ASTVผู้จัดการรายวัน – อีเอ็มซี เพาเวอร์ไลน์ ชนะประมูล คว้าสิทธิ์ก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติฯจ.เชียงใหม่ บิดราคาต่ำสุดจาก 5 ราย ที่ 1,867 ล้านบาท “ ศศิธารา” ปลื้มค่าก่อสร้างต่ำกว่าราคากลางถึง 378 ล้านบาท พร้อมเผยเกณฑ์สรรหาผู้ว่าการ ททท.ปีนี้เน้นความมีจริยธรรมและคุณธรรม สัปดาห์หน้าประกาศรับสมัคร พ.ย.นี้รู้ผล
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานคณะกรรมการประกวดราคาจัดจ้างงานก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการเปิดประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการศูนย์ประชุมนานาชาติ จ.เชียงใหม่ ด้วยระบบอี-อ๊อกชั่น ปรากฎว่า บริษัท กิจการร่วมค้า อีเอ็มซี เพาเวอร์ไลน์ จำกัด(มหาชน) ชนะการประมูลด้วยการเสนอราคาค่าก่อสร้างที่ 1,867 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำสุดจากบริษัทที่สนใจเข้าร่วมประมูลทั้งหมด 5 ราย โดยต่ำกว่าราคากลางถึง 16.84% สามารถประหยัดงบประมาณได้ 378 ล้านบาท โดยสำนักงบประมาณตั้งราคากลางค่าก่อสร้างไว้ที่ 2,245 ล้านบาท
สำหรับ 4 รายที่ร่วมประมูลครั้งนี้ได้แก่ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น, บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์, บริษัท รวมนคร ก่อสร้าง(ประเทศไทย) และบริษัท เบ็ญจมาศ ซึ่งเคยชนะการประมูลครั้งก่อนหน้านี้ แต่เนื่องจากราคาที่เสนอมาสูงกว่าราคากลาง ทำให้การประมูลต้องล้มเลิกไป ได้แก่ บมจ. ชิโนไทย , บมจ.อิตัลไทย ,บมจ.เบญจมาศ บมจ.รวมนคร และ บมจ.อีเอ็มซี
เพาเวอร์ไลน์
โดยหลังจากนี้คณะกรรมการประกวดราคาจัดจ้างฯ จะตรวจสอบรายละเอียดของเนื้องานที่บริษัทกิจการร่วมค้าอีเอ็มซี เพาเวอร์ไลน์ฯ เสนอมาอย่างละเอียด ก่อนนำเสนอต่อนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวฯพิจารณาอีกครั้ง จากนั้นจะสรุปรวมเป็นเอกสาร เสนอต่อสำนักงบประมาณ คาดว่าจะสามารถลงนามว่าจ้างได้ภายในเดือน กันยายน 52 และเริ่มลงมือก่อสร้างพร้อมวาศิลาฤกษ์ภายในเดือนธันวาคม 52 ระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี โดยกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2554 ซึ่งจะตรงกับปีที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลกอีกครั้ง ที่ จ.เชียงใหม่ โดยมั่นใจขั้นตอนการทำงานจะเป็นตามที่คาดไว้ ไม่เปลี่ยนแปลง
“ การมีศูนย์ประชุมระดับนานาชาติ เกิดขึ้น ที่จ.เชียงใหม่ จะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเขตภาคเหนือให้เติบโตอีกมาก เพราะ สามารถใช้เป็นจุดขาย ที่มากกว่าความเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่เป็นเรื่องของตลาดไมซ์ ดึงดูดภาคธุรกิจจากประเทศเพื่อนบ้านมาใช้บริการ เช่น จีน ลาว เวียดนาม โดยนำเสนอศักยภาพการรองรับการจัดประชุมสัมมนาขนาดใหญ่ได้”
****คลอดเกณฑ์สรรหาผู้ว่าฯเน้นมีจริยธรรม******
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว ยังกล่าวในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ว่า ที่ประชุม ได้กำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้รับสมัครเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเปิดรับสมัครตั้งแต่ 9-28 ก.ย.52 รวม เวลา 20 วัน น้อยกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเพราะ เห็นว่ากระบวนการสรรหาล่าช้ามานานแล้ว โดยผู้สนใจดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัครได้ที่เว็บไซน์ของ ททท. คาดว่าจะคัดเลือกแล้วเสร็จได้ผู้จะมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ททท.ได้ภายในเดือน พ.ย.52
