กองพิสูจน์หลักฐาน-หมอพรทิพย์-กันตนา ยืนยันเป็นเสียงเดียว คลิปมาร์คสั่งลุยม็อบเสื้อแดง เกิดจากการตัดต่อ100 เปอร์เซนต์ พบพิรุธเพียบ "อำนวยนิ่ม" บอกฝีมือเนียน แต่โง่ที่ทิ้งร่องรอยให้จับได้ "เทพไท" แฉ !ต้นตอออกจากบริษัทน้องสาวแม้ว ส่งไปยังพรรคเพื่อไทย ก่อนกระจายไปสู่ผู้สื่อข่าว และให้ ส.ส.ของพรรคนำไปเผยแพร่ในเวทีสภา ปชป. ขู่เอาผิดถึงขั้นยุบพรรค
วานนี้ (28 ส.ค.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ( ผบ.ตร. ) กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจพิสูจน์คลิปเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการให้ใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงในช่วงสงกรานต์ว่า ได้มอบหมายให้ตำรวจสันติบาลส่งให้กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.)ตรวจสอบแล้ว ซึ่งยืนยันว่า มีการตัดต่อดัดแปลงจริง ได้รายงานให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ทราบแล้ว
สำหรับการสืบสวนสอบสวนได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) และส่วนที่เกี่ยวข้องกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ได้รายงานว่าคลิปดังกล่าวเผยแพร่ในพื้นที่ โดยให้ทั้ง 2 หน่วยงาน ตั้งพนักงานสอบสวนขึ้นตรวจสอบในเรื่องนี้
ด้าน พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผบก.พฐ. กล่าวว่า ได้ตรวจคลิปเสียงดังกล่าวเสร็จสิ้นตั้งแต่เช้าวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา และส่งผลให้ตำรวจสันติบาลแล้ว ได้ใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันความถูกต้องได้ 100 เปอร์เซ็นต์ พบว่า มีการตัดต่อดัดแปลงโดยพบว่าโปรแกรมที่นำตัดต่อเสียงไม่มีความซับซ้อนอะไร
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวว่า ขอชมเชยคนตัดต่อว่า ทำได้แนบเนียน แต่ก็ตำหนิว่า ทำได้โง่มาก ฉลาดน้อยกว่า พฐ.ของตำรวจ ซึ่งพิสูจน์ออกมาชัดเจน ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า เป็นการตัดต่อ เป็นการตัดต่อที่น่าเกลียด เอาคำว่าไม่ออก ซึ่งก็สร้างความเสียหาย เช่น ต้องไม่สร้างความเดือดร้อน ไม่สร้างความรุนแรง แค่นี้ก็เสียหายแล้ว ซึ่งชมเชยว่าเก่งที่ทำ แต่ตำหนิว่าโง่มาก
กองปราบล่าต้นตอคลิปเสียง
ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป. กล่าวภายหลังเรียก พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. และชุดสืบสวนสอบสวนของ กก.1 และ กก.5 บก.ป. ประชุมตรวจสอบคลิปเสียงดังกล่าวว่าหลังจากได้รับคลิปเสียงมาจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาลแล้ว พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศรัตรู ผบช.ก. สั่งการมายัง พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป. ให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมามีตนเป็นประธาน เพื่อตรวจสอบหาที่มาที่ไปของคลิป ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่า มีการตัดต่อขึ้นมา
ทั้งนี้ บก.ป. จะเริ่มค้นหาที่มาและเส้นทางการส่งผ่านข้อมูลจากแหล่งใดบ้าง โดยจะประสานกับเจ้าหน้าที่ไอซีที เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ อีกครั้ง ก่อนเรียกตัวผู้ที่เกี่ยวข้อง และเรียกผู้ที่นำคลิปเสียงนี้มาเผยแพร่ มาสอบปากคำ ก่อนนำส่งข้อมูลไปยัง พฐ. เพื่อเร่งรัดติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี
ผิดความมั่นคงโทษคุกไม่เกิน 5 ปี
ส่วนการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดกรณีนี้ เข้าข่ายผลิต และนำข้อมูลอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ซึ่งผู้ที่ส่งต่อ หรือฟอร์เวิร์ดเมลคลิป ก็เข้าข่ายร่วมกระทำความผิดด้วย
“การพิจารณาดำเนินคดีดังกล่าว พนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการได้ทันที เพราะถือว่าเป็นความเสียหายต่อความมั่นคงของรัฐ ไม่ต้องรอให้นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี ส่วนกรณีความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น หากนายกรัฐมนตรี ต้องการจะดำเนินคดีก็สามารถแจ้งความเองได้” พ.ต.อ.สุพิศาลกล่าว
หมอพรทิพย์พบตัดต่อ 62 ช่วง
