00 ในที่สุด “พรรคการเมืองใหม่” ก็ได้ลงหลักปักฐานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนอนาคตจะมั่นคงแข็งแรงแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคทุกคนว่าสามารถรักษาอุดมการณ์ได้ตามที่ประกาศเอาไว้ได้หรือไม่ ถ้าในอนาคตทำไม่ได้อย่างที่พูด มันก็ไม่ต่างจากการเมืองเก่าๆ ทำนองว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
00 อย่างไรก็ดี ด้วยจิตใจที่เด็ดเดี่ยวผ่านการหล่อหลอมร่วมกันมานานเป็นปี ก็ย่อมจะรู้ว่าเป้าหมายข้างหน้าคืออะไร และการเมืองใหม่ที่ตัวเองเป็นคนกำหนดกันเองนั้น เป็นอย่างไร ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก และต้องปล่อยให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
00 นี่ก็เป็นบทพิสูจน์อันสำคัญสำหรับรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าจะเห็นชอบยอมตามกับร่างกฎหมายควบคุมการชุมนุมในที่สาธารณะที่เสนอโดย สตช.หรือไม่ เพราะนี่คือ “ทัศนคติ” ต่อการชุมนุมของพี่น้องประชาชนว่าเป็นอย่างไร เพราะหลักการที่ว่าการชุมนุมจะเกิดขึ้นได้จะต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าที่ของรัฐอื่นๆนั้น คนที่คิดเรื่องแบบนี้ “มันเพี้ยน” หรือว่าเอาสมองส่วนไหนคิด
00 เพราะการชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพตามกฎหมาย และรัฐธรรมนูญก็ได้ให้การรับรองเอาไว้ว่า เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน แต่การจะมากำหนดว่าหากจะมีการชุมนุมแล้วต้องมาขออนุญาตเจ้าหน้าที่ก่อนนั้นถือว่า มันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือเปล่า แต่นั่นไม่เลวร้ายเท่ากับสะท้อนให้เห็นถึงความ “มักง่าย” ของตำรวจ ที่คิดแต่ควบคุมการแสดงออกของประชาชน
00 การชุมนุมมันต้องเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ และมีที่มาที่ไปอยู่แล้ว คงไม่มีใครที่อยู่ดีๆ จะออกมายืนตากแดดตากฝน แต่ต้องเกิดจากความคับแค้น หรือมีความเชื่อร่วมกัน หรือมีความเดือนร้อนต้องการร้องทุกข์ แต่กลายเป็นว่าจะต้องมีการขออนุญาตเจ้าหน้าที่ คนที่คิดออกกฎหมายแบบนี้ออกมา มันบ้าหรือเปล่า !!
00 การชุมนุมต้องสงบ ปราศจากอาวุธ ถึงจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย นอกเหนือจากนี้หากมีการก่อจลาจลก่อความวุ่นวายทำลายทรัพย์สินทางราชการ ก็ต้องถูกดำเนินคดีอยู่แล้วมีโทษรองรับอยู่แล้ว แต่การที่ตำรวจอ้างว่า ฝ่ายตำรวจไม่ได้รับการคุ้มครองทำให้ไม่สะดวกในการปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงต่อคุกตะรางและอนาคตในราชการ ถ้าคิดว่าการสลายการชุมนุมแบบบ้าคลั่งใช้อาวุธระเบิดแก๊สน้ำตายิงถล่มเข้าใส่โดยมีเจตนาฆ่า ในเหตุการณ์ 7 ตุลา 2551 แล้วคิดว่าจะได้รับการคุ้มครองจากกฎหมาย มันก็เป็นความคิดของคนระดับ “นวยนิ่ม” พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบ.ชนเท่านั้น
00 เป็นคนคนเดียวกับที่เคยแถลงว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บขาขาด ในเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเพราะหกล้มหรือพื้นถนนลื่น แต่อีกมุมหนึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ตำรวจมีจิตสำนึกเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แค่ไหน
00 นาทีนี้ก็ต้องรอวัดใจ นายกฯอภิสิทธิ์ ว่าจะเห็นดีเห็นงามแค่ไหน การที่ส่งร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวให้กฤษฎีกายกร่างใหม่ ว่าจะมีสาระเปลี่ยนไปจากร่างเดิมของตำรวจที่ “ลักไก่” เสนอเข้ามาแค่ไหน !!
