านบาท ซึ่งรถยนต์กันกระสุนที่รัฐบาลเพิ่งสั่งซื้อนี้ หากบุคคลทั่วไปมีความประสงค์จะซื้อหามาใช้งานน่าจะต้องควักกระเป๋ามากกว่า 10 ล้านบาทอย่างแน่นอน

**เทือกชี้มีคนบางกลุ่มต้องการวุ่นวาย
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ กรณีรายงานหน่วยข่าวความมั่นคงระบุว่า จะมีการก่อเหตุรุนแรง ที่สนามบินหาดใหญ่ จ.สงขลา ว่า รัฐบาลระวังพื้นที่ทุกแห่ง แต่ก็ต้องขอความร่วมมือจากประชาชน ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด ช่วยเป็นหู เป็นตา หากพบสิ่งผิดปกติ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่รัฐ

จากเหตุระเบิด ที่ข้างสำนักงาน ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 11 ต.ค. แสดงให้เห็นว่าขณะนี้มีคนบางกลุ่ม พยายามทำร้ายประเทศไทย สร้างความวุ่นวาย ปั่นป่วนให้เกิดขึ้น ในบ้านเมือง ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่มีเหตุระเบิด 8 จุด ช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ รัฐบาลพยายามทำอย่างดีที่สุด แต่ต้องไม่ประมาท

**เก่ง! มีหลักฐานสาวถึงมือวางบึ้มได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าตำรวจรายงานว่า เหตุระเบิดที่ ป.ป.ช. เกี่ยวข้องกับกลุ่มเสื้อแดง หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ต้องการโยงขนาดนั้น แต่มีหลักฐานบางประการ ที่อาจสาวไปถึงคนทำผิดได้ เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่า เหตุระเบิดเป็นระยะจะส่งผลกระทบต่อการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน (อาเซียน ซัมมิท) นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลให้ดีที่สุด

"ผมเชื่อมั่นใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่เป็นผู้อำนวยการดูแล ความสงบเรียบร้อย ในช่วงอาเซียน ซัมมิท และเชื่อมั่นในอุดมการณ์ ความตั้งใจของเจ้าหน้าที่ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่จะผนึกกำลังปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด เพราะทุกคนรู้ดีว่าเดิมพันคราวนี้ คือ ความเชื่อมั่นของประเทศไทยในสายตาชาวโลก เราเคยเสียหายมากมาแล้วครั้งหนึ่งที่พัทยา เราต้องไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก"

**ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ 15-25 ต.ค.
นายสุเทพกล่าวด้วยว่า เพื่อความสงบเรียบร้อยจะเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ในเขตกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 15-25 ต.ค. นี้ ควบคู่ไปกับการประกาศใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าว ในเขตพื้นที่ จ.เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ในการประชุม ครม.วันนี้ (13 ต.ค.) แต่ยังไม่จำเป็นต้อง ขนาบพื้นที่ในจังหวัดใกล้เคียง

**ระเบิด 3 จุด ชนิดเดียวกัน
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวว่า ไม่มีอะไร เป็นระเบิดธรรมดา ลักษณะเดียวกันที่คนร้าย นำไปวางที่สถานีโทรทัศน์ ASTV และสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เบาะแสถึงผู้บงการก่อเหตุแล้วยัง พล.ต.อ .ปทีป กล่าวว่า ขณะนี้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กำลังเร่งดำเนินการอยู่ ซึ่งคงจะต้องขอระยะเวลาในการพิสูจน์ทราบก่อน ส่วนจำเป็นจะต้องเพิ่มมาตราการรักษาความปลอดภัยหรือไม่ เนื่องจากใกล้เวลาการประชุมสุดผู้นำอาเซียน พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า คงจะดูแลได้และไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในขณะนี้นายสุเทพได้สั่งการอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ตนยังไม่ได้เจอท่านเลย 

วันเดียวกัน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) เรียกประชุม ผกก. รอง ผกก.สส. รอง ผกก.ปป. และฝ่ายจราจร ในสังกัดที่ บก.น.1 เพื่อติดตามความคืบหน้าเหตุการณ์ระเบิดที่ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

พล.ต.ต.วิชัย เปิดเผยว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา สถานการณ์ทางการเมืองมีแนวโน้ม ว่าจะรุนแรงมากขึ้น จึงเรียกประชุมในเรื่องแนวทางการป้องกัน สืบสวน จับกุม การตั้งด่าน การปิดล้อม และระดมจับกุม ซึ่งเป็นการทำงานในเชิงลึก ซึ่ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.ได้มีนโยบายให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมในทุก บช. เป็น 2 ช่วง คือ ช่วงแรกวันที่ 7-14 ต.ค. และช่วงที่สองวันที่ 15-22 ต.ค. 2552

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องระเบิดที่ ป.ป.ช.ได้ให้ฝ่ายสืบสวนติดตาม คนร้ายจากกล้องวงจรปิด ลายนิ้วมือ และหลักฐานอื่นที่พบแล้ว ซึ่งตรวจสอบเบื้องต้นระเบิดที่พบใน 3 จุด คือ ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ และใกล้สถานี ASTV พบเป็นชนิดเดียวกัน ซึ่งในส่วนของการวางมาตรการป้องกันและรักษาความปลอดภัยได้ให้ฝ่ายป้องกันปราบปรามแต่ละพื้นที่ดูแลสถานที่บ้านพักอาศัยของบุคคลสำคัญอย่างทั่วถึงเพื่อป้องกันเหตุร้ายแล้ว

**"สนธิ"ชี้ระเบิดขู่กระบวนการยุติธรรม
นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ เปิดเผยถึงกรณีพบวัตถุระเบิดที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าการลอบวางระเบิดทั้งที่หน้า ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญ นั้นเป็นขบวนการข่มขู่การทำงานองค์กรในกระบวนการยุติธรรมที่ทำงานโดยซื่อสัตย์สุจริต แต่กลับไม่เคยเห็นมีการไปลอบวางระเบิดหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือสำนักงานอัยการสูงสุด

คดีการลอบวางระเบิดหน้าองค์กรอิสระต่างๆ เป็นที่น่าสนใจว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุเป็นการภายในว่า ระเบิดที่วางไว้หน้าสำนักงาน ป.ป.ช.ศาลรัฐธรรมนูญ และสถานีโทรทัศน์ ASTV เป็นระเบิดชนิดเดียวกัน และน่าจะมาจากที่เดียวกัน จึงอยากจะฝากให้สังคมได้ช่วยกันคิด และร่วมให้กำลังใจผู้ที่ทำงาน ด้วยความสุจริต เพราะถ้าบุคคลเหล่านี้เกิดความท้อแท้ สังคมก็จะอยู่ไม่ได้”.
กำลังโหลดความคิดเห็น