ASTVผู้จัดการรายวัน - เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ แจงผลงานไตรมาส 3 ทะลุเป้า เหตุออร์เดอร์เพียบรับรู้รายได้เต็ม ๆ อีกทั้งโรงงานแห่งใหม่เดินเครื่อง ส่งผลให้กำลังผลิตรับออร์เดอร์ทัน ฟุ้งปีนี้ล้างขาดทุนสะสมได้หมด ชี้ครึ่งปีหลังงบออกมาสวยมากเหตุช่วงพีคของธุรกิจ ด้านโบรกฯ เชียร์ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมายใหม่ 3.36 บาท เหตุผลงานออกมาดีเกินคาดเชื่อฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด และปี 53 ผลงานจะดีต่อเนื่อง
นายปัญจะ เสนาดิสัย กรรมการ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE เปิดเผยว่าผลงานไตรมาส 3 ปีนี้ จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 มากกว่า 25% เนื่องจากออร์เดอร์ใหม่ ๆ เริ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่องซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่เกิดภาวะวิกฤตของเศรษฐกิจทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 51
โดยผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ทำให้ความต้องการใช้สินค้ามีมากขึ้น ขณะที่บริษัทเองก็เน้นควบคุมต้นทุนการดำเนินงานให้ต่ำลง ด้วยการจัดระบบงานให้เกิดประสิทธิภาพและใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัย ทำให้คุมต้นทุนได้ดีขึ้น ดังนั้น เมื่อยอดขายเติบโตมาร์จิ้นขยับเพิ่มและผ่านจุดคุ้มทุนไปแล้วจะทำให้ผลงานออกมาดีมีกำไรงาม
" เราประเมินว่ายอดขายเราปีนี้จะได้ถึง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ขณะนี้มั่นใจว่าเป้าที่ 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐเราทำได้ถึงแน่ แต่จะไปถึง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับออร์เดอร์ใหม่ที่จะเข้ามาซึ่งไตรมาส 3 ของเราดีมาก แต่ยังบอกตัวเลขที่ชัดเจนไม่ได้ บอกได้เพียงว่าสูงกว่าที่คาดไว้พอสมควร ที่เหลือคือไตรมาสสุดท้ายต้องมาดูกันอีกทีว่าออร์เดอร์จะเข้ามามากน้อยเพียงใด "
นอกจากนี้ KCE ยังได้เพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก จากการเปิดโรงงานของโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู ซึ่งเปิดเดินเครื่องไปแล้ว และจะเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนนี้ เพื่อรองรับออร์เดอร์ที่มีเข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งการโรงงานแห่งใหม่ จะมีกำลังการผลิตวันละ 4.5 แสนตารางฟุตต่อวัน เมื่อรวมกับกำลังการผลิตเดิมจะส่งผลให้กำลังการผลิตรวมของบริษัทเพิ่มเป็นทั้งสิ้น 1.4 ล้านตารางฟุตต่อวัน
นายปัญจะกล่าวต่อว่า จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นทำให้บริษัทคาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีตัวเลขขาดทุนสะสมอยู่ 120 ล้านบาท และจากผลงานไตรมาส 2 ที่มีตัวเลขกำไรเข้ามาแล้วเกือบ 5 ล้านบาท บวกกับผลงานครึ่งปีหลังที่มั่นใจว่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง จนน่าจะส่งผลให้ผลประกอบการทั้งปีนี้จะออกมามีกำไรได้
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 4.93 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 101.36 ล้านบาท แม้ว่ายอดขายตามงบการเงินรวมสำหรับไตรมาส 2 ปี 52 มี 1,292.1 ล้านบาท( 37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งลดลงจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ 2,021.7ล้านบาท ( 63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ) แต่หากเทียบกับไตรมาส 1 ปีนี้ ยอดขายรวมในไตรมาส 2 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 19 % ( เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ) ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นก็ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่มีการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 70% และในการผลิตยังได้ใช้วัตถุดิบที่ซื้อเข้ามาใหม่ซึ่งมีราคาถูกลงด้วย รวมทั้งมีการใช้มาตรการต่าง ๆ ในการควบคุมต้นทุนการผลิตอย่างจริงจัง นอกจากนี้ยังมีกำไรจากการขายที่ดินของบริษัทฯ แต่ก็มีผลขาดทุนจากที่เป็นรายจ่ายคงที่ของบริษัทย่อย เคซีอี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งอยู่ในระหว่างการหยุดดำเนินงานชั่วคราวด้วย
ก่อนหน้านั้น KCE ได้ซื้อหุ้นคืน ( Treasury Stock ) เพื่อบริหารทางการเงิน ในวงเงิน 50 ล้านบาทเพื่อซื้อหุ้นคืน 46 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 9.95 % ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ขณะราคาหุ้นอยู่ที่ 1.58 บาท เพราะราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีและเพิ่มสภาพคล่อง
