ASTVผู้จัดการรายวัน - รถไฟฟ้ากรุงเทพ คาดรายได้ปีหน้าโต 8-10% รับผลดีจากการยกเลิกส่วนลดค่าเดินทางกลางเดือนตุลาคมปีนี้ ดันผลงานไตรมาส 4 พุ่งเกิดพิกัด ขณะลูกค้าใช้ระยะเดินทางยาวขึ้นพร้อมกับเน้นควบคุมค่าใช้จ่าย เชื่อปีนี้ขาดทุนลด เผยขณะนี้ยังไม่ลงทุนซื้อขบวนรถไฟฟ้าเพิ่ม จนกว่าจะมีความชัดเจน
นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปี2553 จะเติบโต 8-10% จากปี2552 เนื่องจากบริษัทได้ยกเลิกการให้ส่วนลดพิเศษที่จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมนี้ ประกอบด้วยการให้ส่วนลดบัตรโดยสารประเภทเติมเงิน การเพิ่มราคาบัตรโดยสารเดินทางประเภท 30 วัน จาก 1,000 บาท เป็น 1,150 บาท และออกบัตรโดยสารเดินทางประเภท 15 วัน ในราคา 600 บาท คาดว่าจะมีประชาชนมีการใช้บริการมากขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายต่อคนต่วันจะเพิ่มมากขึ้นจากการเดินทางที่มีระยะยาวมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทคาดรายได้ปีนี้จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 8% จากปี 2551 ที่มีรายได้ 1,471 ล้านบาท จากการที่บริษัทได้ยกเลิกส่วนลดในไตรมาส4/52 ซึ่งปกติไตรมาส 4 จะมีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสูงกว่าไตรมาส 3 และปัจจุบัน บริษัทมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 4% หรือเป็น 2 แสนคนต่อวันในธรรมดา และ 1.5แสนคนในวันเสาร์ และ 1 แสนคนในวันอาทิตย์ อีกทั้งลูกค้าโดยเฉลี่ยใช้เส้นทางระยะยาวขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายของผู้โดยสารต่อหัวเพิ่มขึ้น และจากการที่บริษัทได้พยายามควบคุมค่าใช้จ่ายและยกเลิกการให้ส่วนลดค่าเดินทางนั้นจะทำให้บริษัทมีผลขาดทุนลดลง จากปีก่อนที่มีผลขาดทุน 1,475 ล้านบาท
" เฉลี่ยการเติบโตของรายได้ของบริษัทแต่ละไตรมาสจะโต 8% แต่ในไตรมาส 4 นี้คาดว่าน่าจะมากกว่า8% เพราะ ได้รับผลดีจากการยกเลิกโปรโมชั่นแล้ว และโดยปกติไตรมาส4 จำนวนผู้ใช้จะมากกว่าไตรมาส 3 แม้ว่าจะมีวันหยุดมาก แต่เป็นเทศกาลวันหยุดที่คนออกมาใช้จ่าย " นายสมบัติ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการลงทุนเพิ่มจำนวนรถไฟฟ้าเพื่อรองรับสายสีม่วงนั้นยังไม่มีความชัดเจน เพราะต้องรอให้เส้นทางเดินรถสายสีม่วงมีความชัดเจนก่อน ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า ดังนั้น บริษัทจึงมีระยะเวลาในการพิจารณาลงทุนเพื่อขยายจำนวนรถ
นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปี2553 จะเติบโต 8-10% จากปี2552 เนื่องจากบริษัทได้ยกเลิกการให้ส่วนลดพิเศษที่จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมนี้ ประกอบด้วยการให้ส่วนลดบัตรโดยสารประเภทเติมเงิน การเพิ่มราคาบัตรโดยสารเดินทางประเภท 30 วัน จาก 1,000 บาท เป็น 1,150 บาท และออกบัตรโดยสารเดินทางประเภท 15 วัน ในราคา 600 บาท คาดว่าจะมีประชาชนมีการใช้บริการมากขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายต่อคนต่วันจะเพิ่มมากขึ้นจากการเดินทางที่มีระยะยาวมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทคาดรายได้ปีนี้จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 8% จากปี 2551 ที่มีรายได้ 1,471 ล้านบาท จากการที่บริษัทได้ยกเลิกส่วนลดในไตรมาส4/52 ซึ่งปกติไตรมาส 4 จะมีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสูงกว่าไตรมาส 3 และปัจจุบัน บริษัทมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 4% หรือเป็น 2 แสนคนต่อวันในธรรมดา และ 1.5แสนคนในวันเสาร์ และ 1 แสนคนในวันอาทิตย์ อีกทั้งลูกค้าโดยเฉลี่ยใช้เส้นทางระยะยาวขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายของผู้โดยสารต่อหัวเพิ่มขึ้น และจากการที่บริษัทได้พยายามควบคุมค่าใช้จ่ายและยกเลิกการให้ส่วนลดค่าเดินทางนั้นจะทำให้บริษัทมีผลขาดทุนลดลง จากปีก่อนที่มีผลขาดทุน 1,475 ล้านบาท
" เฉลี่ยการเติบโตของรายได้ของบริษัทแต่ละไตรมาสจะโต 8% แต่ในไตรมาส 4 นี้คาดว่าน่าจะมากกว่า8% เพราะ ได้รับผลดีจากการยกเลิกโปรโมชั่นแล้ว และโดยปกติไตรมาส4 จำนวนผู้ใช้จะมากกว่าไตรมาส 3 แม้ว่าจะมีวันหยุดมาก แต่เป็นเทศกาลวันหยุดที่คนออกมาใช้จ่าย " นายสมบัติ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการลงทุนเพิ่มจำนวนรถไฟฟ้าเพื่อรองรับสายสีม่วงนั้นยังไม่มีความชัดเจน เพราะต้องรอให้เส้นทางเดินรถสายสีม่วงมีความชัดเจนก่อน ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า ดังนั้น บริษัทจึงมีระยะเวลาในการพิจารณาลงทุนเพื่อขยายจำนวนรถ
