ASTVผู้จัดการรายวัน-“โสภณ”ขยาดรถไฟตกราง ปรับนโยบายปี 53 เน้น บก-น้ำ-อากาศ 3 ประสานบูรณาการสู่ความสำเร็จ สั่งทุกหน่วยงานโครงการเด่นชูเป็นตัวชี้วัด ผลงานชิ้นโบว์แดง เล็งเปิดสัมปทานเอกชนลงทุนมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-โคราชนำร่อง ทุบโต๊ะให้รฟม.เดินหน้า สร้างรถไฟฟ้าสีเขียว คาดเปิดประมูลธ.ค.52 โยนฝ่ายการเมืองปชป.-ภูมิใจไทย ตกลงเรื่องการเดินรถ
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมมอบนโยบายการทำงานสำหรับปีงบประมาณ 2553 กับหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่มีการปรับเปลี่ยนใหม่ วานนี้ (8 ต.ค.) ว่า ให้เน้นการทำงานแบบ 3 ประสานบูรณาการสู่ความสำเร็จ 1 หน่วยงาน 1ผลงานชิ้นโบว์แดง คือ ฝ่ายการเมือง หน่วยงาน และภาคประชาชน ประสานการคมนาคมทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ จากเงินทุน 3แหล่ง คือ งบประมาณ เงินกู้ และให้เอกชนเข้ามาลงทุน ผลักดันสู่ความสำเร็จ โดยตั้งคณะกรรมกรมการติดตามเมกกะโปรเจ็กต์ของกระทรวงคมนาคมมีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน
“ปี 2552 นโยบายหลักเน้นเรื่องระบบราง แต่กลับบอบช้ำ ปี 2553 จึงปรับเป็นการบูรณาการทั้งหมด แต่ละหน่วยงานต้องคิดว่าปีนี้จะมีงานอะไรเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง และประกาศให้ประชาชนรับรู้ เพื่อเป็น KPI หรือตัวชี้วัดผลการทำงานของแต่ละหน่วยงานว่าสำเร็จหรือไม่ เช่น ให้เอกชนเข้ามาลงมาลงทุนโครงการ มอเตอร์เวย์ สาย บางปะอิน-โคราช , กระทรวงคมนาคมประกาศเป็นเจ้าภาพในการแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ,การบริหารจัดการสนามบินต่างๆ เป็นต้น”นายโสภณกล่าว
นอกจากนี้จะต้องเน้นทำประชาสัมพันธ์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากมีความล้มเหลวในการสร้างภาพลักษณ์ภายใน ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากความบกพร่องของตัวบุคลากรภายในองค์กร และยังให้เน้นการบริหารท่าอากาศยานในส่วนภูมิภาคให้เกิดประโยชน์สูงสุด ,ส่วนทางน้ำนั้นให้เน้นด้านความปลอดภัยของท่าเรือโดยสารและการเชื่อมโยงเครือข่ายจราจรระบบอื่นๆ เป็นต้น
ด้านนายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า การให้เอกชนลงทุนก่อสร้างมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-โคราชนั้น จะต้องกำหนดเงื่อนไขให้จูงใจกับการเข้ามาลงทุน และต้องพิจารณาเรื่องการกำหนดผลตอบแทนให้รัฐด้วยเพราะจะมีผลต่อการกำหนดอัตราค่าผ่านทาง อย่างไรก็ตาม มอเตอร์เวย์เป็นทางเลือกในการเดินทาง โดย ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาบริษัทเข้ามารังวัดที่ดินเพื่อเริ่มขั้นตอนการเวนคืน
คมนาคมทุบโต๊ะรฟม.สร้างรถไฟฟ้าสีเขียว
วานนี้ (8ต.ค.) กระทรวงคมนาคมได้ประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าระบบขนส่งมวลชนเพื่อรายงานต่อที่ประชุมครม.เศรษฐกิจในวันที่ 14 ต.ค.52 ซึ่งผู้แทนกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เข้าหารือถึงความชัดเจนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (หมอชิต-พหลโยธิน-สะพานใหม่และแบริ่ง-สำโรง-สมุทรปราการ) โดยนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า กระทรวงคมนาคมยึดมติครม.ที่ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นผู้ก่อสร้าง ส่วนการเดินรถนั้น ฝ่ายนโยบายคือ รมว.คมนาคม กับผู้ว่าฯกทม.จะหารือกันอีกครั้ง
โดยขณะนี้รฟม.มีความพร้อมในการก่อสร้างทั้งแบบก่อสร้างและแหล่งเงินซึ่งทางสำนักบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) ได้แจ้งว่าได้จัดหาเงินกู้ไว้ให้แล้ว ซึ่งรฟม.จะสรุปรายละเอียดทั้งหมดเสนอที่ประชุมคณะกรรมการรฟม.ในการประชุมกลางเดือนต.ค.นี้ และคาดว่าจะสามารถออกประกาศเชิญชวนประกวดราคาก่อสร้างได้ประมาณ ธ.ค. 52 ส่วนปัญหาก่อสร้างที่ต้องใช้พื้นที่ของกทม.นั้นตนจะหารือกับปลัดกทม.อีกครั้งซึ่งได้หาทางออกไว้แล้วหากกทม.ไม่ให้พื้นที่ก่อสร้างตามแผนเดิม
