* คำแนะนำ : ถือ Fair Value 53 (Bt) : 8.50 Closed Price (Bt) : 9.35 Down-side risk : 9.09% Dividend Yield 52F : 4.28%
คาดผลประกอบการไตรมาส 3/52 ของ KTB มีกำไรสุทธิ 3,757 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4%YoY และเพิ่มขึ้นถึง 61.6%QoQ ถึงแม้เราจะคาดว่าสินเชื่อจะหดตัวลง และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น แต่การได้รับเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์จะทำให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2552 ไว้ที่ 11,174 ล้านบาท ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2553 ที่ 8.50 บาท มี Down-side risk อยู่ 9.1% และมีความเสี่ยงที่จะมีการตั้งสำรองจำนวนมากในไตรมาส 4/52 แต่ KTB จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และมีระดับเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจ เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “ขาย” เป็น “ถือ”
คาดผลประกอบการไตรมาส 3/52 ของ KTB มีกำไรสุทธิ 3,757 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4%YoY และเพิ่มขึ้นถึง 61.6%QoQ
คาดผลประกอบการไตรมาส 3/52 ของ KTB มีกำไรสุทธิ 3,757 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4%YoY และเพิ่มขึ้นถึง 61.6%QoQ โดยถึงแม้ไตรมาสนี้เราจะคาดว่าสินเชื่อของ KTB นั้นจะหดตัวลง แต่การได้รับเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์จะทำให้รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลเพิ่มขึ้น 9.3%QoQ ส่วนการเพิ่มขึ้นของเงินฝากทำให้เราคาดว่าค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้นด้วย 2%QoQ ทางด้านการตั้งสำรองเราคาดว่า KTB จะมีการตั้งสำรองปกติไตรมาสละ 1.5 พันล้านบาท เหมือนเดิม ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเราคาดว่าจะลดลง 6.2%QoQ เนื่องจากคาดว่ากำไรจากเงินลงทุนจะลดลง ส่วนค่าใช้จ่ายเราคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6.7%QoQ
คาดไตรมาส 3/52 KTB มีสินเชื่อหดตัวจากไตรมาสก่อน แต่ยังคาดว่าจะมีสินเชื่อเพิ่มจาก ณ สิ้นปี 2551 3.2% และเป็นธ.พ. ขนาดใหญ่เพียงธนาคารเดียวที่มีสินเชื่อเพิ่มขึ้น
เราคาดว่า KTB นั้นจะมีสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 3/52 หดตัวลงจากไตรมาสก่อน 1% เนื่องจากการไถ่ถอนสินเชื่อของลูกค้ารายใหญ่ และการชำระคืนของสินเชื่อภาครัฐ แต่ทั้งนี้เรายังคาดว่า KTB นั้นจะยังมีสินเชื่อเพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2551 3.2% และจะยังเป็นธนาคารขนาดใหญ่เพียงธนาคารเดียวที่มีสินเชื่อในปี 2552 เพิ่มขึ้น
คาด KTB มีสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีอยู่ 7.2% แต่ยังคาดว่าจะมีการตั้งสำรองปกติที่ 1.5 พันล้านบาท/ไตรมาส
เราคาดว่าในไตรมาสนี้ KTB นั้นจะมีปริมาณ NPL เพิ่มสูงขึ้น จาก ณ สิ้นไตรมาส 2/52 ที่มี NPL อยู่ 8.8 หมื่นล้านบาท และจากการที่เราคาดว่าสินเชื่อในไตรมาสนี้จะหดตัวลง ทำให้เราคาดว่าสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมจะเพิ่มขึ้นด้วย จากไตรมาสก่อนที่มีอยู่ 7.2% แต่เรายังคาด KTB นั้นจะมีการตั้งสำรองปกติไตรมาสละ 1.5 พันล้านบาท
การได้รับเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ จะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็น 3.41%
ถึงแม้ว่าในไตรมาสนี้เราจะคาดว่า KTB จะมีสินเชื่อหดตัวลง และต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการไหลเข้าของเงินฝาก แต่เราคาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของ KTB จะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 3.41% จาก 3.16% เนื่องจากการได้รับเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์
ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2552 ไว้ที่ 11,174 ล้านบาท ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2553 ที่ 8.50 บาท มี Down-side risk อยู่ 9.1% แต่ KTB จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “ขาย” เป็น “ถือ”
เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2552 ของ KTB ไว้เหมือนเดิมที่ 11,172 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1 บาท/หุ้น และคาดว่า KTB นั้นจะมีการจ่ายปันผลจากผลประกอบการปี 2552 จำนวน 0.40 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield 4.28% โดยไม่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาล
เราปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2553 ที่ 8.50 บาท โดยยังคง P/BV ที่ใช้ในการประเมินราคาที่เหมาะสมไว้เหมือที่ 0.8 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปัจจุบันมี Down-side risk อยู่ 9.1% และยังมีความเสี่ยงที่อาจจะมีการตั้งสำรองจำนวนมากเพื่อเพิ่มสัดส่วนสำรองต่อ NPL ขึ้นในไตรมาส 4/52 แต่การที่ KTB นั้นจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และเป็นธ.พ. ขนาดใหญ่เพียงธนาคารเดียวที่ในขณะนี้มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2551 นอกจากนี้แล้ว KTB นั้นยังมีระดับเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจ เราจึงได้ปรับคำแนะนำจากเดิม “ขาย” เป็น “ถือ”
อดิสรณ์ มุ่งพาลชล /research@kks.co.th