xs
xsm
sm
md
lg

ทหารไทยรับสินเชื่อSMEพลาดเป้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ทหารไทยรับสินเชื่อเอสเอ็มอีปีนี้ โตต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ 3 - 4% จากผลกระทบเศรฐกิจซบ ทำให้ลูกค้าชะลอเบิกใช้วงเงิน แต่คาดได้ 80-90%ของเป้า คาดทิศทางปี 53 สินเชื่อเอสเอ็มอีแข่งดุ งัดกลยุทธ์ ราคา บริการและขนาดวงเงินจูงใจลูกค้า ล่าสุดเปิดสินเชื่อ 'ทีเอ็มบี เอสเอ็มอี' ให้วงเงินสูงสุด 3 เท่าของหลักประกัน

นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) เปิดเผยว่า ยอดการปล่อยสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)ของธนาคารในปีนี้อาจโตไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ทั้งปีที่ 3 -4% หรือเพิ่มขึ้นสุทธิ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ฐานสินเชื่อคงค้างเอสเอ็มอีของธนาคารในสิ้นปีนี้เติบโตไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 1.12 แสนล้านบาท เนื่องจากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ลูกค้าเบิกใช้วงเงินสินเชื่อไม่มากนักยอดคงค้างปัจจุบันที่ 8.3 หมื่นล้านบาท จึงคาดว่าทั้งปีธนาคารจะสามารถทำได้เพียง 80-90% ของเป้าหมายเท่านั้น

“ฐานสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคาร 9 เดือนอยู่ที่ 8.3 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายที่ต้องการเพิ่มฐานสินเชื่อคงค้างเอสเอ็มอีในสิ้นปีนี้ให้อยู่ที่ 1.12 แสนล้านบาท แต่ธนาคารคาดว่าน่าจะทำได้ 80-90% ของเป้าหมายสินเชื่อคงค้างที่ว่างไว้ แต่อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4 ของปีนี้ ธนาคารก็จะพยายามที่จะปล่อยสินเชื่อให้ได้ 3 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ฐานสินเชื่อคงค้างเป็นไปตามเป้าหมาย เพราะขณะนี้ธนาคารกำลังจะพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้กับลูกค้าเป็นวงเงินประมาณ 1หมื่นล้านบาท และที่ลูกค้ารอเบิกใช้วงเงินสินเชื่ออีก 5-6 พันล้านบาท” นายสยาม กล่าว

นายสยาม กล่าวอีกว่า คุณภาพลูกค้าเอสเอ็มอีขณะนี้เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้ผู้ประกอบการเลือกที่จะชำระหนี้คืนให้ตรงตามกำหนด เพื่อที่จะได้เครดิตในการขยายธุรกิจต่อไป ขณะที่ลูกค้ารีไฟแนนซ์ พบว่าเริ่มทยอยเข้ามาในธนาคารมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลังนี้ เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกธนาคารได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างจึงยังมีลูกค้ากลุ่มนี้ไม่มากนัก ขณะที่สัญญาณหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัวและไม่เห็นทิศทางที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนัก แต่ยอมรับว่าเอ็นพีแอลของลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคารยังคงอยู่ในระดับที่สูงพอสมควรคือประมาณ 10% ซึ่งธนาคารพยายามที่จะดูแลและบริหารต่อไป

สำหรับทิศทางการแข่งขันสินเชื่อเอสเอ็มอีในปี 2553 เชื่อว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในด้านของราคา การบริการและขนาดของวงเงินที่แต่ละสถาบันการเงินสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ โดยจะเห็นได้ว่าปัจจุบันสถาบันการเงินต่างๆ เริ่มออกแคมเปญทางการตลาดมาตามทิศทางเศรษฐกิจที่มีสัญญาณการฟื้นตัวมากขึ้นและจะมีการเจาะกลุ่มเพื่อแย่งชิงกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น แต่อย่างไรก็ดี ช่องทางการแข่งขันในปีหน้ายังถือว่ากว้าง เนื่องจากเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวตลาดธุรกิจของแต่ละประเภทจะมีช่องทางกว้างมากขึ้น ดังนั้นการแข่งขันจะไม่ยากนักเมื่อเปรียบเทียบกับปีนี้ที่เศรษฐกิจชะลอตัวทำให้มีช่องทางการแข่งขันที่แคบ

โดยล่าสุด ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดให้บริการสินเชื่อ “ทีเอ็มบี เอสเอ็มอี” (TMB SME Credit) ที่ให้วงเงินสุงสุดถึง 3 เท่าของวงเงินหลักประกันในอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจเอสเอ็มอีที่กำลังขยายกิจการ เสริมสภาพคล่องและรีไฟแนนซ์จากสถาบันการเงินอื่น ด้วยเงินกู้ระยะยาวและเงินทุนหมุนเวียนทั้งยังช่วยลดต้นทุนทางการเงินซึ่งนับเป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่ให้แก่บริการสินเชื่อเอสเอ็มอี โดยวงเงินกู้ระยะยาว และวงเงินโอดี ซึ่งให้วงเงินสูงสุด 3 เท่าของมูลค่าหลักประกัน และผู้ประกอบการที่มียอดขายต่อปีตั้งแต่ 50- 500 ล้านบาท TMB SME สนับสนุนสินเชื่อวงเงินสูง 3 เท่าของมูลค่าหลักประกันทั้ง เงินกู้ระยะยาว วงเงินโอดี วงเงินตั๋วสัญญาใช้เงิน วงเงินเพื่อการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งวงเงินสินเชื่อเพื่อผู้ซื้อ ที่คิดอัตราดอกเบี้ยเงินต่ำสุดเพียง MOR -1.50% พร้อมฟรีค่าธรรมเนียมการโอนเงิน โดยคาดว่ายอดการปล่อยสินเชื่อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเติบโตประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น