กองปราบตั้งทีมงานสืบเส้นทางปล่อยคลิปเสียง “มาร์ค” ลากคอต้นตอยัดคุก “สุพิศาล” ลั่น ไม่ต้องรอนายกฯแจ้งจับ พนักงานสอบสวนดำเนินการได้ทันที เพราะถือว่าเป็นความเสียหายต่อความมั่นคงของรัฐ ขณะที่กองพิสูจน์หลักฐาน ยันผลตัดต่อดัดแปลงจริง ด้าน “นวยนิ่ม” ชมทำได้เนียน แต่โง่มากถูกจับได้
วันนี้ (28 ส.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 12.00 น.พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป.เรียก พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. และชุดสืบสวนสอบสวนของ กก.1 และ กก.5 บก.ป.ประชุมตรวจสอบคลิปเสียงของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่สั่งสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา
พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวว่า หลังจากได้รับคลิปเสียงมาจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาลแล้ว พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศรัตรู ผบช.ก.สั่งการมายัง พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป.ให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยมีตนเป็นประธาน เพื่อตรวจสอบหาที่มาที่ไปของคลิป ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่ามีการตัดต่อขึ้นมา
พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินการของคณะทำงานของ บก.ป.จะเริ่มค้นหาพยานหลักฐานว่า คลิปนี้มีการทำขึ้นที่ไหน มีเส้นทางการส่งผ่านข้อมูลจากแหล่งใดบ้าง โดยจะประสานกับเจ้าหน้าที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เพื่อตรวจพิสูจน์ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ อีกครั้งเพื่อพิจารณาเรียกตัวผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะเรียกผู้ที่นำคลิปเสียงนี้มาเผยแพร่ มาสอบปากคำ หลังจากนั้น ก็จะนำส่งข้อมูลทั้งหมดไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อเร่งรัดติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป
พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดกรณีนี้เข้าข่ายผลิต และนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ซึ่งผู้ที่ส่งต่อ หรือฟอร์เวิร์ดเมลคลิปก็เข้าข่ายร่วมกระทำความผิดด้วย
“การพิจารณาดำเนินคดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการได้ทันที เพราะถือว่าเป็นความเสียหายต่อความมั่นคงของรัฐไม่ต้องรอให้นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี ส่วนกรณีความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น หากนายกรัฐมนตรี ต้องการจะดำเนินคดีก็สามารถแจ้งความเองได้” พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าว
ในวันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มอบหมายให้ตำรวจสันติบาล โดยส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานเป็นผู้ตรวจสอบแล้วผลการตรวจยืนยันว่า มีการตัดต่อดัดแปลงจริง ซึ่งได้รายงานให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงทราบแล้ว สำหรับการสืบสวนสอบสวนได้มอบหมายให้กองบัญชาการำตรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) และส่วนที่เกี่ยวข้องกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาลได้รายงานว่าคลิปดังกล่าวเผยแพร่ในพื้นที่ โดยให้ทั้ง 2 หน่วยงานตั้งพนักงานสอบสวนขึ้นตรวจสอบในเรื่องนี้
ด้าน พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผบก.พฐ.กล่าวถึงกรณีผลการตรวจสอบคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีที่ทางตำรวจสันติบาลส่งมา ว่า ทางกองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจคลิปเสียงดังกล่าวเสร็จสิ้นตั้งแต่เช้าวานนี้แล้ว และส่งผลให้ตำรวจสันติบาลแล้ว สำหรับการตรวจได้ใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันความถูกต้องได้ 100 เปอร์เซ็นต์ พบว่า มีการตัดต่อดัดแปลง โดยพบว่าโปรแกรมที่นำตัดต่อเสียงไม่มีความซับซ้อนอะไร
ทางด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ขอชมเชยว่า ทำได้แนบเนียน แต่ก็ตำหนิว่าทำได้โง่มาก ฉลาดน้อยกว่ากองพิสูจน์หลักฐานของตำรวจ ซึ่งพิสูจน์ออกมาชัดเจน ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า เป็นการตัดต่อ เป็นการตัดต่อที่น่าเกลียดเอาคำว่าไม่ออก ซึ่งก็สร้างความเสียหาย เช่น ต้องไม่สร้างความเดือดร้อน ไม่สร้างความรุนแรง แค่นี้ก็เสียหายแล้ว ซึ่งชมเชยว่าเก่งที่ทำ แต่ตำหนิว่า โง่มาก ไม่ใช่แค่นายกฯอภิสิทธิ์ นายกฯประเทศไทย นายกสมาคมอะไรก็ตามพูดแบบนี้ปลดได้ทันที การใส่ร้ายป้ายสีเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ส่วนนี้ผิดกฎหมายอาญาเป็นการใส่ความผู้อื่นให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง เป็นการเผยแพร่ผ่านทางคอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุก ผิดประการที่ 2 คือ ผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คนที่ใส่ข้อความก็ผิด คนเผยแพร่ก็ผิดเพราะมีเจตนา ซึ่งเรื่องนี้ ผบ.ตร.จะมอบให้หน่วยใดไม่ว่าจะเป็นสันติบาล บช.ก. บช.น.ก็ต้องสาวให้ถึงจุดนั้น เพราะตำรวจ ทหารก็โดนป้าย ขนาดนายกฯยังโดนป้าย แล้วอำนวยจะไปเหลืออะไร
