ASTV ผู้จัดการรายวัน - นพ.โรงพยาบาลเอกชน เตือนเปิดเสรีการค้า ด้านบริการสุขภาพ นอกจากจะสร้างไทยเป็นแนวหน้าของอาเซียน แต่ในทางกลับกันธุรกิจรพ.เอกชน สปา และนวดขนาดเล็ก ซึ่งเป็นอาชีพเฉพาะที่เป็นความภูมิใจของคนไทย อาจโดนต่างชาติฮุบกิจการ เพราะกำลังขาดแคลนเงินทุนอย่างนัก วอนรัฐฯหันมองธุรกิจเล็กๆ ให้มาก
นายแพทย์เอกราช ทองบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลซานเปาโลหัวหิน กล่าวถึงการเปิดเสรีการค้าบริการว่า เป็นสิ่งที่ดี เพราะที่ผ่านมา เราได้ขึ้นชื่อระดับโลกว่าเป็นเมดิเคิลฮับของโลก มีผู้เข้ามารับบริการด้านการแพทย์ของไทยจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม การอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาถือห้นในกิจการของคนไทยถึง ร้อยละ 70 ในปีค.ศ.2010 นั้น ก็เหมือนเป็นดาบสองคม เพราะมีทั้งด้านดี และไม่ดี ในส่วนที่ดี ก็คือจะช่วยให้การแพทย์ของคนไทย ได้ขึ้นเป็นระดับแนวหน้าของอาเซียน ซึ่งผู้ที่จะได้รับประโยชน์ก็จะเป็นเพียงโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่
แต่ในทางกลับกัน บ้านเรามีโรงพยาบาล รวมถึงธุรกิจด้านสุขภาพ สปา นวดขนาดเล็กที่เปิดให้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก กำลังประสบปัญหาเรื่องของทุน และดูเหมือนว่าเรื่องเหล่านี้ ไม่ได้รับการแก้ไขในเวลาอันสั้น ดังนั้น โอกาส ที่ต่างชาติจะเข้ามาถือหุ้นและฮุบกิจการของคนไทยจึงมีโอกาสอย่างมาก ถึงแม้เจ้าของกิจการทั้งหลายเหล่านี้จะไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น แต่เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจไปได้ เขาจึงไม่มีทางเลือก
สำหรับประเทศที่น่ากลัวมากที่สุดในขณะนี้ ก็คงไม่พ้นผู้ประกอบการจากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งทุกคนก็รู้ดีว่า นักธุรกิจจากสิงคโปร์มีความสามารถพิเศษในเรื่องของการหมุนเงินระดับโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และเป็นความภาคภูมิใจของเรา เพราะเรามีบุคคลากรที่มีความชำนาญ และเก่งในหลายเรื่อง แต่สุดท้ายกิจการเหล่านี้ กลับไม่ใช่ของคนไทย ทั้งที่เป็นฝีมือการทำงานของคนไทย
“การเปิดเสรีการค้า ถ้าธุรกิจ เราพร้อมก็ไปเทคโอเวอร์เป็นเจ้าของกิจการ หรือโดนเทคโอเวอร์ ต้องตระหนักว่าเปิดเสรีด้านรักษาพยาบาลแล้วเราเก่ง ไม่น่าห่วงในผู้ประกอบการรายใหญ่ แต่เป็นห่วงรายเล็ก และรัฐฯจะช่วยอย่างไรที่จะต้านกระแสเงิน ที่มีการบริหารจัดการเงินที่เก่งกว่าเรา อย่างสิงคโปร์ ซึ่งเขาเป็นมืออาชีพระดับโลก ดังนั้น รัฐฯจะให้ความรู้ด้านบริหารจัดการธุรกิจแต่รายใหญ่ไม่ได้อีกแล้ว ต้องหันมาดูในองค์กรขนาดเล็กด้วย และถ้าวันนั้นเราไม่พร้อม การลงทุนที่เป็นชาวอาเซียนด้วยกันแต่คงไม่ใช่เรา”
นายแพทย์เอกราช ทองบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลซานเปาโลหัวหิน กล่าวถึงการเปิดเสรีการค้าบริการว่า เป็นสิ่งที่ดี เพราะที่ผ่านมา เราได้ขึ้นชื่อระดับโลกว่าเป็นเมดิเคิลฮับของโลก มีผู้เข้ามารับบริการด้านการแพทย์ของไทยจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม การอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาถือห้นในกิจการของคนไทยถึง ร้อยละ 70 ในปีค.ศ.2010 นั้น ก็เหมือนเป็นดาบสองคม เพราะมีทั้งด้านดี และไม่ดี ในส่วนที่ดี ก็คือจะช่วยให้การแพทย์ของคนไทย ได้ขึ้นเป็นระดับแนวหน้าของอาเซียน ซึ่งผู้ที่จะได้รับประโยชน์ก็จะเป็นเพียงโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่
แต่ในทางกลับกัน บ้านเรามีโรงพยาบาล รวมถึงธุรกิจด้านสุขภาพ สปา นวดขนาดเล็กที่เปิดให้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก กำลังประสบปัญหาเรื่องของทุน และดูเหมือนว่าเรื่องเหล่านี้ ไม่ได้รับการแก้ไขในเวลาอันสั้น ดังนั้น โอกาส ที่ต่างชาติจะเข้ามาถือหุ้นและฮุบกิจการของคนไทยจึงมีโอกาสอย่างมาก ถึงแม้เจ้าของกิจการทั้งหลายเหล่านี้จะไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น แต่เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจไปได้ เขาจึงไม่มีทางเลือก
สำหรับประเทศที่น่ากลัวมากที่สุดในขณะนี้ ก็คงไม่พ้นผู้ประกอบการจากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งทุกคนก็รู้ดีว่า นักธุรกิจจากสิงคโปร์มีความสามารถพิเศษในเรื่องของการหมุนเงินระดับโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และเป็นความภาคภูมิใจของเรา เพราะเรามีบุคคลากรที่มีความชำนาญ และเก่งในหลายเรื่อง แต่สุดท้ายกิจการเหล่านี้ กลับไม่ใช่ของคนไทย ทั้งที่เป็นฝีมือการทำงานของคนไทย
“การเปิดเสรีการค้า ถ้าธุรกิจ เราพร้อมก็ไปเทคโอเวอร์เป็นเจ้าของกิจการ หรือโดนเทคโอเวอร์ ต้องตระหนักว่าเปิดเสรีด้านรักษาพยาบาลแล้วเราเก่ง ไม่น่าห่วงในผู้ประกอบการรายใหญ่ แต่เป็นห่วงรายเล็ก และรัฐฯจะช่วยอย่างไรที่จะต้านกระแสเงิน ที่มีการบริหารจัดการเงินที่เก่งกว่าเรา อย่างสิงคโปร์ ซึ่งเขาเป็นมืออาชีพระดับโลก ดังนั้น รัฐฯจะให้ความรู้ด้านบริหารจัดการธุรกิจแต่รายใหญ่ไม่ได้อีกแล้ว ต้องหันมาดูในองค์กรขนาดเล็กด้วย และถ้าวันนั้นเราไม่พร้อม การลงทุนที่เป็นชาวอาเซียนด้วยกันแต่คงไม่ใช่เรา”