อย่างไรก็ดี ราคาหุ้น KCE ระยะนี้ปรับเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง หลังประกาศผลงานไตรมาส 2 ออกมาแล้วพบว่าฟื้นกำไรขณะที่ปีก่อนขาดทุน ทำให้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น ดันราคาหุ้นขยับไปเทรดเหนือราคา 2 บาทได้และราคาหุ้นเมื่อ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา บวกต่อเทรดที่ 3.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.04บาท หรือ1.31% ด้วยมูลค่าซื้อขายช่วงเช้า 37 ล้านบาทและไม่เพียงแต่ KCE เท่านั้น หุ้นที่อยู่ในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดเห็นได้จากราคาหุ้นเขียวยกแผง ซึ่งเป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรฐกิจโลก ส่งผลให้ออร์เดอร์กลับมาหลังจากซบเซาจากปีก่อน
บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย ) ประเมินภาพรวมของ KCE โดยแนะนำใหม่ให้ "ซื้อเก็งกำไร " ให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 3.36 บาท จากเดิม 2.36 บาท เนื่องจากเชื่อว่าแนวโน้มฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด ซึ่งราคาเป้าหมายใหม่ 3.36 บาท (อ้างอิง P/E ปีหน้า 7 เท่า)
โดยแนวโน้มการฟื้นตัวกำไรเดือน ก.ค.-ส.ค. นั้นเร็วกว่าที่เคยคาดไว้จากทั้งมาตรการควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวด และ ประมาณการยอดขายไตรมาส 3/52 ที่มีการขยายตัวในอัตราราว 30% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องมาจากคำสั่งซื้อจากลูกค้ากลุ่มยานยนต์ที่ฟื้นตัวและผลประโยชน์จากการที่คู่แข่งในยุโรปประสบปัญหาทางการเงินและมีการปิด โรงงานบางแห่งไป ผู้บริหารของบริษัทยังคงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะสามารถฟื้นตัวไปสู่ระดับ 20% ได้ ส่งผลให้อัตรากำไรดีขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี53 แนวโน้มลดลงของอัตราของเสีย การเพิ่มสัดส่วนสินค้า high-end หรือ PCB ที่มีจำนวน 6 ชั้นขึ้นไป และการประหยัดต่อขนาดเมื่อยอดขายเพิ่มขึ้น
กิมเอ็งฯ คาดหมายว่าผลประกอบการ KCE จะพลิกมามีกำไร 65 ล้านบาทในครึ่งหลังปี 52 รวมทั้งปรับประมาณการผลประกอบการทั้งปี 52 จากเดิมขาดทุนปกติ 114 ล้านบาทเหลือขาดทุนปกติ 39 ล้านบาท และคาดว่าปี 53 ยอดขายจะฟื้นตัว 24% จากปีนี้เป็น 7.1 พันล้านบาทหรือ 208 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากทั้งการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมและแนวโน้มการได้รับคำสั่งซื้อในส่วนที่ลูกค้าเคยสั่งจากคู่แข่งซึ่งปัจจุบันมีปัญหาการเงินรุนแรง จะเป็นผลดีต่อบริษัท
นายปัญจะ เสนาดิสัย กรรมการ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE เปิดเผยว่าผลงานไตรมาส 3 ปีนี้ จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 มากกว่า 25% เนื่องจากออร์เดอร์ใหม่ ๆ เริ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่องซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่เกิดภาวะวิกฤตของเศรษฐกิจทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 51
โดยผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ทำให้ความต้องการใช้สินค้ามีมากขึ้น ขณะที่บริษัทเองก็เน้นควบคุมต้นทุนการดำเนินงานให้ต่ำลง ด้วยการจัดระบบงานให้เกิดประสิทธิภาพและใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัย ทำให้คุมต้นทุนได้ดีขึ้น ดังนั้น เมื่อยอดขายเติบโตมาร์จิ้นขยับเพิ่มและผ่านจุดคุ้มทุนไปแล้วจะทำให้ผลงานออกมาดีมีกำไรงาม
" เราประเมินว่ายอดขายเราปีนี้จะได้ถึง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ขณะนี้มั่นใจว่าเป้าที่ 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐเราทำได้ถึงแน่ แต่จะไปถึง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับออร์เดอร์ใหม่ที่จะเข้ามาซึ่งไตรมาส 3 ของเราดีมาก แต่ยังบอกตัวเลขที่ชัดเจนไม่ได้ บอกได้เพียงว่าสูงกว่าที่คาดไว้พอสมควร ที่เหลือคือไตรมาสสุดท้ายต้องมาดูกันอีกทีว่าออร์เดอร์จะเข้ามามากน้อยเพียงใด "
นอกจากนี้ KCE ยังได้เพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก จากการเปิดโรงงานของโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู ซึ่งเปิดเดินเครื่องไปแล้ว และจะเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนนี้ เพื่อรองรับออร์เดอร์ที่มีเข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งการโรงงานแห่งใหม่ จะมีกำลังการผลิตวันละ 4.5 แสนตารางฟุตต่อวัน เมื่อรวมกับกำลังการผลิตเดิมจะส่งผลให้กำลังการผลิตรวมของบริษัทเพิ่มเป็นทั้งสิ้น 1.4 ล้านตารางฟุตต่อวัน
