เชียงใหม่-หลังเจอโรคเลื่อนมาเกือบ 10 ปี ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ได้ฤกษ์เปิดประมูลสำเร็จพร้อมกับเตรียมลงเสาเข็มปลายปี 52 เอกชนเชียงใหม่ต่างภาวนาขอให้โครงการนี้ผ่านไปด้วยดีจนสามารถเปิดได้ในปี 54 วอนภาคการเมืองขอให้นิ่งเพื่อเศรษฐกิจของประเทศ
รายงานข่าวจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เกี่ยวกับการประกวดราคาจัดจ้างงานก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติจ.เชียงใหม่ ว่าจากการเปิดประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการนี้ ด้วยระบบอี-ออกชัน บริษัทกิจการร่วมค้าอีเอ็มซี เพาเวอร์ไลน์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ชนะการประมูลด้วยการเสนอราคาค่าก่อสร้างที่ 1,867 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาต่ำที่สุดจากบริษัทที่สนใจเข้าประมูล 5 บริษัท โดยต่ำกว่าราคากลางถึง 1.84% สามารถประหยัดงบประมาณได้ 378 ล้านบาท จากราคากลางค่าก่อสร้างที่สำนักงบประมาณตั้งไว้ที่ 2,245 ล้านบาท หลังจากนี้คณะกรรมการประกวดราคาจัดจ้างฯ จะตรวจสอบรายละเอียดของเนื้องานที่บริษัทกิจการร่วมค้าอีเอ็มซี เพาเวอร์ไลน์ เสนอมาอย่างละเอียด ก่อนนำเสนอต่อ นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวฯ พิจารณาอีกครั้ง จากนั้นจะสรุปรวมเป็นเอกสาร เสนอต่อสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถลงนามว่าจ้างได้ภายในเดือนกันยายน 2552 เริ่มลงมือก่อสร้างพร้อมวางศิลาฤกษ์ภายในเดือนธันวาคมนี้ ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 2 ปี โดยกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2554 ซึ่งจะตรงกับปีที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลกฯอีกครั้งที่จ.เชียงใหม่ และการมีศูนย์ประชุมระดับนานาชาติเกิดขึ้น ที่จ.เชียงใหม่ ก็จะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเขตภาคเหนือให้เติบโตเพิ่มขึ้น เพราะไม่เพียงแต่เรื่องการท่องเที่ยว แต่ยังเป็นเรื่องของตลาดไมซ์ที่จะดึงดูดภาคธุรกิจจากต่างประเทศรวมถึงประเทศเพื่อนบ้านให้มาใช้บริการได้ สำหรับการรองรับการประชุมขนาดใหญ่
นายณรงค์ คองประเสริฐ์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า หลังจากที่ขั้นตอนการประมูลศูนย์ประชุมฯเสร็จสิ้นพร้อมกับได้ผู้ประมูลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าทุกอย่างน่าจะเดินไปตามขั้นตอนได้และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภายในเดือนธันวาคมนี้คนเชียงใหม่จะได้ร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ศูนย์ประชุมฯด้วยกัน เนื่องจากเป็นโครงการที่รอคอยกันมานานมากและเป็นโครงการที่หอการค้าเชียงใหม่ รวมทั้งภาคเอกชนเกือบทุกองค์กรมีส่วนร่วมริเริ่มเสนอและผลักดันกันตั้งแต่ต้น
ที่สำคัญขอให้โครงการนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่นอย่าสะดุดหยุดลงไปอีก เพราะแม้จะมีการวางศิลาฤกษ์ไปแล้วหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งถือเป็นตัวแปรที่สำคัญ เพราะที่ผ่านมาโครงการนี้เป็นมติครม.มาตั้งแต่ปี 46 จนเพิ่งจะมาก่อสร้างได้จริงปีนี้ ฉะนั้นจึงไม่ต้องการให้โครงการนี้สะดุดลงอีก อยากเห็นทุกฝ่ายนิ่งสักระยะหนึ่งเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง
ด้านนายวีระยุทธ สุขวัฒโก ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ทุกฝ่ายล้วนยินดีที่โครงการศูนย์ประชุมฯแห่งนี้จะได้เริ่มก่อสร้างเสียทีหลังจากชะงักไปเกือบ 10 ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่เสียโอกาสเป็นอย่างยิ่ง แต่สำหรับงบประมาณการก่อสร้างที่ถูกลงกว่างบกลางที่ตั้งไว้ เชื่อว่าแบบการก่อสร้างคงเหมือนเดิมและก็ภาวนาให้มีการเซ็นสัญญาการก่อสร้างไว ๆ เพราะทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก ภาคเอกชนเองก็หวั่น ๆ กับเรื่องการเมืองเหมือนกันเพราะหากการเมืองเปลี่ยนแปลงไปหรือยังวุ่นวายอยู่ก็เกรงว่าทุกอย่างจะกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่อีก
“ทุกวันนี้อะไร ๆ ก็ไม่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการเมืองหากไม่นิ่งและยังวุ่นวายสลับสับเปลี่ยนขั้วกันตลอดภาคเอกชนเองก็ไม่มั่นใจจึงหวังให้ทุกอย่างสงบเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปอย่างมั่นคง”นายวีระยุทธกล่าว