ที่กระทรวงยุติธรรม พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมกับ ดร.วชิรศักดิ์ วานิชชา รศ.ดร.นิพนธ์ เจริญกิจการ และ ดร.สันติธรรม พรหมอ่อน จาก ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี แถลงพิสูจน์คลิปตัดต่อเสียง ว่า ได้ประสานไปยังสถาบันเทคโนฯ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านไอที ให้กับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จากการตรวจสอบของอาจารย์ทั้ง 3 ท่าน โดยใช้ซอฟแวร์วิเคราะห์ไฟล์ตัดต่อเสียง ชื่อโปรแกรม AUDACITY พบว่า มีคลื่นเสียงดังไม่ต่อเนื่อง มีช่วงที่หยุดเงียบ ตะกุกตะกัก ทั้งหมด 62 ช่วง แต่หากเป็นเสียงออริจินอล ที่ไม่ได้ตัดต่อเสียง ก็จะต้องได้ยินเสียงแบ็คกราวด์ หรือเสียงสิ่งแวดล้อมดังต่อเนื่องกัน จะไม่มีช่วงหยุดเงียบเหมือนไฟล์เสียงตัดต่อ
ทั้งนี้ แม้หูของมนุษย์จะฟังคลิปดังกล่าวเหมือนเสียงดังต่อเนื่องกัน ไม่พบความผิดปกติอะไร แต่เมื่อใช้โปรแกรมดังกล่าว ก็ตรวจพบว่ามี
ช่วงเงียบที่เกิดจากการตัดต่อถึง 62 ช่วง ดังนั้นเทคโนโลยี ดังกล่าวจึงสามารถพิสูจน์ยืนยันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าคลิปเสียง มีตัดต่ออย่างแน่นอน
นอกจากนี้จากข้อเท็จจริงที่ว่า การพูดของคนเราในแต่ละครั้งจะไม่เหมือนกัน เมื่อคณะอาจารย์จากเทคโนฯบางมด ได้ทำการตรวจสอบคำพูดทั้งหมดที่ปรากฎภายในคลิป พบคำว่า “พัทยาเนี่ย” เมื่อค้นหาดู จึงพบว่าตรงกับประโยคที่นายกฯเคยพูดในรายการเชื่อมั่นประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 52 ที่มีการนำมาใช้ในการตัดต่อเสียงในครั้งนี้ด้วย
ไอซีที จ้างกันตนา ตรวจสอบ
นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงไอซีที แถลงผลการตรวจสอบคลิปเสียง ว่า จากการตรวจสอบของ บริษัท กันตนา จำกัด (มหาชน) พบว่า คลิปเสียงดังกล่าวมีการตัดต่อทั้งหมด 16 จุด โดยการตรวจสอบครอบคลุมเนื้อหา 80% ของความยาวคลิป 3 นาที สาเหตุที่การตรวจสอบยังไม่ดำเนินการครอบคลุมเนื้อหา 100% เพราะมีระยะเวลาการตรวจสอบจำกัด เนื่องจากไอซีที ได้ส่งคลิปเสียงให้ทางบริษัท กันตนา ตรวจสอบเมื่อเวลา 11.00 น. ของวันศุกร์ (28 ส.ค. ) โดยกันตนาจะตรวจสอบอีกครั้ง โดยผู้เชี่ยวชาญการตัดต่อ ที่ติดงานในต่างประเทศ คาดว่าการตรวจสอบอย่างละเอียดจากผู้เชี่ยวชาญ จะพบการตัดต่อมากกว่า 20 จุด ตัวอย่างพบว่ามีการตัดต่อ คือ ช่วงนาทีที่ 2.28 ของคลิป มีเสียงบรรยากาศและเสียงรบกวนไม่คงที่ ผิดกับเสียงในช่วงหลัง และในนาทีที่ 2.58 ของคลิป พบว่าคำ ไม่สมบูรณ์ หัวคำขาด ไม่ต่อเนื่อง รวมถึงจังหวะการอ่านไม่เป็นธรรมชาติ
พบแหล่งปล่อยคลิปแล้ว
นายสือ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ พบแหล่งที่มาของการปล่อยคลิปเสียงนายกฯ แล้วจำนวน 2 แหล่งโดยทั้งหมดอยู่ในประเทศไทย โดยกระทรวงไอซีที จะยังไม่เปิดเผยแหล่งที่มาดังกล่าว เพื่อป้องกันการไหวตัว ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี โดยการจับกุมครั้งนี้ยืนยันว่าจะไม่มีแพะอย่างแน่นอน
ใช้คลิปโหมกระแสชุมนุม 30 ส.ค.
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงจุดประสงค์ของผู้ตัดต่อคลิปว่าน่าจะมี 2 ประเด็น คือ 1. เป็นเงื่อนไขในการชุมนุมวันที่ 30 ส.ค. เพราะ มุ่งใส่ร้ายนายกฯ ว่าสั่งการให้ใช้ความรุนแรงกับประชาชน ซึ่งการกระทำเช่นนี้ กระทบต่อความมั่นคงแน่นอน
2.ตั้งใจที่จะใส่ร้ายว่านายกฯ เป็นคนที่ผูกใจเจ็บส่วนตัว จากการพูดเรื่องการทุบรถ และกำชับของเจ้าหน้าที่ จะไปใช้ความรุนแรงต่าง ๆ
"ฝ่ายไอทีสำนักนายกฯ รายงานมาว่า น่าเชื่อว่า ที่มาของการใช้เสียงน่าจะมาจาก 3 แหล่งด้วยกันคือ จากรายการเชื่อมั่นประเทศไทย 2
ครั้ง คือช่วงวันที่ 19 เม.ย. และวันที่ 26 เม.ย. และอีกครั้งหนึ่งน่าจะมาจากตัวคลิปเว็บไซต์ www.abhisit.org ดังนั้นจึงเข้าใจว่า ผู้ตัดต่อน่าจะดึงเสียงมาจาก 2-3 ที่นี้ แล้วมาปะติดปะต่อกัน มาเป็นคลิปเสียงตัวใหม่ " รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าว
ส่วนที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่านายอดิศร เพียงเกษ เป็นแหล่งแรก ที่นำไปเปิดในสถานีโทรทัศน์ พีเพิ่ล
แชลแนล นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตรงนี้ชัดเจนมาก ซึ่งต้องดูว่านายอดิศร ได้มาจากไหน และการเผยแพร่นั้นเป็นการเผยแพร่ การดัดแปลงเสียง ซึ่งเป็นการกระทำความผิดด้วย
ยืมเวทีสภาคุ้มครองการเผยแพร่คลิป
