ASTVผู้จัดการรายวัน - นครหลวงไทยมั่นใจยอดสินเชื่อเอสเอ็มอีสิ้นปีได้ตามเป้า 3% หวังตะลุยปล่อยกู้ให้พันธมิตรธุรกิจ เซเว่นอีเลฟเว่น ปตท. และสินเชื่อภาครัฐช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ ส่วนแผนการดำเนินงานปีหน้าคาดเสร็จเดือนตุลาคมนี้ พร้อมปรับให้เหมาะสมกับผู้ถือหุ้นรายใหม่
นายสุทธิพงศ์ อิทธิพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) เปิดเผยว่า การปล่อยสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ของธนาคารช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาถือว่า อยู่ในระดับที่ดี มีการเติบโตในระดับประมาณ 1% หรือคิดเป็นมูลค่าสินเชื่อปล่อยใหม่จะอยู่ที่กว่า 1,000 ล้านบาท จากเป้าหมายการเติบโตทั้งปี 2552 ที่ธนาคารตั้งไว้ที่ 3% หรือคิดเป็นมูลค่าการปล่อยสินเชื่อใหม่ประมาณ 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ธนาคารมั่นใจว่าสิ้นปีนี้ยอดสินเชื่อจะได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในขณะที่ตัวธนาคารเองก็มีนโยบายปล่อยสินเชื่อ โดยเน้นปล่อยกู้สินเชื่อให้กับเซเว่นอีเลฟเว่นในเครือเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)(ซีพี) และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)ในการนำวงเงินสินเชื่อไปขยายสาขาเพิ่มทั่วประเทศเป็นเม็ดเงินรวมกันประมาณ 100 ล้านบาท
“ที่ผ่านมาของปีนี้ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นเซเว่นอีเลฟเว่น ปตท.เพื่อนำเงินไปสร้างสาขาและสร้างปั๊มน้ำมันเพิ่มเติม อีกทั้งมีการปล่อยกู้ให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างทั่วประเทศ งานราชการที่จะสร้างถนนและเขื่อน เป็นต้น ซึ่งจะเป็นทั้งวงเงิน OD และเงินสินเชื่อ ในขณะเดียวกันในช่วงปลายปีนี้จะมีปัจจัยบวกเกี่ยวกับสินเชื่อภาครัฐเข้ามาผลักดัน เช่น งานประมูลโครงการของหน่วยงานราชการที่มีนโยบายให้เอกชนร่วมปล่อยสินเชื่อด้วย ดังนั้น ธนาคารจึงมั่นใจว่าจะได้ยอดสินเชื่อตามเป้าแน่นอน” นายสุทธิพงศ์ กล่าว
แต่อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 เริ่มฟื้นตัวมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าธนาคารมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีเพื่อให้ได้ตามเป้าโดยเร็ว เพราะขณะนี้ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจอยู่ ซึ่งธนาคารจะเน้นปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าเก่าที่ให้วงเงินสินเชื่อไปแล้วแต่ยังไม่การเบิกใช้ หรือมีการเบิกใช้บางส่วน ส่วนลูกค้าใหม่ธนาคารก็จะปล่อยสินเชื่อให้เช่นกันแต่คงไม่มากนัก
“การปล่อยสินเชื่อในตอนนี้เราก็ระวังเป็นพิเศษเพราะเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน อีกทั้งไตรมาส 2 ของปี 2553 เป็นช่วงของการเสร็จสิ้นในการเจรจาขายหุ้นธนาคารให้กับผู้ซื้อรายใหม่ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุไว้ ส่วนแผนการดำเนินธุรกิของธนาคารในปีหน้านั้นคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนตุลาคม ซึ่งแผนดังกล่าวจะต้องมีการปรับปรุงให้รอบคอบเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ซื้อหุ้นรายใหม่” นายสุทธิพงศ์ กล่าว
ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) สินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารปัจจุบันอยู่ที่ 8% โดยธนาคารตั้งเป้าควบคุมหนี้ดังกล่าวในสิ้นปีนี้ให้อยู่ที่ 5.5% ซึ่งแนวทางการลดจำนวนเอ็นพีแอลของธนาคารนั้นจะแก้ไขลูกค้าในฐานของธนาคารและอีกวิธีคือการขายจำนวนเอ็นพีแอลบางส่วนออกไป