เงื่อนไขคุณสมบัติของผู้ลงสมัคร จะเป็นไปตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) กำหนด เช่น มีประสบการณ์การบริหารเงินงบประมาณมากกว่า 200 ล้านบาท อายุต้องไม่เกิน 58 ปี มีความชำนาญภาษาอังกฤษ ถ้าเป็นภาคเอกชนต้องมีตำแหน่งอย่างน้อยคือรองผู้บริหารระดับสูง ถ้าเป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ก็ต้องมีตำแหน่งเป็นระดับ รองผู้ว่าการ
,รองอธิบดี เป็นต้น แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้าไปจากครั้งก่อนๆ คือ เรื่องของความมีคุณธรรมและจริยธรรม โดยให้ผู้สมัครเขียนใส่มาในประวัติส่วนตัวและวิสัยทัศน์อย่างละเอียด ทั้งนี้เพื่อต้องการเลือกคนดีมีคุณธรรมเข้ามาทำงานบริหารองค์กร ในภาพของความเป็นธรรมาภิบาล นอกจากนั้น ในเงื่อนไขรับสมัครครั้งนี้ ยังระบุให้ผู้สมัครรับทราบเหมือนกันว่า
ทุกคนต้องยอมรับได้ในผลวินิจฉัยของ สคร.และกฤษฎีกา หากตัดสินว่า ตำแหน่งผู้ว่าการ ททท.สามารถแต่งตั้งได้ทันที ซึ่งเท่ากับต้องยกเลิกวิธีการสรรหาทันที
ทั้งนี้ในส่วนของรองผู้ว่าการททท.ซึ่งมีอยู่ 6 ตำแหน่ง มี 4 คน ที่มีระดับอายุอยู่ในคุณสมบัติสามารถลงสมัครได้ คือ นาง จุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด นายสุรพล เศวตเศรนี รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน นายอักกพล พฤกษวัน รองผู้ว่าการด้านสินค้าการท่องเที่ยว และ น.ส.เพ็ญสุดา ไพรอร่าม รองผู้ว่าการด้านบริหาร โดยมีกระแสข่าวว่า นายอักกพล
และนายสุรพล จะลงสมัครชิงตำแหน่งในครั้งนี้
********
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานคณะกรรมการประกวดราคาจัดจ้างงานก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการเปิดประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการศูนย์ประชุมนานาชาติ จ.เชียงใหม่ ด้วยระบบอี-อ๊อกชั่น ปรากฎว่า บริษัท กิจการร่วมค้า อีเอ็มซี เพาเวอร์ไลน์ จำกัด(มหาชน) ชนะการประมูลด้วยการเสนอราคาค่าก่อสร้างที่ 1,867 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำสุดจากบริษัทที่สนใจเข้าร่วมประมูลทั้งหมด 5 ราย โดยต่ำกว่าราคากลางถึง 16.84% สามารถประหยัดงบประมาณได้ 378 ล้านบาท โดยสำนักงบประมาณตั้งราคากลางค่าก่อสร้างไว้ที่ 2,245 ล้านบาท
สำหรับ 4 รายที่ร่วมประมูลครั้งนี้ได้แก่ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น, บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์, บริษัท รวมนคร ก่อสร้าง(ประเทศไทย) และบริษัท เบ็ญจมาศ ซึ่งเคยชนะการประมูลครั้งก่อนหน้านี้ แต่เนื่องจากราคาที่เสนอมาสูงกว่าราคากลาง ทำให้การประมูลต้องล้มเลิกไป ได้แก่ บมจ. ชิโนไทย , บมจ.อิตัลไทย ,บมจ.เบญจมาศ บมจ.รวมนคร และ บมจ.อีเอ็มซี
เพาเวอร์ไลน์