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า กรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย พยายามขอเปิดคลิปเสียงตัดต่อเสียงนายกฯ ระหว่างการประชุมสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 53 เมื่อคืนวาน(27 ส.ค.)แต่ประธานสภาไม่ให้เปิดคลิปดังกล่าว ส.ส.เพื่อไทย จึงใช้วิธีอ่านข้อความในคลิปแทน เพราะรู้ว่ามีเอกสิทธิ์ที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองซึ่งความพยายามของ ส.ส.เพื่อไทย ที่จะเปิดคลิปดังกล่าวทั้งที่มีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นคลิปตัดต่อ
ดังนั้นพรรคเห็นว่า เป็นการกระทำเพื่อเตรียมการสร้างความเกลียดชังนายกรัฐมนตรี หวังปลุกกระแสการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่
30 ส.ค. นอกจากนี้ ยังมีการปลุกระดมเปิดคลิปต่อเนื่อง ทางวิทยุ โดยนายอดิศร เพียงเกษ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย เป็นผู้นำมาเปิด
เล็งเอาผิดเพื่อไทยถึงขั้นยุบพรรค
นายอรรถวิทย์ สุรวรรณภักดี ส.ส.กทม. รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในฟอเวิร์ดเมล์ พบว่า มีอีเมล์ที่มาจากกองงานประชาสัมพันธ์ของพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งอาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 94 (4) ว่าด้วยการกระทำอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ ทั้งภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน อาจส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรคได้ หากการฟอเวิร์ดอีเมล์ดังกล่าวอันเป็นเท็จ แล้วนำไปสู่การชุมนุมที่มีความรุนแรง เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้นำเอกสารปะหน้าการส่งอีเมล์คลิปเสียงดังกล่าว มาแถลงซึ่งระบุว่า อีเมล์ชื่อ
vimollas@scasset.com ใช้หัวข้อว่า“คลิปลับอภิสิทธิ์” โดยส่งเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ไปยังอีเมล์อื่น และมีการฟอเวิร์ดต่อถึง 5 ครั้ง ก่อนจะไปถึงอีเมล์ ชื่อ sutisa29@ hotmail.com ซึ่งเป็นอีเมล์ของฝ่ายประชาสัมพันธ์ของพรรคการเมืองหนึ่ง ก่อนที่จะส่งไปยังสื่อและบุคคลต่างๆ
แฉต้นตอมาจากบริษัทน้องสาวแม้ว
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อีเมล์ต้นตอมาจากเครือข่ายบริษัท เอสซี แอสเสท ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ระบุว่า “your mail has been scanned by SC Asset InterScanW ส่งไปยังอีเมล์ของผู้ใช้ชื่อว่า “kanyanit” จากนั้นบุคคลดังกล่าวได้ส่งอีเมล์นี้ต่อไปยังผู้ที่ใช้ชื่อว่า “sutisa” ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ที่ประสานงานกับสื่อมวลชนประจำพรรคเพื่อไทย โดยบุคคลคนนี้ ได้ส่งอีเมล์ฉบับนี้ต่อไปให้บรรดานักข่าวประจำพรรค และบุคคลใกล้ชิดของตัวเอง และหนึ่งในจำนวนนั้นก็มีชื่อ อีเมล์ ที่ใช้ชื่อว่า titimachaisang@hotmail.com จึงอยากถามว่า อีเมล์นี้ เป็นของนางฐิติมา ฉายแสง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่พยายามนำเรื่องนี้มาเปิดประเด็นในเวทีการอภิปรายงบประมาณปี 53 ใช่หรือไม่ ถ้าเป็นคนเดียวกัน ก็อยากให้ตำรวจผู้รับผิดชอบคดี เข้าไปสอบสวนขยายผลต่อ เพื่อหา
ข้อเท็จจริงจากบุคคลนี้ด้วยเพราะถือเป็นหนึ่งในขบวนการที่เผยแพร่คลิปเสียงตัดต่อ ที่หวังขยายผลให้เกิดความแตกแยกในชาติไทยด้วยกันเอง
พท.แก้เกี้ยวขู่ยื่นถอดถอน"มาร์ค"
ในวันเดียวกันนี้ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ ตอบคำถามที่มีการระบุว่าต้นตอของคลิป มาจากกองโฆษกพรรคเพื่อไทย ซึ่งถือว่ามีความผิดจนอาจนำไปสู่การยุบพรรคได้ ว่า ยืนยันจะเดินหน้าถอดถอนนายอภิสิทธิ์ แต่เรื่องนี้พรรคไม่เกี่ยวข้อง พรรคคงไม่มีทางมีข้อความเสียงแบบนั้นได้ และวันนี้เป็นธรรมดาที่ทุกคนคงมีคลิปดังกล่าว แต่เรื่องนี้กลับมากล่าวหาพรรคเพื่อไทย ซึ่งความจริงตนเห็นว่าน่าจะไปดำเนินการกับคนที่สั่งการฆ่าประชาชนมากกว่า และนายกฯควรพิสูจน์เรื่องนี้ให้เกิดความกระจ่างโดยเร็ว อย่าปัดความรับผิดชอบ โยนความผิดให้คนอื่น รวมทั้งเรื่องนี้ตนเห็นว่าอาจจะเป็นการสร้างสถานการณ์เอง เพื่อปิดหูปิดตาประชาชน จากเรื่องอื่น
"ไอ้ตู่"ปั้นเรื่องเสี้ยมแหลก
นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีนี้อย่าปรักปรำใคร ต้องมีการพิสูจน์ เพราะคนที่นายกฯควรจะระวังมากที่สุด ไม่ใช่คนในพรรคเพื่อไทย หรือเสื้อแดง แต่เป็นพรรคพวก ที่อยู่รอบข้างตัวนายกฯเอง ซึ่งเป็นผู้ที่นายกฯไปสร้างความไม่พอใจให้กับเขา เพราะก่อนหน้านี้ ได้มีรองนายกฯ คนหนึ่ง พูดผ่านนายทหารคนหนึ่งว่า จะมีการเปลี่ยนตัว รมว.กลาโหม โดยให้นายอภิสิทธิ์ นั่งควบเอง ต่อมาก็เปิดประเด็นใหม่ว่า จะดึง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีต คมช. มานั่งตำแหน่งรมว.กลาโหมแทน ข่าวนี้สร้างความไม่พอใจให้กับคนที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกฯ แต่ตนอยากให้นายอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกฯ สั่งการให้นำเทปบันทึกการประชุมที่กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ห้องยุทธการ เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ฉบับเต็มออกมา พิสูจน์มีคนที่ต้องการจะจัดการนายกฯ เคยได้ยินยุทธการที่ว่า “จับแดง ล้มรัฐบาล บริหารเอง” หรือไม่
"มาร์ค"สั่งหาหลักฐานมัดตัวการ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินการกับพรรคเพื่อไทย ที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้เผยแพร่คลิปเสียง ว่า ตอนนี้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ เพราะความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และยังมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ไม่ใช่ความผิดต่อบุคคล แต่เป็นความผิดต่อแผ่นดิน จึงเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการ และตนยังได้ขอผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายมาแสดงให้เห็นชัดเจนไปเลย เพราะแม้เรื่องเสียงที่มีการตัดต่อนั้น ก็คงมีความชัดเจน แต่อยากให้ละเอียดลงไปเลย มีจุดไหน อย่างไรบ้าง เนื่องจากมีคนที่ช่วยค้นข้อมูลเห็นว่า เหมือนเป็นการพูดของตนในรายการ เชื่อมั่นฯ ใน 2 ครั้งเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา กับบทสัมภาษณ์หรือการแถลงข่าวอีกบทหนึ่ง มาปะปนสลับกัน
ส่วนจะยื่นให้มีการยุบพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริงก่อน จะไปสรุปอย่างนั้น อย่างนี้คงไม่ได้ แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่ เมื่อถามว่า แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ระบุว่าทหารอาจเป็นคนทำ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นี่จึงต้องพิสูจน์กันไป ทั้งนี้ตนไม่ได้มีถามเรื่องนี้กับฝ่ายทหาร
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าจะเป็นการจุดชนวนที่ทำให้เกิดปัญหาตามมาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายอยู่แล้วว่า เมื่อรู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่จริง ก็อย่าตกเป็นเหยื่อ หรือสมคบ ทั้งนี้เท่าที่ดู ประชาชนก็มีความเข้าใจดีขึ้น แต่เราไม่ทราบ เพราะมีบางคนที่ไม่สนใจข่าวสารทั่วไป แต่ไปอยู่ในเวที แต่ตนขอบคุณหลายเว็บไซต์ ที่แม้จะมีการวิจารณ์รัฐบาลอย่างรุนแรง แต่ก็ให้ความเป็นธรรมว่าเมื่อฟังคลิปเสียงนี้แล้ว เห็นว่ามันไม่ใช่ อย่างไรก็ตามยังมีการเผยแพร่อยู่ โดยอาจเป็นการถอดความจากคลิปเสียงออกมาแล้วส่งต่อกันไป ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวใต้ดิน ของฝ่ายการเมือง
เมื่อถามถึงการที่นายกฯ สอบถามเรื่องนี้กับ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขา มายื่นหนังสือเพื่อขอให้ระงับการจัดซื้ออาวุธปืน ตนบอกว่ามาก็ดีแล้ว เพราะตนอยากจะถาม พ.ต.ท.สมชายว่าได้คลิปเสียงมาอย่างไร เพราะมีการพูดกันว่า พ.ต.ท.สมชาย พูดหรือเอาให้ผู้สื่อข่าว ซึ่งพ.ต.ท.สมชาย บอกว่าไม่ทราบเรื่อง ตนจึงบอกว่าถ้าไม่ทราบก็ไม่เป็นไร แต่ พ.ต.ท.สมชาย กลับไปพูดในที่ประชุมสภาฯว่า ตนไปต่อว่าพ.ต.ท.สมชาย เป็นผู้ตัดต่อคลิปเสียง ซึ่งตนไม่เคยพูดเรื่องทำตัดต่อ แต่ถามว่า ได้มาอย่างไร
"ป๊อก-ป้อม"รับประกัน"มาร์ค"ไม่ทำ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ระบุว่า กองทัพเป็นผู้ปล่อยคลิปเสียงนายกรัฐมนตรี สั่งให้ดำเนินการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงในช่วงเดือนเม.ย.ว่า ยืนยันว่าไม่มีเรื่องเกี่ยวกับทหารทั้งสิ้น และตนไม่เชื่อว่านายอภิสิทธิ์ จะพูดอย่างนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของทหารนั้น สามารถลืมไปได้เลย เพราะไม่มีอย่างแน่นอน
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พยายามปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีนี้ โดยกล่าวว่า "ไม่มีเหตุผลๆ ผมไม่ทราบ ไม่มีๆ นายกฯไม่ได้พูดหรอก" เมื่อถามว่านายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงระบุว่า ทหารไม่พอใจนายกฯ แล้วปล่อยคลิปเสียงนายกฯ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "อันนี้ไม่รู้ แต่ผมว่านายกฯไม่ได้พูด และไม่ใช่เรื่องจริง"
