ASTVผู้จัดการรายวัน- ดอนเมืองโทลล์เวย์เดินหน้าแผนอนุรักษ์พลังงาน เน้นทั้งภายใน-นอกองค์กร ชูแผนช่วยลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ
นายธานินทร์ พานิชชีวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นับแต่ดอนเมืองโทลล์เวย์เปิดให้บริการมาเป็นเวสลา 15 ปี ได้แน้นแผนของการอนุรักษ์พลังงานเป็นอย่างมาก เพื่อให้สอดคล้องกับวาระแห่งชาติด้านสิ่งแวดล้อมที่รัฐบาลกำลังผลักดันอยู่ โดยมีหลักปฏิบัติคือต้องเริ่มจากภายในสู่ภายนอก เริ่มต้นจากองค์กรตัวเอง อาทิ การจัดอบรมให้พนักงานและปลูกฝังจิตสำนึกให้รู้ค่าพลังงาน มีการให้ความรู้เกี่ยวกับการวางแผนการเดินทาง ตลอดจนอธิบายถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการอนุรักษ์ รวมทั้งยังสนับสนุนให้ใช้น้ำมันอย่างรู้คุณค่า
นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้คนภายนอกร่วมประหยัดพลังงานควบคู่กันไป โดยการชูแผนเส้นทางทางเลือกที่ผู้สัญจรสามารถใช้บริการเพื่อความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ประหยัดพลังงาน และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พลังงานไปพร้อมกัน
ขณะเดียวกันยังเน้นการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถได้มีทางเลือกในการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้จากจำนวนผู้ใช้รถยนต์บนเส้นทางถนนวิภาวดีรังสิต เฉลี่ยประมาณวันละกว่า 3 แสนคัน โดยจากสถิติของศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน 1 ลิตร จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ 2.3 กิโลกรัมคาร์บอน รถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล 1 ลิตร จะปล่อยก๊าซนี้ถึง 2.8 กิโลกรัมคาร์บอน ส่วนรถที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีที่จะปล่อยก๊าซดังกล่าว 2 กิโลกรัมคาร์บอน
“เฉลี่ยรถยนต์คันหนึ่งน้ำมันเต็มถัง 40-60 ลิตร นั่นเท่ากับว่ารถยนต์คันนั้นจะปล่อยก๊าซคาร์บอนกว่า 100 กิโลกรัมคาร์บอนต่อน้ำมัน 1 ถัง แล้วเฉพาะรถยนต์ที่วิ่งบนถนนวิภาวดีวันละกว่า 3 แสนคัน จะปล่อยก๊าซคาร์บอนอีกกว่า 30 ล้านกิโลกรัมคาร์บอนต่อน้ำมันหนึ่งถัง แต่โทลล์เวย์สามารถช่วยลดทอนปัญหานั้นลงได้ส่วนหนึ่งคืออย่างน้อยรถก็ไม่ต้องไปจอดติดบนถนนและสูญเสียพลังงานพร้อมทำลายสิ่งแวดล้อมไปโดยเปล่าประโยชน์” นายธานินทร์กล่าว
นายธานินทร์ กล่าวว่า ตั้งแต่มีการเปิดให้บริการทางยกระดับโทลล์เวย์ขึ้น สามารถแบ่งเบาจำนวนรถยนต์บนท้องถนนได้กว่า 80,000 คันต่อวัน โดยรถที่ใช้บริการโทลล์เวย์จะวิ่งได้อย่างรวดเร็วไม่ติดขัด สามารถวิ่งได้ในอัตราความเร็วที่คงที่ ช่วยลดปริมาณรถยนต์ที่แออัด ซึ่งถือเป็นการช่วยแก้ไขปัญหามลพิษที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไปพร้อมกัน
นายธานินทร์ พานิชชีวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นับแต่ดอนเมืองโทลล์เวย์เปิดให้บริการมาเป็นเวสลา 15 ปี ได้แน้นแผนของการอนุรักษ์พลังงานเป็นอย่างมาก เพื่อให้สอดคล้องกับวาระแห่งชาติด้านสิ่งแวดล้อมที่รัฐบาลกำลังผลักดันอยู่ โดยมีหลักปฏิบัติคือต้องเริ่มจากภายในสู่ภายนอก เริ่มต้นจากองค์กรตัวเอง อาทิ การจัดอบรมให้พนักงานและปลูกฝังจิตสำนึกให้รู้ค่าพลังงาน มีการให้ความรู้เกี่ยวกับการวางแผนการเดินทาง ตลอดจนอธิบายถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการอนุรักษ์ รวมทั้งยังสนับสนุนให้ใช้น้ำมันอย่างรู้คุณค่า
นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้คนภายนอกร่วมประหยัดพลังงานควบคู่กันไป โดยการชูแผนเส้นทางทางเลือกที่ผู้สัญจรสามารถใช้บริการเพื่อความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ประหยัดพลังงาน และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พลังงานไปพร้อมกัน
ขณะเดียวกันยังเน้นการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถได้มีทางเลือกในการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้จากจำนวนผู้ใช้รถยนต์บนเส้นทางถนนวิภาวดีรังสิต เฉลี่ยประมาณวันละกว่า 3 แสนคัน โดยจากสถิติของศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน 1 ลิตร จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ 2.3 กิโลกรัมคาร์บอน รถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล 1 ลิตร จะปล่อยก๊าซนี้ถึง 2.8 กิโลกรัมคาร์บอน ส่วนรถที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีที่จะปล่อยก๊าซดังกล่าว 2 กิโลกรัมคาร์บอน
“เฉลี่ยรถยนต์คันหนึ่งน้ำมันเต็มถัง 40-60 ลิตร นั่นเท่ากับว่ารถยนต์คันนั้นจะปล่อยก๊าซคาร์บอนกว่า 100 กิโลกรัมคาร์บอนต่อน้ำมัน 1 ถัง แล้วเฉพาะรถยนต์ที่วิ่งบนถนนวิภาวดีวันละกว่า 3 แสนคัน จะปล่อยก๊าซคาร์บอนอีกกว่า 30 ล้านกิโลกรัมคาร์บอนต่อน้ำมันหนึ่งถัง แต่โทลล์เวย์สามารถช่วยลดทอนปัญหานั้นลงได้ส่วนหนึ่งคืออย่างน้อยรถก็ไม่ต้องไปจอดติดบนถนนและสูญเสียพลังงานพร้อมทำลายสิ่งแวดล้อมไปโดยเปล่าประโยชน์” นายธานินทร์กล่าว
นายธานินทร์ กล่าวว่า ตั้งแต่มีการเปิดให้บริการทางยกระดับโทลล์เวย์ขึ้น สามารถแบ่งเบาจำนวนรถยนต์บนท้องถนนได้กว่า 80,000 คันต่อวัน โดยรถที่ใช้บริการโทลล์เวย์จะวิ่งได้อย่างรวดเร็วไม่ติดขัด สามารถวิ่งได้ในอัตราความเร็วที่คงที่ ช่วยลดปริมาณรถยนต์ที่แออัด ซึ่งถือเป็นการช่วยแก้ไขปัญหามลพิษที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไปพร้อมกัน