“สุเทพ” รับห่วงสถานการณ์บ้านเมือง หวั่นเกิดเหตุร้ายช่วงประชุมอาเซียน แม้จะเชื่อมือ “ประวิตร” ดูแลความสงบได้ แต่ขอไม่ประมาท เตรียมชง ครม.ประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคง ในพื้นที่ กทม.15-25 ต.ค.นี้ ลั่น ต้องการไม่ซ้ำรอยพัทยา ด้าน ผบ.ทร.รับปากระดมเรือตรวจการ 10 ลำ คุ้มกันอาเซียน
วันนี้ (12 ต.ค.) ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการวางระเบิดบริเวณสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อาจจะส่งผลกระทบต่อการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ว่า รัฐบาลก็เป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมือง และทุกคนก็เป็นห่วงประเทศ แต่รัฐบาลมีหน้าที่ต้องดูแลเรื่องนี้ให้ดีที่สุด โดยตนเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการดูแลความสงบเรียบร้อยในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และเชื่อมั่นในอุดมการณ์ความตั้งใจในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ทั้งฝ่ายพลเรือน ตำรวจ และทหาร ที่สนธิกำลังกันทำหน้าที่ ซึ่งการประชุมครั้งนี้ทุกคนรู้ว่า เป็นการเดิมพันความเชื่อมั่นในสายตาของชาวโลก ทั้งนี้ ไทยเคยเสียหายมากมาแล้วครั้งหนึ่งในการจัดการประชุมที่พัทยา ดังนั้น ครั้งนี้ต้องไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก
เมื่อถามว่า จำเป็นต้องประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 15-25 ต.ค.นี้ เพื่อใช้ควบคู่ไปกับการประกาศใช้ พ.ร.บ.ในเขตพื้นที่ที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงทำคู่กันไป โดยจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 13 ต.ค.นี้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องช่วยกันคิด แต่ความตั้งใจของตนอยากประกาศตั้งแต่วันที่ 15-25 ต.ค.นี้ แต่ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องขยายไปพื้นที่ในจังหวัดใกล้เคียง
เมื่อถามถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสุเทพ กล่าวว่า จะเดินหน้าตามแนวทางที่วิป 3 ฝ่าย ตกลงกันแล้ว ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้นำรัฐธรรมนูญ ปี 2540 มาใช้นั้น เห็นว่า ควรรอทำประชามติก่อน เพราะพวกเราไม่ควรจะตัดสินใจเกี่ยวกับประเทศ ด้วยพวกเรากันเอง ควรให้ประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของประเทศตัวจริง ตัดสินใจจะดีกว่า
ด้าน พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้สัมภาษณ์ถึงการรักษาความปลอดภัยในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ว่า ในส่วนของกองทัพเรือได้มีการเตรียมเรือตรวจการ ทั้งขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก รวมกัน 10 ลำ ซึ่งยังไม่นับเรือยาง เรือของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ และเฮลิคอปเตอร์ที่มีจำนวนหนึ่ง เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ที่เรารับผิดชอบ ซึ่งกองทัพเรือมีความพร้อม และจะทำตามแผนที่วางแผนวางไว้ ซึ่งขณะนี้แผนเสร็จ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ทั้งนี้ ไม่ห่วงว่าการประชุมครั้งนี้จะซ้ำรอยเหตุการณ์การประชุมที่พัทยา เพราะทุกหน่วยข่าวกรองของเรามีการเชื่อมโยงกัน ทั้งนี้ในวันประชุมตนคงต้องลงไปดูพื้นที่ด้วยตนเอง
เมื่อถามว่า รู้สึกเป็นห่วงหรือไม่ที่กลุ่มเสื้อแดงประกาศชุมนุมตลอดเดือนตุลาคม พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า ไม่มีอะไรน่าห่วง คิดว่าคงเรียบร้อยดี เพราะทุกคนเข้าใจว่า เป็นเรื่องหน้าตาประเทศชาติ คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นรวมกัน 10 ลำ ซึ่งยังไม่นับเรือยาง เรือของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
ขณะที่ พล.ท.วิศณุ ศรียะพันธุ์ โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย แถลงภายหลังการประชุมผบ.เหล่าทัพ ว่า พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เชื่อว่า การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 23-25 ต.ค.นี้ที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนร่วมมือในการทำงาน ดังนั้น จากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 กองบัญชาการกองทัพไทยได้รับมอบหมายจากกระทรวงกลาโหมให้จัดศูนย์อำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัย (ศอร.รปภ.)
“การปฏิบัติจะคล้ายกับการประชุมที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งจะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมาแม้จะมีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคนในพื้นที่ ดังนั้น การรักษาความปลอดภัยในการประชุมอาเซียนที่ จ.เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ จะดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยและหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ให้มากที่สุด จึงขอเชิญชวนให้คนไทยทุกคนเป็นเจ้าภาพที่ดี เพื่อภาพลักษณ์ของประเทศและจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในประเทศ” พล.ท.วิศณุ กล่าว