วานนี้ (28 ส.ค.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ( ผบ.ตร. ) กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจพิสูจน์คลิปเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการให้ใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงในช่วงสงกรานต์ว่า ได้มอบหมายให้ตำรวจสันติบาลส่งให้กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.)ตรวจสอบแล้ว ซึ่งยืนยันว่า มีการตัดต่อดัดแปลงจริง ได้รายงานให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ทราบแล้ว
สำหรับการสืบสวนสอบสวนได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) และส่วนที่เกี่ยวข้องกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ได้รายงานว่าคลิปดังกล่าวเผยแพร่ในพื้นที่ โดยให้ทั้ง 2 หน่วยงาน ตั้งพนักงานสอบสวนขึ้นตรวจสอบในเรื่องนี้
ด้าน พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผบก.พฐ. กล่าวว่า ได้ตรวจคลิปเสียงดังกล่าวเสร็จสิ้นตั้งแต่เช้าวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา และส่งผลให้ตำรวจสันติบาลแล้ว ได้ใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันความถูกต้องได้ 100 เปอร์เซ็นต์ พบว่า มีการตัดต่อดัดแปลงโดยพบว่าโปรแกรมที่นำตัดต่อเสียงไม่มีความซับซ้อนอะไร
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวว่า ขอชมเชยคนตัดต่อว่า ทำได้แนบเนียน แต่ก็ตำหนิว่า ทำได้โง่มาก ฉลาดน้อยกว่า พฐ.ของตำรวจ ซึ่งพิสูจน์ออกมาชัดเจน ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า เป็นการตัดต่อ เป็นการตัดต่อที่น่าเกลียด เอาคำว่าไม่ออก ซึ่งก็สร้างความเสียหาย เช่น ต้องไม่สร้างความเดือดร้อน ไม่สร้างความรุนแรง แค่นี้ก็เสียหายแล้ว ซึ่งชมเชยว่าเก่งที่ทำ แต่ตำหนิว่าโง่มาก
กองปราบล่าต้นตอคลิปเสียง
ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป. กล่าวภายหลังเรียก พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. และชุดสืบสวนสอบสวนของ กก.1 และ กก.5 บก.ป. ประชุมตรวจสอบคลิปเสียงดังกล่าวว่าหลังจากได้รับคลิปเสียงมาจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาลแล้ว พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศรัตรู ผบช.ก. สั่งการมายัง พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป. ให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมามีตนเป็นประธาน เพื่อตรวจสอบหาที่มาที่ไปของคลิป ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่า มีการตัดต่อขึ้นมา
ทั้งนี้ บก.ป. จะเริ่มค้นหาที่มาและเส้นทางการส่งผ่านข้อมูลจากแหล่งใดบ้าง โดยจะประสานกับเจ้าหน้าที่ไอซีที เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ อีกครั้ง ก่อนเรียกตัวผู้ที่เกี่ยวข้อง และเรียกผู้ที่นำคลิปเสียงนี้มาเผยแพร่ มาสอบปากคำ ก่อนนำส่งข้อมูลไปยัง พฐ. เพื่อเร่งรัดติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี
ผิดความมั่นคงโทษคุกไม่เกิน 5 ปี
ส่วนการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดกรณีนี้ เข้าข่ายผลิต และนำข้อมูลอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ซึ่งผู้ที่ส่งต่อ หรือฟอร์เวิร์ดเมลคลิป ก็เข้าข่ายร่วมกระทำความผิดด้วย
“การพิจารณาดำเนินคดีดังกล่าว พนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการได้ทันที เพราะถือว่าเป็นความเสียหายต่อความมั่นคงของรัฐ ไม่ต้องรอให้นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี ส่วนกรณีความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น หากนายกรัฐมนตรี ต้องการจะดำเนินคดีก็สามารถแจ้งความเองได้” พ.ต.อ.สุพิศาลกล่าว
หมอพรทิพย์พบตัดต่อ 62 ช่วง