นายสุทธิพงศ์ อิทธิพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) เปิดเผยว่า การปล่อยสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ของธนาคารช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาถือว่า อยู่ในระดับที่ดี มีการเติบโตในระดับประมาณ 1% หรือคิดเป็นมูลค่าสินเชื่อปล่อยใหม่จะอยู่ที่กว่า 1,000 ล้านบาท จากเป้าหมายการเติบโตทั้งปี 2552 ที่ธนาคารตั้งไว้ที่ 3% หรือคิดเป็นมูลค่าการปล่อยสินเชื่อใหม่ประมาณ 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ธนาคารมั่นใจว่าสิ้นปีนี้ยอดสินเชื่อจะได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในขณะที่ตัวธนาคารเองก็มีนโยบายปล่อยสินเชื่อ โดยเน้นปล่อยกู้สินเชื่อให้กับเซเว่นอีเลฟเว่นในเครือเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)(ซีพี) และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)ในการนำวงเงินสินเชื่อไปขยายสาขาเพิ่มทั่วประเทศเป็นเม็ดเงินรวมกันประมาณ 100 ล้านบาท
“ที่ผ่านมาของปีนี้ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นเซเว่นอีเลฟเว่น ปตท.เพื่อนำเงินไปสร้างสาขาและสร้างปั๊มน้ำมันเพิ่มเติม อีกทั้งมีการปล่อยกู้ให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างทั่วประเทศ งานราชการที่จะสร้างถนนและเขื่อน เป็นต้น ซึ่งจะเป็นทั้งวงเงิน OD และเงินสินเชื่อ ในขณะเดียวกันในช่วงปลายปีนี้จะมีปัจจัยบวกเกี่ยวกับสินเชื่อภาครัฐเข้ามาผลักดัน เช่น งานประมูลโครงการของหน่วยงานราชการที่มีนโยบายให้เอกชนร่วมปล่อยสินเชื่อด้วย ดังนั้น ธนาคารจึงมั่นใจว่าจะได้ยอดสินเชื่อตามเป้าแน่นอน” นายสุทธิพงศ์ กล่าว
แต่อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 เริ่มฟื้นตัวมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าธนาคารมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีเพื่อให้ได้ตามเป้าโดยเร็ว เพราะขณะนี้ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจอยู่ ซึ่งธนาคารจะเน้นปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าเก่าที่ให้วงเงินสินเชื่อไปแล้วแต่ยังไม่การเบิกใช้ หรือมีการเบิกใช้บางส่วน ส่วนลูกค้าใหม่ธนาคารก็จะปล่อยสินเชื่อให้เช่นกันแต่คงไม่มากนัก
“การปล่อยสินเชื่อในตอนนี้เราก็ระวังเป็นพิเศษเพราะเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน อีกทั้งไตรมาส 2 ของปี 2553 เป็นช่วงของการเสร็จสิ้นในการเจรจาขายหุ้นธนาคารให้กับผู้ซื้อรายใหม่ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุไว้ ส่วนแผนการดำเนินธุรกิของธนาคารในปีหน้านั้นคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนตุลาคม ซึ่งแผนดังกล่าวจะต้องมีการปรับปรุงให้รอบคอบเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ซื้อหุ้นรายใหม่” นายสุทธิพงศ์ กล่าว
ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) สินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารปัจจุบันอยู่ที่ 8% โดยธนาคารตั้งเป้าควบคุมหนี้ดังกล่าวในสิ้นปีนี้ให้อยู่ที่ 5.5% ซึ่งแนวทางการลดจำนวนเอ็นพีแอลของธนาคารนั้นจะแก้ไขลูกค้าในฐานของธนาคารและอีกวิธีคือการขายจำนวนเอ็นพีแอลบางส่วนออกไป