“รัฐมนตรีลูกกรอก”งานคืบ ยันกองพิสูจน์หลักฐานชี้ชัดคลิปเสียง “มาร์ค”ตัดต่อจากรายการเชื่อมั่นประเทศไทย-เว็บไซต์ส่วนตัว ลั่นเร่งล่าต้นตอ ชี้บริษัท “ทักษิณ”มีเอี่ยว เชื่อหวังสร้างเงื่อนไขชุมนุม 30 ส.ค.นี้ ส่งซิกตำรวจจัดการ “อดิศร” หลังถูกพวกเดียวกันแฉกันเองว่าเป็นต้นตอ ย้ำโทษหนัก ฟอร์เวิร์ดเมล์ก็ผิด
คลิกที่จอภาพ เพื่อเข้าสู่หน้า วีดีโอย้อนหลัง
วันนี้(28 ส.ค.)ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการหาต้นตอการตัดต่อคลิปเสียงนายกฯที่สั่งใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ทางพิสูจน์หลักฐานได้พิสูจน์แล้วว่ามีการตัดต่อเสียงจริง ซึ่งมีหลักฐานเป็นหนังสือและได้ส่งให้ประธานสภาผู้แทนฯแล้วเมื่อคืนวาน และขณะนี้เรื่องก็ยังมีอยู่ที่ตำรวจสันติบาลที่กำลังติดตามถึงที่มาที่ไปของคลิปเสียงนี้ ซึ่งยืนยันว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และขณะนี้ก็มีการติดตามสืบสวนสอบสวนหาต้นตอที่เผยแพร่มาตั้งแต่ต้น
“ที่อยากเตือนก็คือหากมีการเผยแพร่คลิปนี้ผ่านทางอีเมล์ คนที่ฟอร์เวิร์ดอีเมล์ต่อให้คนอื่นจะมีความผิดด้วย ตามพรบ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงไอซีที ก็พยายามแจ้งเตือน ซึ่งผมคิดว่าคงมีฟอร์เวิร์ดกันเยอะ คนที่ฟอร์เวิร์ดมีความผิดทุกคน มีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ โทษค่อนข้างแรง ” นายสาทิตย์ กล่าว
นายสาทิตย์ กล่าวด้วยว่า ประเด็นในขณะนี้เราดูอยู่ 2 เรื่องคือ 1.วัตถุประสงค์ของการทำคลิปเสียงนี้เพื่ออะไร ซึ่งเท่าที่ดูเข้าใจว่าคนที่ตัดต่อคลิปเสียงนี้ตั้งใจจะใช้เป็นเงื่อนไขในการชุมนุมวันที่ 30 ส.ค.เพราะคลิปเสียงนี้มุ่งใส่ร้ายนายกฯว่าสั่งการให้ใช้ความรุนแรงกับประชาชนในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งการกระทำเช่นนี้กระทบต่อความมั่นคงแน่นอน และ 2.คงมีความตั้งใจที่จะใส่ร้ายว่านายกฯ เป็นคนที่ผูกใจเจ็บส่วนตัวเพราะในคลิปเสียงนั้นชัดเจนที่มีการพูดเรื่องการทุบรถ และนำมาซึ่งการกำชับของเจ้าหน้าที่จะไปใช้ความรุนแรงต่าง ๆ
“รัฐบาลกำลังติดตามอยู่ว่าตัวคลิปเสียงนี้ การเผยแพร่ในเบื้องต้นมีที่มาที่ไป โดยการใช้เสียงจากแหล่งใดบ้าง ซึ่งเมื่อวานให้ทีมงานที่ดูแลเกี่ยวกับไอทีของทางฝ่ายสำนักนายกฯไปดู ซึ่งได้รายงานมาว่า น่าเชื่อว่าที่มาของการใช้เสียงน่าจะมาจาก 3 แหล่งด้วยกันคือ จากรายการเชื่อมั่นประเทศไทย 2 ครั้งคือช่วงวันที่ 19 เม.ย.และวันที่ 26 เม.ย. และอีกครั้งหนึ่งน่าจะมาจากตัวคลิปเว็บไซต์ www.abhisit.org ซึ่งในเว็บไซต์นี้ก็จะเอาเสียงที่นายกฯไปพูดในที่ต่าง ๆ มาทำเป็นคลิปไว้ในเว็บไซต์ด้วย ดังนั้นจึงเข้าใจว่าผู้ตัดต่อน่าจะดึงเสียงมาจาก 2-3 ที่นี้แล้วมาปะติดประต่อกันมาเป็นคลิปเสียงตัวใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ผมจะให้เจ้าหน้าที่ทำรายงานเสนอนายกฯ และถ้านายกฯเห็นว่าเหมาะสมก็อาจจะส่งไปทางตำรวจเพื่อพิสูจน์ทราบอีกที และจะได้ไปประกอบเรื่องกับเรื่องนี้ที่ไปติดตามสอบสวนกับคนที่เผยแพร่เบื้องต้น”รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเบื้องต้นพอทราบต้นตอของผู้ที่ปล่อยหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า จริง ๆ ยังไม่ชัดเจนว่าคนปล่อยคนแรกคือใคร แต่เบาะแสค่อนข้างที่จะชี้ไปยังเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้มีความพยายามปล่อยกันมาตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. ความจริงอยากจะพูดด้วยซ้ำว่าเกี่ยวพันกับนักการเมืองบางท่านด้วย ซึ่งมีเบาะแสตรงกันหลายแห่ง แต่ไม่อยากพูดไปก่อนเพราะเจ้าหน้าที่เขาต้องดำเนินการทางกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่านายอดิศร เพียงเกษ เป็นแหล่งแรกที่นำไปเปิดในสถานีโทรทัศน์พิเพิล แชลแนล นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตรงนี้ชัดเจนมาก ซึ่งต้องดูว่านายอดิศร ได้มาจากไหน และการเผยแพร่นั้นเป็นการเผยแพร่ การดัดแปลงเสียงซึ่งเป็นการกระทำความผิดด้วย จะสามารถเผยแพร่ได้หรือไม่ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือเปล่า ซึ่งตรงนี้จะไปที่ตำรวจแน่ ก็ต้องดำเนินการกัน ส่วนจะมีการส่งเจ้าหน้าที่ไปค้นที่สถานีโทรทัศน์พิเพิล แชลแนล หรือไม่นั้นเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่จะดำเนินการเอง รัฐบาลคงไม่ไปแทรกแซง หรือสั่งการว่าต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้
“กรณีนี้มาจากคนในพรรคเพื่อไทยกันเอง ซึ่งก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจมาก และทั้งหมดนี้จะโยงให้เห็นว่าเหตุการณ์วันที่ 30 ส.ค. ไม่ใช่เป็นเรื่องที่รัฐบาลตื่นตูมไปเอง แต่หลายเรื่องมีเบาะแสที่ชี้ชัดว่ามีความพยายามที่จะปลุกระดมให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา ดังนั้นหน้าที่ของรัฐบาลก็คือต้องทำไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ก็ต้องดูแลให้ประเทศเกิดความสงบเรียบร้อย”นายสาทิตย์ กล่าว