ที่กระทรวงยุติธรรม พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมกับ ดร.วชิรศักดิ์ วานิชชา รศ.ดร.นิพนธ์ เจริญกิจการ และ ดร.สันติธรรม พรหมอ่อน จาก ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี แถลงพิสูจน์คลิปตัดต่อเสียง ว่า ได้ประสานไปยังสถาบันเทคโนฯ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านไอที ให้กับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จากการตรวจสอบของอาจารย์ทั้ง 3 ท่าน โดยใช้ซอฟแวร์วิเคราะห์ไฟล์ตัดต่อเสียง ชื่อโปรแกรม AUDACITY พบว่า มีคลื่นเสียงดังไม่ต่อเนื่อง มีช่วงที่หยุดเงียบ ตะกุกตะกัก ทั้งหมด 62 ช่วง แต่หากเป็นเสียงออริจินอล ที่ไม่ได้ตัดต่อเสียง ก็จะต้องได้ยินเสียงแบ็คกราวด์ หรือเสียงสิ่งแวดล้อมดังต่อเนื่องกัน จะไม่มีช่วงหยุดเงียบเหมือนไฟล์เสียงตัดต่อ
ทั้งนี้ แม้หูของมนุษย์จะฟังคลิปดังกล่าวเหมือนเสียงดังต่อเนื่องกัน ไม่พบความผิดปกติอะไร แต่เมื่อใช้โปรแกรมดังกล่าว ก็ตรวจพบว่ามี
ช่วงเงียบที่เกิดจากการตัดต่อถึง 62 ช่วง ดังนั้นเทคโนโลยี ดังกล่าวจึงสามารถพิสูจน์ยืนยันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าคลิปเสียง มีตัดต่ออย่างแน่นอน
นอกจากนี้จากข้อเท็จจริงที่ว่า การพูดของคนเราในแต่ละครั้งจะไม่เหมือนกัน เมื่อคณะอาจารย์จากเทคโนฯบางมด ได้ทำการตรวจสอบคำพูดทั้งหมดที่ปรากฎภายในคลิป พบคำว่า “พัทยาเนี่ย” เมื่อค้นหาดู จึงพบว่าตรงกับประโยคที่นายกฯเคยพูดในรายการเชื่อมั่นประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 52 ที่มีการนำมาใช้ในการตัดต่อเสียงในครั้งนี้ด้วย
ไอซีที จ้างกันตนา ตรวจสอบ
นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงไอซีที แถลงผลการตรวจสอบคลิปเสียง ว่า จากการตรวจสอบของ บริษัท กันตนา จำกัด (มหาชน) พบว่า คลิปเสียงดังกล่าวมีการตัดต่อทั้งหมด 16 จุด โดยการตรวจสอบครอบคลุมเนื้อหา 80% ของความยาวคลิป 3 นาที สาเหตุที่การตรวจสอบยังไม่ดำเนินการครอบคลุมเนื้อหา 100% เพราะมีระยะเวลาการตรวจสอบจำกัด เนื่องจากไอซีที ได้ส่งคลิปเสียงให้ทางบริษัท กันตนา ตรวจสอบเมื่อเวลา 11.00 น. ของวันศุกร์ (28 ส.ค. ) โดยกันตนาจะตรวจสอบอีกครั้ง โดยผู้เชี่ยวชาญการตัดต่อ ที่ติดงานในต่างประเทศ คาดว่าการตรวจสอบอย่างละเอียดจากผู้เชี่ยวชาญ จะพบการตัดต่อมากกว่า 20 จุด ตัวอย่างพบว่ามีการตัดต่อ คือ ช่วงนาทีที่ 2.28 ของคลิป มีเสียงบรรยากาศและเสียงรบกวนไม่คงที่ ผิดกับเสียงในช่วงหลัง และในนาทีที่ 2.58 ของคลิป พบว่าคำ ไม่สมบูรณ์ หัวคำขาด ไม่ต่อเนื่อง รวมถึงจังหวะการอ่านไม่เป็นธรรมชาติ
พบแหล่งปล่อยคลิปแล้ว
นายสือ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ พบแหล่งที่มาของการปล่อยคลิปเสียงนายกฯ แล้วจำนวน 2 แหล่งโดยทั้งหมดอยู่ในประเทศไทย โดยกระทรวงไอซีที จะยังไม่เปิดเผยแหล่งที่มาดังกล่าว เพื่อป้องกันการไหวตัว ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี โดยการจับกุมครั้งนี้ยืนยันว่าจะไม่มีแพะอย่างแน่นอน
ใช้คลิปโหมกระแสชุมนุม 30 ส.ค.
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงจุดประสงค์ของผู้ตัดต่อคลิปว่าน่าจะมี 2 ประเด็น คือ 1. เป็นเงื่อนไขในการชุมนุมวันที่ 30 ส.ค. เพราะ มุ่งใส่ร้ายนายกฯ ว่าสั่งการให้ใช้ความรุนแรงกับประชาชน ซึ่งการกระทำเช่นนี้ กระทบต่อความมั่นคงแน่นอน
2.ตั้งใจที่จะใส่ร้ายว่านายกฯ เป็นคนที่ผูกใจเจ็บส่วนตัว จากการพูดเรื่องการทุบรถ และกำชับของเจ้าหน้าที่ จะไปใช้ความรุนแรงต่าง ๆ
"ฝ่ายไอทีสำนักนายกฯ รายงานมาว่า น่าเชื่อว่า ที่มาของการใช้เสียงน่าจะมาจาก 3 แหล่งด้วยกันคือ จากรายการเชื่อมั่นประเทศไทย 2
ครั้ง คือช่วงวันที่ 19 เม.ย. และวันที่ 26 เม.ย. และอีกครั้งหนึ่งน่าจะมาจากตัวคลิปเว็บไซต์ www.abhisit.org ดังนั้นจึงเข้าใจว่า ผู้ตัดต่อน่าจะดึงเสียงมาจาก 2-3 ที่นี้ แล้วมาปะติดปะต่อกัน มาเป็นคลิปเสียงตัวใหม่ " รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าว
ส่วนที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่านายอดิศร เพียงเกษ เป็นแหล่งแรก ที่นำไปเปิดในสถานีโทรทัศน์ พีเพิ่ล
แชลแนล นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตรงนี้ชัดเจนมาก ซึ่งต้องดูว่านายอดิศร ได้มาจากไหน และการเผยแพร่นั้นเป็นการเผยแพร่ การดัดแปลงเสียง ซึ่งเป็นการกระทำความผิดด้วย
ยืมเวทีสภาคุ้มครองการเผยแพร่คลิป
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า กรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย พยายามขอเปิดคลิปเสียงตัดต่อเสียงนายกฯ ระหว่างการประชุมสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 53 เมื่อคืนวาน(27 ส.ค.)แต่ประธานสภาไม่ให้เปิดคลิปดังกล่าว ส.ส.เพื่อไทย จึงใช้วิธีอ่านข้อความในคลิปแทน เพราะรู้ว่ามีเอกสิทธิ์ที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองซึ่งความพยายามของ ส.ส.เพื่อไทย ที่จะเปิดคลิปดังกล่าวทั้งที่มีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นคลิปตัดต่อ