โดยหลังจากนี้คณะกรรมการประกวดราคาจัดจ้างฯ จะตรวจสอบรายละเอียดของเนื้องานที่บริษัทกิจการร่วมค้าอีเอ็มซี เพาเวอร์ไลน์ฯ เสนอมาอย่างละเอียด ก่อนนำเสนอต่อนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวฯพิจารณาอีกครั้ง จากนั้นจะสรุปรวมเป็นเอกสาร เสนอต่อสำนักงบประมาณ คาดว่าจะสามารถลงนามว่าจ้างได้ภายในเดือน กันยายน 52 และเริ่มลงมือก่อสร้างพร้อมวาศิลาฤกษ์ภายในเดือนธันวาคม 52 ระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี โดยกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2554 ซึ่งจะตรงกับปีที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลกอีกครั้ง ที่ จ.เชียงใหม่ โดยมั่นใจขั้นตอนการทำงานจะเป็นตามที่คาดไว้ ไม่เปลี่ยนแปลง
“ การมีศูนย์ประชุมระดับนานาชาติ เกิดขึ้น ที่จ.เชียงใหม่ จะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเขตภาคเหนือให้เติบโตอีกมาก เพราะ สามารถใช้เป็นจุดขาย ที่มากกว่าความเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่เป็นเรื่องของตลาดไมซ์ ดึงดูดภาคธุรกิจจากประเทศเพื่อนบ้านมาใช้บริการ เช่น จีน ลาว เวียดนาม โดยนำเสนอศักยภาพการรองรับการจัดประชุมสัมมนาขนาดใหญ่ได้”
****คลอดเกณฑ์สรรหาผู้ว่าฯเน้นมีจริยธรรม******
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว ยังกล่าวในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ว่า ที่ประชุม ได้กำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้รับสมัครเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเปิดรับสมัครตั้งแต่ 9-28 ก.ย.52 รวม เวลา 20 วัน น้อยกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเพราะ เห็นว่ากระบวนการสรรหาล่าช้ามานานแล้ว โดยผู้สนใจดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัครได้ที่เว็บไซน์ของ ททท. คาดว่าจะคัดเลือกแล้วเสร็จได้ผู้จะมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ททท.ได้ภายในเดือน พ.ย.52
เงื่อนไขคุณสมบัติของผู้ลงสมัคร จะเป็นไปตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) กำหนด เช่น มีประสบการณ์การบริหารเงินงบประมาณมากกว่า 200 ล้านบาท อายุต้องไม่เกิน 58 ปี มีความชำนาญภาษาอังกฤษ ถ้าเป็นภาคเอกชนต้องมีตำแหน่งอย่างน้อยคือรองผู้บริหารระดับสูง ถ้าเป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ก็ต้องมีตำแหน่งเป็นระดับ รองผู้ว่าการ
,รองอธิบดี เป็นต้น แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้าไปจากครั้งก่อนๆ คือ เรื่องของความมีคุณธรรมและจริยธรรม โดยให้ผู้สมัครเขียนใส่มาในประวัติส่วนตัวและวิสัยทัศน์อย่างละเอียด ทั้งนี้เพื่อต้องการเลือกคนดีมีคุณธรรมเข้ามาทำงานบริหารองค์กร ในภาพของความเป็นธรรมาภิบาล นอกจากนั้น ในเงื่อนไขรับสมัครครั้งนี้ ยังระบุให้ผู้สมัครรับทราบเหมือนกันว่า
ทุกคนต้องยอมรับได้ในผลวินิจฉัยของ สคร.และกฤษฎีกา หากตัดสินว่า ตำแหน่งผู้ว่าการ ททท.สามารถแต่งตั้งได้ทันที ซึ่งเท่ากับต้องยกเลิกวิธีการสรรหาทันที
ทั้งนี้ในส่วนของรองผู้ว่าการททท.ซึ่งมีอยู่ 6 ตำแหน่ง มี 4 คน ที่มีระดับอายุอยู่ในคุณสมบัติสามารถลงสมัครได้ คือ นาง จุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด นายสุรพล เศวตเศรนี รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน นายอักกพล พฤกษวัน รองผู้ว่าการด้านสินค้าการท่องเที่ยว และ น.ส.เพ็ญสุดา ไพรอร่าม รองผู้ว่าการด้านบริหาร โดยมีกระแสข่าวว่า นายอักกพล
และนายสุรพล จะลงสมัครชิงตำแหน่งในครั้งนี้
********