xs
xsm
sm
md
lg

ศก.เอเชียฟื้นตัวเร็วกว่าตะวันตก-ส่งสัญญาณจัดขั้วอำนาจโลกใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี-นักเศรษฐศาสตร์ชี้ ความรวดเร็วในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชีย เมื่อเปรียบเทียบกับชาติตะวันตก นับจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกหลังการล้มละลายของวานิชธนกิจยักษ์ "เลห์แมน บราเธอร์ส" เมื่อ 1 ปีก่อน อาจเป็นสัญญาณแสดงให้เห็นว่า กำลังมีการจัดระเบียบ "ขั้วอำนาจ" ครั้งใหม่ของโลก ที่บรรดาชาติในเอเชียจะไม่ต้องพึ่งพาประเทศตะวันตกในการเป็น "หัวรถจักรหลัก" ของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกเพียงลำพังอีกต่อไป
ศาสตราจารย์อโศก จรัญ แห่งสถาบันธุรกิจศึกษา ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ เขียนบทความลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์สเตรทส์ ไทมส์ของสิงคโปร์ฉบับเมื่อวานนี้ (10) โดยระบุบรรดาเขตเศรษฐกิจทั้งหลายในภูมิภาคเอเชียที่ฟื้นตัวจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว มีแนวโน้มที่จะพึ่งพาโลกตะวันตกน้อยลงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในอนาคต ซึ่งจะนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า "ระเบียบโลกใหม่" ที่ภูมิภาคเอเชียจะมีฐานะเป็น "ขุมพลังใหม่" ที่มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยอาศัยปัจจัยสำคัญ 2 ประการคือ ศักยภาพของความต้องการภายในประเทศที่ได้รับแรงสนับสนุนจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลจากภาครัฐ และการเพิ่มพูนของจำนวนชนชั้นกลางในจีน อินเดียและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคซึ่งจะเป็นตัวจักรขับเคลื่อนการบริโภคในแต่ละประเทศต่อไป
ศาสตราจารย์จรัญยังระบุว่า การล่มสลายของเลห์แมน บราเธอร์ส วานิชธนกิจเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 158 ปีในสหรัฐฯเมื่อวันที่ 15 กันยายน ปีที่แล้ว หลังต้องสูญเงินไปหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากวิกฤตสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ได้นำไปสู่การเกิด "มรสุมทางการเงิน" และวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่"เกรท ดีเปรสชั่น"ในทศวรรษ1930
จรัญบอกว่า ในช่วงแรกๆ ของวิกฤตนั้น มีผู้มองว่า จะเป็นหายนะทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่สำหรับชาติในเอเชียซึ่งล้วนต้องพึ่งพารายได้จากการส่งออกสินค้าเป็นหลัก แต่ด้วยอานิสงส์จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลของประเทศในเอเชีย ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กำลังซื้อภายในประเทศ กลับทำให้เศรษฐกิจเอเชียหลุดพ้นจากการตกต่ำดำดิ่งของเศรษฐกิจโลกมาได้ก่อนโลกตะวันตก
ด้านรอเบิร์ต เซลลิก ประธานธนาคารโลกออกมาระบุว่า จีนกำลังกลายเป็นชาติที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดในการนำพาภูมิภาคเอเชียหลุดพ้นจากเศรษฐกิจโลกในช่วงขาลง และยังได้ช่วยป้องกันไม่ให้วิกฤตเศรษฐกิจโลกเลวร้ายไปมากกว่าที่เป็นอยู่ พร้อมชี้ว่า การเติบโตของจีนซึ่งคาดว่าน่าจะสูงถึงเกือบร้อยละ 8 ในปีนี้ และ "สัญญาณแห่งความมีเสถียรภาพ" ที่ทยอยปรากฏขึ้นในประเทศเอเชียอื่นๆ ในช่วงที่ผ่านมา ได้ช่วยเพิ่มความหวังที่จะได้เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวมอย่างแท้จริงในอนาคตอันใกล้นี้
ขณะที่ปาร์คซินยัง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสแห่งธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) กล่าวที่กรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ว่า ความต้องการภายในประเทศของชาติเอเชียที่มีอยู่อย่างมหาศาล โดยเฉพาะในจีนและอินโดนีเซีย ได้ช่วยผลักดันให้เขตเศรษฐกิจต่างๆ ในภูมิภาค เช่น สิงคโปร์ และฮ่องกง กลับมาเติบโตในแดนบวกได้อีกครั้งในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ทั้งที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอยเมื่อปลายปีที่แล้ว ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงหดตัวร้อยละ 1 และเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนยังติดลบร้อยละ 0.1
ขณะเดียวกันสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของธนาคารเครดีต์สวิส ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองซูริก, สวิตเซอร์แลนด์ ก็ได้ออกรายงานฉบับล่าสุดที่ระบุว่าประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียที่มีแรงงานภายในประเทศจำนวนมากเช่น จีน อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในช่วงขาลงของเศรษฐกิจโลก ส่วนออสเตรเลีย ก็กลายเป็นเขตเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วเพียงแห่งเดียวของโลกที่รอดพ้นจากภาวะถดถอยมาได้ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ความต้องการภายใน มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตของเอเชียตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
นอกจากนั้น " บทเรียนราคาแพง" ที่บรรดาชาติในเอเชียเคยได้รับจากวิกฤตทางการเงินเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ยังช่วยให้รัฐบาลในภูมิภาคหันมาใช้มาตรการกำกับตรวจสอบทางการเงินที่เข้มงวดรัดกุมมากขึ้น ซึ่งทำให้เอเชียไม่ประสบกับความปั่นป่วนในภาคการเงินซ้ำอีก ขณะที่สหรัฐฯ และยุโรปกลับต้อง "ล้มอย่างไม่เป็นท่า" เมื่อเกิดวิกฤตในปีที่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น