ดังนั้นพรรคเห็นว่า เป็นการกระทำเพื่อเตรียมการสร้างความเกลียดชังนายกรัฐมนตรี หวังปลุกกระแสการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่
30 ส.ค. นอกจากนี้ ยังมีการปลุกระดมเปิดคลิปต่อเนื่อง ทางวิทยุ โดยนายอดิศร เพียงเกษ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย เป็นผู้นำมาเปิด
เล็งเอาผิดเพื่อไทยถึงขั้นยุบพรรค
นายอรรถวิทย์ สุรวรรณภักดี ส.ส.กทม. รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในฟอเวิร์ดเมล์ พบว่า มีอีเมล์ที่มาจากกองงานประชาสัมพันธ์ของพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งอาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 94 (4) ว่าด้วยการกระทำอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ ทั้งภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน อาจส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรคได้ หากการฟอเวิร์ดอีเมล์ดังกล่าวอันเป็นเท็จ แล้วนำไปสู่การชุมนุมที่มีความรุนแรง เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้นำเอกสารปะหน้าการส่งอีเมล์คลิปเสียงดังกล่าว มาแถลงซึ่งระบุว่า อีเมล์ชื่อ
vimollas@scasset.com ใช้หัวข้อว่า“คลิปลับอภิสิทธิ์” โดยส่งเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ไปยังอีเมล์อื่น และมีการฟอเวิร์ดต่อถึง 5 ครั้ง ก่อนจะไปถึงอีเมล์ ชื่อ sutisa29@ hotmail.com ซึ่งเป็นอีเมล์ของฝ่ายประชาสัมพันธ์ของพรรคการเมืองหนึ่ง ก่อนที่จะส่งไปยังสื่อและบุคคลต่างๆ
แฉต้นตอมาจากบริษัทน้องสาวแม้ว
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อีเมล์ต้นตอมาจากเครือข่ายบริษัท เอสซี แอสเสท ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ระบุว่า “your mail has been scanned by SC Asset InterScanW ส่งไปยังอีเมล์ของผู้ใช้ชื่อว่า “kanyanit” จากนั้นบุคคลดังกล่าวได้ส่งอีเมล์นี้ต่อไปยังผู้ที่ใช้ชื่อว่า “sutisa” ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ที่ประสานงานกับสื่อมวลชนประจำพรรคเพื่อไทย โดยบุคคลคนนี้ ได้ส่งอีเมล์ฉบับนี้ต่อไปให้บรรดานักข่าวประจำพรรค และบุคคลใกล้ชิดของตัวเอง และหนึ่งในจำนวนนั้นก็มีชื่อ อีเมล์ ที่ใช้ชื่อว่า titimachaisang@hotmail.com จึงอยากถามว่า อีเมล์นี้ เป็นของนางฐิติมา ฉายแสง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่พยายามนำเรื่องนี้มาเปิดประเด็นในเวทีการอภิปรายงบประมาณปี 53 ใช่หรือไม่ ถ้าเป็นคนเดียวกัน ก็อยากให้ตำรวจผู้รับผิดชอบคดี เข้าไปสอบสวนขยายผลต่อ เพื่อหา
ข้อเท็จจริงจากบุคคลนี้ด้วยเพราะถือเป็นหนึ่งในขบวนการที่เผยแพร่คลิปเสียงตัดต่อ ที่หวังขยายผลให้เกิดความแตกแยกในชาติไทยด้วยกันเอง
พท.แก้เกี้ยวขู่ยื่นถอดถอน"มาร์ค"
ในวันเดียวกันนี้ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ ตอบคำถามที่มีการระบุว่าต้นตอของคลิป มาจากกองโฆษกพรรคเพื่อไทย ซึ่งถือว่ามีความผิดจนอาจนำไปสู่การยุบพรรคได้ ว่า ยืนยันจะเดินหน้าถอดถอนนายอภิสิทธิ์ แต่เรื่องนี้พรรคไม่เกี่ยวข้อง พรรคคงไม่มีทางมีข้อความเสียงแบบนั้นได้ และวันนี้เป็นธรรมดาที่ทุกคนคงมีคลิปดังกล่าว แต่เรื่องนี้กลับมากล่าวหาพรรคเพื่อไทย ซึ่งความจริงตนเห็นว่าน่าจะไปดำเนินการกับคนที่สั่งการฆ่าประชาชนมากกว่า และนายกฯควรพิสูจน์เรื่องนี้ให้เกิดความกระจ่างโดยเร็ว อย่าปัดความรับผิดชอบ โยนความผิดให้คนอื่น รวมทั้งเรื่องนี้ตนเห็นว่าอาจจะเป็นการสร้างสถานการณ์เอง เพื่อปิดหูปิดตาประชาชน จากเรื่องอื่น
"ไอ้ตู่"ปั้นเรื่องเสี้ยมแหลก
นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีนี้อย่าปรักปรำใคร ต้องมีการพิสูจน์ เพราะคนที่นายกฯควรจะระวังมากที่สุด ไม่ใช่คนในพรรคเพื่อไทย หรือเสื้อแดง แต่เป็นพรรคพวก ที่อยู่รอบข้างตัวนายกฯเอง ซึ่งเป็นผู้ที่นายกฯไปสร้างความไม่พอใจให้กับเขา เพราะก่อนหน้านี้ ได้มีรองนายกฯ คนหนึ่ง พูดผ่านนายทหารคนหนึ่งว่า จะมีการเปลี่ยนตัว รมว.กลาโหม โดยให้นายอภิสิทธิ์ นั่งควบเอง ต่อมาก็เปิดประเด็นใหม่ว่า จะดึง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีต คมช. มานั่งตำแหน่งรมว.กลาโหมแทน ข่าวนี้สร้างความไม่พอใจให้กับคนที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกฯ แต่ตนอยากให้นายอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกฯ สั่งการให้นำเทปบันทึกการประชุมที่กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ห้องยุทธการ เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ฉบับเต็มออกมา พิสูจน์มีคนที่ต้องการจะจัดการนายกฯ เคยได้ยินยุทธการที่ว่า “จับแดง ล้มรัฐบาล บริหารเอง” หรือไม่