00 อย่างไรก็ดี ด้วยจิตใจที่เด็ดเดี่ยวผ่านการหล่อหลอมร่วมกันมานานเป็นปี ก็ย่อมจะรู้ว่าเป้าหมายข้างหน้าคืออะไร และการเมืองใหม่ที่ตัวเองเป็นคนกำหนดกันเองนั้น เป็นอย่างไร ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก และต้องปล่อยให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
00 นี่ก็เป็นบทพิสูจน์อันสำคัญสำหรับรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าจะเห็นชอบยอมตามกับร่างกฎหมายควบคุมการชุมนุมในที่สาธารณะที่เสนอโดย สตช.หรือไม่ เพราะนี่คือ “ทัศนคติ” ต่อการชุมนุมของพี่น้องประชาชนว่าเป็นอย่างไร เพราะหลักการที่ว่าการชุมนุมจะเกิดขึ้นได้จะต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าที่ของรัฐอื่นๆนั้น คนที่คิดเรื่องแบบนี้ “มันเพี้ยน” หรือว่าเอาสมองส่วนไหนคิด
00 เพราะการชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพตามกฎหมาย และรัฐธรรมนูญก็ได้ให้การรับรองเอาไว้ว่า เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน แต่การจะมากำหนดว่าหากจะมีการชุมนุมแล้วต้องมาขออนุญาตเจ้าหน้าที่ก่อนนั้นถือว่า มันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือเปล่า แต่นั่นไม่เลวร้ายเท่ากับสะท้อนให้เห็นถึงความ “มักง่าย” ของตำรวจ ที่คิดแต่ควบคุมการแสดงออกของประชาชน
00 การชุมนุมมันต้องเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ และมีที่มาที่ไปอยู่แล้ว คงไม่มีใครที่อยู่ดีๆ จะออกมายืนตากแดดตากฝน แต่ต้องเกิดจากความคับแค้น หรือมีความเชื่อร่วมกัน หรือมีความเดือนร้อนต้องการร้องทุกข์ แต่กลายเป็นว่าจะต้องมีการขออนุญาตเจ้าหน้าที่ คนที่คิดออกกฎหมายแบบนี้ออกมา มันบ้าหรือเปล่า !!
00 การชุมนุมต้องสงบ ปราศจากอาวุธ ถึงจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย นอกเหนือจากนี้หากมีการก่อจลาจลก่อความวุ่นวายทำลายทรัพย์สินทางราชการ ก็ต้องถูกดำเนินคดีอยู่แล้วมีโทษรองรับอยู่แล้ว แต่การที่ตำรวจอ้างว่า ฝ่ายตำรวจไม่ได้รับการคุ้มครองทำให้ไม่สะดวกในการปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงต่อคุกตะรางและอนาคตในราชการ ถ้าคิดว่าการสลายการชุมนุมแบบบ้าคลั่งใช้อาวุธระเบิดแก๊สน้ำตายิงถล่มเข้าใส่โดยมีเจตนาฆ่า ในเหตุการณ์ 7 ตุลา 2551 แล้วคิดว่าจะได้รับการคุ้มครองจากกฎหมาย มันก็เป็นความคิดของคนระดับ “นวยนิ่ม” พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบ.ชนเท่านั้น
00 เป็นคนคนเดียวกับที่เคยแถลงว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บขาขาด ในเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเพราะหกล้มหรือพื้นถนนลื่น แต่อีกมุมหนึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ตำรวจมีจิตสำนึกเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แค่ไหน
00 นาทีนี้ก็ต้องรอวัดใจ นายกฯอภิสิทธิ์ ว่าจะเห็นดีเห็นงามแค่ไหน การที่ส่งร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวให้กฤษฎีกายกร่างใหม่ ว่าจะมีสาระเปลี่ยนไปจากร่างเดิมของตำรวจที่ “ลักไก่” เสนอเข้ามาแค่ไหน !!
