ASTVผู้จัดการรายวัน - บล.คันทรี่ กรุ๊ป ฟุ้งครองส่วนแบ่งตลาดเกิน 7% ขึ้นแท่น TOP3 ได้สำเร็จ " บี " เผยแกร่งพร้อมรับมือการแข่งขันเปิดเสรีในอนาคต ลุยธุรกิจหลักทรัพย์เต็มสูบ วางเป้าเป็นโบรกเกอร์แบบ One Stop Service ที่มีสินค้าหลากหลายตอบสนองความต้องการนักลงทุนครบ
นายบี เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CGS) เปิดเผยว่าภายหลังจากปรับโครงสร้างการทำงานใหม่และได้ ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ มาร่วมทำงานในทีมบริหาร ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมาพบว่า CGS เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะด้านของธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นรวดเร็วจากอดีตอยู่ลำดับที่ 25 ปัจจุบันขยับขึ้นมาติด TOP 3 แล้ว หรือส่วนแบ่งการตลาด 7-8%
นอกเหนือจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์แล้ว CGS ยังมีความแข็งแกร่งและพร้อมรุกธุรกิจด้านอื่นๆ อาทิ ด้านวาณิชธนกิจ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของชูพงศ์ ธนเศรษฐกร และในรอบปี 52 ก็สร้างผลงานโดดเด่นโดยการนำ บมจ.แอปโซลูท อิมแพ็ค (AIM) เข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ซึ่งสร้างผลตอบแทนมากถึง 98.18% ในวันแรกที่เข้าซื้อขาย ( เป็นหุ้น IPO ที่มีสถิติสร้างผลตอบแทนสูงสุดในการเข้าซื้อขายเป็นวันแรกของปี 52 ) และนำ บมจ.เซาเทิร์นสตีล (S2) เข้าระดมทุนและจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ mai ซึ่งสร้างผลตอบแทนสูงถึง 50.52% ในวันแรกที่เข้าซื้อขาย
นอกจากนี้ CGS ยังเปิดให้บริการตลาดตราสารอนุพันธ์ (TFEX) และในอนาคตอันใกล้ CGS ยังมีนโยบายขยายสู่ธุรกิจให้บริการในธุรกรรมยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (Securities Borrowing and Lending: SBL) ซึ่งจะทำให้ CGS เป็นโบรกเกอร์แบบ One Stop Service ที่มีความพร้อมทุกด้าน มีสินค้าหลากหลายตอบสนองความต้องการของนักลงทุนครบครัน
" ในปี 52 วงการหลักทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย โบรกเกอร์หลายแห่งเริ่มปรับตัวรองรับกับการเปิดเสรี ซึ่ง CGS เตรียมพร้อมรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน ซึ่งหลังลดพาร์เพื่อล้างขาดทุนสะสมและอนุมัติเพิ่มทุนจะทำให้การดำเนินธุรกิจของ CGS เดินหน้าได้อย่างคล่องตัว มีศักยภาพในการขยายธุรกิจให้สามารถบริการได้อย่างหลากหลายและครบวงจร " นายบีเตชะอุบล
นายบี เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CGS) เปิดเผยว่าภายหลังจากปรับโครงสร้างการทำงานใหม่และได้ ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ มาร่วมทำงานในทีมบริหาร ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมาพบว่า CGS เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะด้านของธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นรวดเร็วจากอดีตอยู่ลำดับที่ 25 ปัจจุบันขยับขึ้นมาติด TOP 3 แล้ว หรือส่วนแบ่งการตลาด 7-8%
นอกเหนือจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์แล้ว CGS ยังมีความแข็งแกร่งและพร้อมรุกธุรกิจด้านอื่นๆ อาทิ ด้านวาณิชธนกิจ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของชูพงศ์ ธนเศรษฐกร และในรอบปี 52 ก็สร้างผลงานโดดเด่นโดยการนำ บมจ.แอปโซลูท อิมแพ็ค (AIM) เข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ซึ่งสร้างผลตอบแทนมากถึง 98.18% ในวันแรกที่เข้าซื้อขาย ( เป็นหุ้น IPO ที่มีสถิติสร้างผลตอบแทนสูงสุดในการเข้าซื้อขายเป็นวันแรกของปี 52 ) และนำ บมจ.เซาเทิร์นสตีล (S2) เข้าระดมทุนและจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ mai ซึ่งสร้างผลตอบแทนสูงถึง 50.52% ในวันแรกที่เข้าซื้อขาย
นอกจากนี้ CGS ยังเปิดให้บริการตลาดตราสารอนุพันธ์ (TFEX) และในอนาคตอันใกล้ CGS ยังมีนโยบายขยายสู่ธุรกิจให้บริการในธุรกรรมยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (Securities Borrowing and Lending: SBL) ซึ่งจะทำให้ CGS เป็นโบรกเกอร์แบบ One Stop Service ที่มีความพร้อมทุกด้าน มีสินค้าหลากหลายตอบสนองความต้องการของนักลงทุนครบครัน
" ในปี 52 วงการหลักทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย โบรกเกอร์หลายแห่งเริ่มปรับตัวรองรับกับการเปิดเสรี ซึ่ง CGS เตรียมพร้อมรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน ซึ่งหลังลดพาร์เพื่อล้างขาดทุนสะสมและอนุมัติเพิ่มทุนจะทำให้การดำเนินธุรกิจของ CGS เดินหน้าได้อย่างคล่องตัว มีศักยภาพในการขยายธุรกิจให้สามารถบริการได้อย่างหลากหลายและครบวงจร " นายบีเตชะอุบล