"มาร์ค"สั่งหาหลักฐานมัดตัวการ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินการกับพรรคเพื่อไทย ที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้เผยแพร่คลิปเสียง ว่า ตอนนี้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ เพราะความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และยังมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ไม่ใช่ความผิดต่อบุคคล แต่เป็นความผิดต่อแผ่นดิน จึงเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการ และตนยังได้ขอผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายมาแสดงให้เห็นชัดเจนไปเลย เพราะแม้เรื่องเสียงที่มีการตัดต่อนั้น ก็คงมีความชัดเจน แต่อยากให้ละเอียดลงไปเลย มีจุดไหน อย่างไรบ้าง เนื่องจากมีคนที่ช่วยค้นข้อมูลเห็นว่า เหมือนเป็นการพูดของตนในรายการ เชื่อมั่นฯ ใน 2 ครั้งเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา กับบทสัมภาษณ์หรือการแถลงข่าวอีกบทหนึ่ง มาปะปนสลับกัน
ส่วนจะยื่นให้มีการยุบพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริงก่อน จะไปสรุปอย่างนั้น อย่างนี้คงไม่ได้ แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่ เมื่อถามว่า แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ระบุว่าทหารอาจเป็นคนทำ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นี่จึงต้องพิสูจน์กันไป ทั้งนี้ตนไม่ได้มีถามเรื่องนี้กับฝ่ายทหาร
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าจะเป็นการจุดชนวนที่ทำให้เกิดปัญหาตามมาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายอยู่แล้วว่า เมื่อรู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่จริง ก็อย่าตกเป็นเหยื่อ หรือสมคบ ทั้งนี้เท่าที่ดู ประชาชนก็มีความเข้าใจดีขึ้น แต่เราไม่ทราบ เพราะมีบางคนที่ไม่สนใจข่าวสารทั่วไป แต่ไปอยู่ในเวที แต่ตนขอบคุณหลายเว็บไซต์ ที่แม้จะมีการวิจารณ์รัฐบาลอย่างรุนแรง แต่ก็ให้ความเป็นธรรมว่าเมื่อฟังคลิปเสียงนี้แล้ว เห็นว่ามันไม่ใช่ อย่างไรก็ตามยังมีการเผยแพร่อยู่ โดยอาจเป็นการถอดความจากคลิปเสียงออกมาแล้วส่งต่อกันไป ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวใต้ดิน ของฝ่ายการเมือง
เมื่อถามถึงการที่นายกฯ สอบถามเรื่องนี้กับ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขา มายื่นหนังสือเพื่อขอให้ระงับการจัดซื้ออาวุธปืน ตนบอกว่ามาก็ดีแล้ว เพราะตนอยากจะถาม พ.ต.ท.สมชายว่าได้คลิปเสียงมาอย่างไร เพราะมีการพูดกันว่า พ.ต.ท.สมชาย พูดหรือเอาให้ผู้สื่อข่าว ซึ่งพ.ต.ท.สมชาย บอกว่าไม่ทราบเรื่อง ตนจึงบอกว่าถ้าไม่ทราบก็ไม่เป็นไร แต่ พ.ต.ท.สมชาย กลับไปพูดในที่ประชุมสภาฯว่า ตนไปต่อว่าพ.ต.ท.สมชาย เป็นผู้ตัดต่อคลิปเสียง ซึ่งตนไม่เคยพูดเรื่องทำตัดต่อ แต่ถามว่า ได้มาอย่างไร
"ป๊อก-ป้อม"รับประกัน"มาร์ค"ไม่ทำ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ระบุว่า กองทัพเป็นผู้ปล่อยคลิปเสียงนายกรัฐมนตรี สั่งให้ดำเนินการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงในช่วงเดือนเม.ย.ว่า ยืนยันว่าไม่มีเรื่องเกี่ยวกับทหารทั้งสิ้น และตนไม่เชื่อว่านายอภิสิทธิ์ จะพูดอย่างนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของทหารนั้น สามารถลืมไปได้เลย เพราะไม่มีอย่างแน่นอน
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พยายามปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีนี้ โดยกล่าวว่า "ไม่มีเหตุผลๆ ผมไม่ทราบ ไม่มีๆ นายกฯไม่ได้พูดหรอก" เมื่อถามว่านายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงระบุว่า ทหารไม่พอใจนายกฯ แล้วปล่อยคลิปเสียงนายกฯ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "อันนี้ไม่รู้ แต่ผมว่านายกฯไม่ได้พูด และไม่ใช่เรื่องจริง"