รอยเตอร์- หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์โออีซีดีระบุ ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกกำลังดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด และอาจยุติลงในไม่ช้า ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อไม่กี่เดือนก่อน แต่กระนั้นรัฐบาลประเทศต่างๆ ยังไม่ควรยุติการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังเปราะบางและเสี่ยงต่อการเกิดภาวะถดถอยอีกระลอก
ยอร์เกน เอลเมสคอฟ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ(โออีซีดี ) ให้สัมภาษณ์วันพฤหัสบดี (3) โดยระบุว่า ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกกำลังจะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากการที่ปัญหาในภาคการเงินโลกได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์เมื่อ 2-3 เดือนก่อนหน้านี้
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของโออีซีดีระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นจาก "การกลับตัวอย่างรวดเร็ว" ที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของจีน และบรรดาประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่ในเอเชียในช่วงไตรมาสสองของปีนี้ ที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐและอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเตี้ยติดดินทั่วโลก
เอลเมสคอฟ ยังแสดงความชื่นชมความพยายามของรัฐบาลและธนาคารกลางนานาประเทศในการดำเนินมาตรการทั้งทางการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นวิกฤตเศรษฐกิจที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่ " เกรท ดีเปรสชั่น " เมื่อช่วงทศวรรษ 1930 โดยระบุว่า เป็น "ความสำเร็จที่น่าภาคภูมิ"
อย่างไรก็ตาม หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของโออีซีดีเตือนว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกขณะนี้ยังคงเปราะบางและไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่รัฐบาลของประเทศต่างๆ จะทำการ "ถอดเครื่องช่วยชีวิต" อันได้แก่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ พร้อมยืนยันว่า "การกระตุ้นอย่างแข็งขัน" ในเชิงนโยบายยังจำเป็นต้องดำเนินต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัวกลับเข้าไปสู่ภาวะถดถอยอีก โดยในส่วนของนโยบายทางการเงินนั้น รัฐบาลประเทศต่างๆ ควรคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปจนกว่าภาวะเศรษฐกิจโลกจะแข็งแกร่งเพียงพอในปีหน้า
ขณะเดียวกันวันพฤหัสบดี(3) โออีซีดียังได้มีการเปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจฉบับล่าสุด ซึ่งคาดการณ์ว่า จีดีพีสหรัฐฯและ 16 ประเทศในกลุ่มยูโรโซนนำโดยฝรั่งเศสและเยอรมัน จะกลับมาเติบโตในแดนบวกอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวได้ร้อยละ1.6ขณะที่กลุ่มยูโรโซนจะมีการขยายตัวร้อยละ 0.3 ส่วนญี่ปุ่นซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับที่ 2 ของโลกจะมีการเติบโตร้อยละ 1.1ขณะเดียวกันโออีซีดีก็คาดว่า เศรษฐกิจโลกในไตรมาสสุดท้ายปีนี้จะเติบโตได้ถึงร้อยละ 2 ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นตัวเลขที่ดีกว่าการประเมินครั้งล่าสุดของโออีซีดีเองเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่ทำนายว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในไตรมาสที่ 3 และ4 จะหดตัวร้อยละ 1.1 และ 0.5 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม โออีซีดีคาดว่าอังกฤษและอิตาลีจะยังไม่หลุดพ้นจากภาวะถดถอยในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ แม้เศรษฐกิจส่วนใหญ่ในยูโรโซนจะเริ่มกลับมาเติบโตได้อีกใน 2 ไตรมาสล่าสุด หลังจากที่ประสบภาวะถดถอยติดต่อกันถึง 5 ไตรมาส
ในส่วนของการเติบโตของจีดีพีโดยภาพรวมของกลุ่ม 7 ประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก(จี 7) ในปีนี้นั้น โออีซีดีคาดว่าน่าจะเติบโตได้ร้อยละ 1.2 และ 1.4 ตามลำดับในสองไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า กลุ่มจี 7 กำลังจะก้าวออกจากภาวะถดถอยแล้วแม้ภาวะเศรษฐกิจของชาติจี 7 ในครึ่งแรกปีนี้จะย่ำแย่หนักก็ตาม