นายปัญจะกล่าวต่อว่า จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นทำให้บริษัทคาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีตัวเลขขาดทุนสะสมอยู่ 120 ล้านบาท และจากผลงานไตรมาส 2 ที่มีตัวเลขกำไรเข้ามาแล้วเกือบ 5 ล้านบาท บวกกับผลงานครึ่งปีหลังที่มั่นใจว่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง จนน่าจะส่งผลให้ผลประกอบการทั้งปีนี้จะออกมามีกำไรได้
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 4.93 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 101.36 ล้านบาท แม้ว่ายอดขายตามงบการเงินรวมสำหรับไตรมาส 2 ปี 52 มี 1,292.1 ล้านบาท( 37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งลดลงจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ 2,021.7ล้านบาท ( 63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ) แต่หากเทียบกับไตรมาส 1 ปีนี้ ยอดขายรวมในไตรมาส 2 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 19 % ( เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ) ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นก็ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่มีการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 70% และในการผลิตยังได้ใช้วัตถุดิบที่ซื้อเข้ามาใหม่ซึ่งมีราคาถูกลงด้วย รวมทั้งมีการใช้มาตรการต่าง ๆ ในการควบคุมต้นทุนการผลิตอย่างจริงจัง นอกจากนี้ยังมีกำไรจากการขายที่ดินของบริษัทฯ แต่ก็มีผลขาดทุนจากที่เป็นรายจ่ายคงที่ของบริษัทย่อย เคซีอี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งอยู่ในระหว่างการหยุดดำเนินงานชั่วคราวด้วย
ก่อนหน้านั้น KCE ได้ซื้อหุ้นคืน ( Treasury Stock ) เพื่อบริหารทางการเงิน ในวงเงิน 50 ล้านบาทเพื่อซื้อหุ้นคืน 46 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 9.95 % ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ขณะราคาหุ้นอยู่ที่ 1.58 บาท เพราะราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีและเพิ่มสภาพคล่อง
อย่างไรก็ดี ราคาหุ้น KCE ระยะนี้ปรับเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง หลังประกาศผลงานไตรมาส 2 ออกมาแล้วพบว่าฟื้นกำไรขณะที่ปีก่อนขาดทุน ทำให้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น ดันราคาหุ้นขยับไปเทรดเหนือราคา 2 บาทได้และราคาหุ้นเมื่อ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา บวกต่อเทรดที่ 3.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.04บาท หรือ1.31% ด้วยมูลค่าซื้อขายช่วงเช้า 37 ล้านบาทและไม่เพียงแต่ KCE เท่านั้น หุ้นที่อยู่ในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดเห็นได้จากราคาหุ้นเขียวยกแผง ซึ่งเป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรฐกิจโลก ส่งผลให้ออร์เดอร์กลับมาหลังจากซบเซาจากปีก่อน
บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย ) ประเมินภาพรวมของ KCE โดยแนะนำใหม่ให้ "ซื้อเก็งกำไร " ให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 3.36 บาท จากเดิม 2.36 บาท เนื่องจากเชื่อว่าแนวโน้มฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด ซึ่งราคาเป้าหมายใหม่ 3.36 บาท (อ้างอิง P/E ปีหน้า 7 เท่า)
โดยแนวโน้มการฟื้นตัวกำไรเดือน ก.ค.-ส.ค. นั้นเร็วกว่าที่เคยคาดไว้จากทั้งมาตรการควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวด และ ประมาณการยอดขายไตรมาส 3/52 ที่มีการขยายตัวในอัตราราว 30% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องมาจากคำสั่งซื้อจากลูกค้ากลุ่มยานยนต์ที่ฟื้นตัวและผลประโยชน์จากการที่คู่แข่งในยุโรปประสบปัญหาทางการเงินและมีการปิด โรงงานบางแห่งไป ผู้บริหารของบริษัทยังคงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะสามารถฟื้นตัวไปสู่ระดับ 20% ได้ ส่งผลให้อัตรากำไรดีขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี53 แนวโน้มลดลงของอัตราของเสีย การเพิ่มสัดส่วนสินค้า high-end หรือ PCB ที่มีจำนวน 6 ชั้นขึ้นไป และการประหยัดต่อขนาดเมื่อยอดขายเพิ่มขึ้น
กิมเอ็งฯ คาดหมายว่าผลประกอบการ KCE จะพลิกมามีกำไร 65 ล้านบาทในครึ่งหลังปี 52 รวมทั้งปรับประมาณการผลประกอบการทั้งปี 52 จากเดิมขาดทุนปกติ 114 ล้านบาทเหลือขาดทุนปกติ 39 ล้านบาท และคาดว่าปี 53 ยอดขายจะฟื้นตัว 24% จากปีนี้เป็น 7.1 พันล้านบาทหรือ 208 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากทั้งการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมและแนวโน้มการได้รับคำสั่งซื้อในส่วนที่ลูกค้าเคยสั่งจากคู่แข่งซึ่งปัจจุบันมีปัญหาการเงินรุนแรง จะเป็นผลดีต่อบริษัท