xs
xsm
sm
md
lg

อัยการฟ้อง‘หญิงอ้อ’คืนที่ดินรัชดาฯ33ไร่ปราศจากภาระผูกพัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อัยการ ฟ้องเพิกถอนสัญญา ขอศาลแพ่งสั่งหญิงอ้อส่งคืนที่ดินรัชดา 33 ไร่ มูลค่า 772 ล้านบาท ให้กองทุนฟื้นฟูฯ ขณะที่ศาลแพ่งประทับรับฟ้องแล้ว
วานนี้ ( 18 ก.ย.) ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นายพศิน ทิพยรักษ์ อัยการฝ่ายคดีแพ่งรับมอบอำนาจจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นจำเลยเรื่องโมฆะกรรม ขอให้ศาลเพิกถอนรายการจดทะเบียนขายโฉนดที่ดินรัชดาภิเษก 4 แปลงจำนวน 33 ไร่เศษมูลค่า 772 ล้านบาท และให้ส่งมอบการครอบครองที่ดินคืน
คำฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 46 จำเลยเข้าร่วมยื่นซองประกวดราคาซื้อที่ดินดังกล่าว ต่อมากองทุนฯ ประกาศให้เป็นผู้ชนะในการซื้อที่ดิน 4 แปลงในราคาสูงสุดเป็นเงิน 772 ล้านบาท โดยกองทุนฯ และจำเลยตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขายทรัพย์สินเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 46 และได้ดำเนินการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่จำเลย ในวันที่ 30 ธ.ค. 46 โดยสัญญาซื้อขายที่ดินมีข้อความว่า
กองทุนฯ ผู้ขายตกลงยอมขายและคุณหญิงพจมานผู้ซื้อตกลงยอมซื้อ แต่ต่อมาภายหลังจากทำสัญญาซื้อขาย จำเลยและ พ.ต.ท.ทักษิณ สามีถูกอัยการสูงสุดยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในความผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จากกรณีที่จำเลยซึ่งเป็นคู่สมรสของ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าเป็นคู่สัญญาทำสัญญาซื้อขายที่ดิน 4 แปลงกับกองทุนฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ที่อยู่ในอำนาจกำกับดูแลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และต่อมาวันที่ 17 ก.ย. 51 ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีความผิดให้จำคุก 2 ปี
การที่จำเลยเสนอตัวเข้ายื่นซองจนชนะการประกวดและเข้าทำนิติกรรมสัญญาจะซื้อจะขายและสัญญาซื้อขายที่ดินกับกองทุนฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่นายกฯ เป็นผู้มีอำนาจกำกับดูแล ดังนั้นการเข้าทำนิติกรรมสัญญาย่อมเป็นการทำโดยมีวัตถุประสงค์ขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนรวมและส่วนตัว ซึ่งต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 100 เมื่อจำเลยมีเจตนาจงใจเข้าทำนิติกรรมสัญญาทั้งที่ต้องห้ามตามกฎหมายดังกล่าว สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินทั้ง 4 แปลงจึงตกเป็นโมฆะทันที ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 150
เมื่อนิติกรรมไม่มีผล จำเลยจึงมีภาระต้องดำเนินการให้เจ้าพนักงานที่ดิน สาขาห้วยขวาง กรุงเทพฯ ทำการเพิกถอนการจดทะเบียนที่ดินและให้ส่งมอบคืนต้นฉบับโฉนดที่ดินทั้ง 4 แปลงที่ดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียน ให้กับกองทุนฯ พร้อมทั้งต้องส่งมอบการครอบครองที่ดินในสภาพสมบูรณ์เช่นเดิมโดยปราศจากภาระผูกพันใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ ทางศาลแพ่งได้ประทับรับฟ้องคดี ไว้เป็นคดีดำที่ 5379/2552 และนัดคู่ความเพื่อกำหนดประเด็นการสืบพยานต่อไป.
กำลังโหลดความคิดเห็น