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมมอบนโยบายการทำงานสำหรับปีงบประมาณ 2553 กับหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่มีการปรับเปลี่ยนใหม่ วานนี้ (8 ต.ค.) ว่า ให้เน้นการทำงานแบบ 3 ประสานบูรณาการสู่ความสำเร็จ 1 หน่วยงาน 1ผลงานชิ้นโบว์แดง คือ ฝ่ายการเมือง หน่วยงาน และภาคประชาชน ประสานการคมนาคมทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ จากเงินทุน 3แหล่ง คือ งบประมาณ เงินกู้ และให้เอกชนเข้ามาลงทุน ผลักดันสู่ความสำเร็จ โดยตั้งคณะกรรมกรมการติดตามเมกกะโปรเจ็กต์ของกระทรวงคมนาคมมีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน
“ปี 2552 นโยบายหลักเน้นเรื่องระบบราง แต่กลับบอบช้ำ ปี 2553 จึงปรับเป็นการบูรณาการทั้งหมด แต่ละหน่วยงานต้องคิดว่าปีนี้จะมีงานอะไรเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง และประกาศให้ประชาชนรับรู้ เพื่อเป็น KPI หรือตัวชี้วัดผลการทำงานของแต่ละหน่วยงานว่าสำเร็จหรือไม่ เช่น ให้เอกชนเข้ามาลงมาลงทุนโครงการ มอเตอร์เวย์ สาย บางปะอิน-โคราช , กระทรวงคมนาคมประกาศเป็นเจ้าภาพในการแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ,การบริหารจัดการสนามบินต่างๆ เป็นต้น”นายโสภณกล่าว
นอกจากนี้จะต้องเน้นทำประชาสัมพันธ์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากมีความล้มเหลวในการสร้างภาพลักษณ์ภายใน ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากความบกพร่องของตัวบุคลากรภายในองค์กร และยังให้เน้นการบริหารท่าอากาศยานในส่วนภูมิภาคให้เกิดประโยชน์สูงสุด ,ส่วนทางน้ำนั้นให้เน้นด้านความปลอดภัยของท่าเรือโดยสารและการเชื่อมโยงเครือข่ายจราจรระบบอื่นๆ เป็นต้น
ด้านนายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า การให้เอกชนลงทุนก่อสร้างมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-โคราชนั้น จะต้องกำหนดเงื่อนไขให้จูงใจกับการเข้ามาลงทุน และต้องพิจารณาเรื่องการกำหนดผลตอบแทนให้รัฐด้วยเพราะจะมีผลต่อการกำหนดอัตราค่าผ่านทาง อย่างไรก็ตาม มอเตอร์เวย์เป็นทางเลือกในการเดินทาง โดย ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาบริษัทเข้ามารังวัดที่ดินเพื่อเริ่มขั้นตอนการเวนคืน
คมนาคมทุบโต๊ะรฟม.สร้างรถไฟฟ้าสีเขียว
วานนี้ (8ต.ค.) กระทรวงคมนาคมได้ประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าระบบขนส่งมวลชนเพื่อรายงานต่อที่ประชุมครม.เศรษฐกิจในวันที่ 14 ต.ค.52 ซึ่งผู้แทนกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เข้าหารือถึงความชัดเจนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (หมอชิต-พหลโยธิน-สะพานใหม่และแบริ่ง-สำโรง-สมุทรปราการ) โดยนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า กระทรวงคมนาคมยึดมติครม.ที่ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นผู้ก่อสร้าง ส่วนการเดินรถนั้น ฝ่ายนโยบายคือ รมว.คมนาคม กับผู้ว่าฯกทม.จะหารือกันอีกครั้ง
โดยขณะนี้รฟม.มีความพร้อมในการก่อสร้างทั้งแบบก่อสร้างและแหล่งเงินซึ่งทางสำนักบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) ได้แจ้งว่าได้จัดหาเงินกู้ไว้ให้แล้ว ซึ่งรฟม.จะสรุปรายละเอียดทั้งหมดเสนอที่ประชุมคณะกรรมการรฟม.ในการประชุมกลางเดือนต.ค.นี้ และคาดว่าจะสามารถออกประกาศเชิญชวนประกวดราคาก่อสร้างได้ประมาณ ธ.ค. 52 ส่วนปัญหาก่อสร้างที่ต้องใช้พื้นที่ของกทม.นั้นตนจะหารือกับปลัดกทม.อีกครั้งซึ่งได้หาทางออกไว้แล้วหากกทม.ไม่ให้พื้นที่ก่อสร้างตามแผนเดิม