xs
xsm
sm
md
lg

GSTEELชี้อุตสาหกรรมเหล็กฟื้นตัวรุดคุยเจ้าหนี้-ปรับโครงสร้างการเงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – “จี สตีล”ชี้อุตสาหกรรมเหล็กเริ่มกลับมาสดใส จากราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและเม็ดเงินการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ รุดหาผู้ร่วมทุนหรือหาเงินกู้ก้อนใหม่เพื่อรีไฟแนนซ์หนีเดิมที่ของบริษัทย่อย “โอเรียลทัล แอ็กเซส” พร้อมจ้างที่ปรึกษาปรับโครงสร้างการเงิน และโครงสร้างหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ 170 ล้านเหรียญ มั่นใจแม้โดนเจ้าหนี้ฟ้องก็ไม่มีผลกระทบกับบริษัท

นายริวโซ โอกิโน กรรมการ บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) (GSTEEL) เปิดถึงความคืบหน้าในการดำเนินงานของบริษัทฯว่า สถานการณ์ของอุตสาหกรรมเหล็กได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว และในภาพรวมได้ปรับตัวดีขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ เป็นผลมาจากการผลักดันนโยบายการใช้จ่ายโดยตรงของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่และมีนโยบายที่ชัดเจนในการสนับสนุนอุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศ ทำให้อุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศปรับตัวดีขึ้นจากเดิมมาก และมี แนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ประกอบกับราคาเหล็กในตลาดโลกในปีนี้ไม่ผันผวนเหมือนปีที่แล้ว เป็นผลให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเหล็ก และอุตสาหกรรมต่อเนื่องได้รับอานิสงส์ต่อการดำเนินกิจการอย่างมีนัยสำคัญ ดังจะเห็นได้จากผลประกอบการของบริษัทฯ ที่ปรับตัวดีขึ้นมากจากไตรมาสที่ผ่านมา

ส่วนกรณีเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงิน ปัจจุบันบริษัทโอเรียลทัล แอ็กเซส จำกัด (บริษัทย่อย) ยังไม่ได้ทำการชำระเงินกู้จำนวนเงิน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 535 ล้านบาท ซึ่งถึงกำหนดจ่ายชำระเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2552 ทำให้บริษัทย่อยผิดเงื่อนไขการจ่ายชำระตามที่ระบุไว้ในสัญญาเงินกู้และมีภาระต้องจ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมเป็นจำนวนรวม 63.63 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2,174 ล้านบาท

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทฯ และบริษัทย่อยกำลังดำเนินการเจรจากับเจ้าหนี้ในการชำระเงินที่คงค้างอยู่อย่างต่อเนื่อง และบริษัทฯ มีแนวทางในการชำระหนี้จำนวนนี้ด้วยการหาผู้ร่วมลงทุนใหม่ และ/หรือการหาเงินกู้เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้เดิมจากสถาบันการเงินต่อไป โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงิน ซึ่งหากการเจรจาไม่สามารถตกลงกันได้ เจ้าหนี้จะสามารถฟ้องร้องเพื่อนำหลักประกันออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ได้ อย่างไรก็ตามจากเหตุดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัทฯ

ส่วนหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกัน ปัจจุบันบริษัทฯ ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาทางด้านการเงินเพื่อดำเนินการปรับโครงสร้างการเงิน และปรับโครงสร้างของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกัน จำนวน 170 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะครบกำหนดชำระคืนเงินต้นในวันที่ 4 ตุลาคม 2553

อนึ่งบริษัทฯไม่ได้ชําระดอกเบี้ยงวดวันที่ 4 ตุลาคม 2552 แต่บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าการดําเนินการปรับโครงสร้างทางการเงินและโครงสร้างหุ้นกู้ดังกล่าวจะประสบผลสำเร็จ โดยบริษัทฯ จะแจ้งความคืบหน้าของการเจรจาให้ทราบต่อไปภายในวันที่ 30 ตุลาคม 2552 อย่างไรก็ตามเมื่อบริษัทฯ ผิดนัดชำระดอกเบี้ยแล้วผู้ถือหุ้นกู้จำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นกู้ทั้งหมดสามารถแจ้งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เพื่อให้ดำเนินการเรียกเงินคืนได้ ซึ่งจากเหตุดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัทฯเช่นกัน

สำหรับเงินจ่ายล่วงหน้าค่าซื้อที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ 2,933.39 ล้านบาทนั้น เงินจ่ายล่วงหน้าทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อเครื่องจักรเพื่อใช้ในโครงการขยายกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน (Hot Rolled Coil) และเหล็กแผ่นรีดร้อนปรับสภาพผิว (Coil Conditioning Line) กำลังการผลิตประมาณ 1.6 ล้านตันต่อปี ซึ่งได้มีการระดมทุนจากการออกหุ้นกู้ และการเพิ่มทุนเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) รวมทั้งจากเงินหมุนเวียนของบริษัทฯ

อนึ่ง การที่บริษัทฯ มีการจ่ายเงินล่วงหน้าค่าเครื่องจักรหรือทรัพย์สินนั้น เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทฯไม่ได้ใช้วงเงิน LC, TR หรือวงเงินค้ำประกันจากสถาบันการเงินในการค้ำประกันการจัดซื้อเครื่องจักรดังกล่าวบริษัทฯ จึงเจรจาทำข้อตกลงกับผู้ขายเครื่องจักรด้วยการวางมัดจำและทยอยจ่ายเงินเป็นงวดๆ อย่างไรก็ตาม บางสัญญาผู้ขายพร้อมที่จะส่งมอบเครื่องจักรแล้ว แต่บริษัทฯ ได้มีการเจรจาขอให้ผู้ขายชะลอการส่งมอบเครื่องจักรเพื่อที่จะเลื่อนการชำระเงินออกไป

พร้อมกันนี้ บริษัทฯได้รับเงินรับล่วงหน้าจากลูกค้าจำนวน 1,874 ล้านบาท ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่ลูกค้าต้องการสร้างสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีกับบริษัทฯ และลูกค้าต้องการซื้อเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนอย่างต่อเนื่องจากบริษัทฯ อย่างไรก็ตามจากภาวะวิกฤตการเงินทั่วโลกและราคาเหล็กที่ผันผวนอย่างที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในปีที่แล้ว บริษัทฯ ไม่สามารถตกลงราคาซื้อขายกับลูกค้าได้ในช่วงที่เกิดวิกฤต

โดยจากการเจรจาติดต่อกันอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ กับลูกค้ารายหนึ่งที่มียอดเงินรับล่วงหน้าคงเหลือจำนวน 1,584 ล้านบาทนั้น ทั้งนี้บริษัทฯ และลูกค้ารายนี้มีความเข้าใจต่อปัญหาและสภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้น และบริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายนี้เพื่อสรุปแผนการผ่อนชำระเงินรับล่วงหน้าให้มีความสอดคล้องต่อความสามารถในการชำระเงินของบริษัทฯ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น