วันนี้ (28 ส.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 12.00 น.พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป.เรียก พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. และชุดสืบสวนสอบสวนของ กก.1 และ กก.5 บก.ป.ประชุมตรวจสอบคลิปเสียงของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่สั่งสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา
พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวว่า หลังจากได้รับคลิปเสียงมาจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาลแล้ว พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศรัตรู ผบช.ก.สั่งการมายัง พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป.ให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยมีตนเป็นประธาน เพื่อตรวจสอบหาที่มาที่ไปของคลิป ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่ามีการตัดต่อขึ้นมา
พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินการของคณะทำงานของ บก.ป.จะเริ่มค้นหาพยานหลักฐานว่า คลิปนี้มีการทำขึ้นที่ไหน มีเส้นทางการส่งผ่านข้อมูลจากแหล่งใดบ้าง โดยจะประสานกับเจ้าหน้าที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เพื่อตรวจพิสูจน์ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ อีกครั้งเพื่อพิจารณาเรียกตัวผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะเรียกผู้ที่นำคลิปเสียงนี้มาเผยแพร่ มาสอบปากคำ หลังจากนั้น ก็จะนำส่งข้อมูลทั้งหมดไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อเร่งรัดติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป
พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดกรณีนี้เข้าข่ายผลิต และนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ซึ่งผู้ที่ส่งต่อ หรือฟอร์เวิร์ดเมลคลิปก็เข้าข่ายร่วมกระทำความผิดด้วย
“การพิจารณาดำเนินคดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการได้ทันที เพราะถือว่าเป็นความเสียหายต่อความมั่นคงของรัฐไม่ต้องรอให้นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี ส่วนกรณีความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น หากนายกรัฐมนตรี ต้องการจะดำเนินคดีก็สามารถแจ้งความเองได้” พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าว
ในวันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มอบหมายให้ตำรวจสันติบาล โดยส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานเป็นผู้ตรวจสอบแล้วผลการตรวจยืนยันว่า มีการตัดต่อดัดแปลงจริง ซึ่งได้รายงานให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงทราบแล้ว สำหรับการสืบสวนสอบสวนได้มอบหมายให้กองบัญชาการำตรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) และส่วนที่เกี่ยวข้องกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาลได้รายงานว่าคลิปดังกล่าวเผยแพร่ในพื้นที่ โดยให้ทั้ง 2 หน่วยงานตั้งพนักงานสอบสวนขึ้นตรวจสอบในเรื่องนี้
ด้าน พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผบก.พฐ.กล่าวถึงกรณีผลการตรวจสอบคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีที่ทางตำรวจสันติบาลส่งมา ว่า ทางกองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจคลิปเสียงดังกล่าวเสร็จสิ้นตั้งแต่เช้าวานนี้แล้ว และส่งผลให้ตำรวจสันติบาลแล้ว สำหรับการตรวจได้ใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันความถูกต้องได้ 100 เปอร์เซ็นต์ พบว่า มีการตัดต่อดัดแปลง โดยพบว่าโปรแกรมที่นำตัดต่อเสียงไม่มีความซับซ้อนอะไร
ทางด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ขอชมเชยว่า ทำได้แนบเนียน แต่ก็ตำหนิว่าทำได้โง่มาก ฉลาดน้อยกว่ากองพิสูจน์หลักฐานของตำรวจ ซึ่งพิสูจน์ออกมาชัดเจน ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า เป็นการตัดต่อ เป็นการตัดต่อที่น่าเกลียดเอาคำว่าไม่ออก ซึ่งก็สร้างความเสียหาย เช่น ต้องไม่สร้างความเดือดร้อน ไม่สร้างความรุนแรง แค่นี้ก็เสียหายแล้ว ซึ่งชมเชยว่าเก่งที่ทำ แต่ตำหนิว่า โง่มาก ไม่ใช่แค่นายกฯอภิสิทธิ์ นายกฯประเทศไทย นายกสมาคมอะไรก็ตามพูดแบบนี้ปลดได้ทันที การใส่ร้ายป้ายสีเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ส่วนนี้ผิดกฎหมายอาญาเป็นการใส่ความผู้อื่นให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง เป็นการเผยแพร่ผ่านทางคอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุก ผิดประการที่ 2 คือ ผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คนที่ใส่ข้อความก็ผิด คนเผยแพร่ก็ผิดเพราะมีเจตนา ซึ่งเรื่องนี้ ผบ.ตร.จะมอบให้หน่วยใดไม่ว่าจะเป็นสันติบาล บช.ก. บช.น.ก็ต้องสาวให้ถึงจุดนั้น เพราะตำรวจ ทหารก็โดนป้าย ขนาดนายกฯยังโดนป้าย แล้วอำนวยจะไปเหลืออะไร