รอยเตอร์/เอเอฟพี – เยอรมนีและฝรั่งเศสพ้นภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้วแบบเหนือความคาดหมาย เมื่อตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ปีนี้ที่ประกาศออกมาวานนี้(13) แสดงว่าทั้งสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ในยุโรปต่างเติบโตเป็นบวก ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจยูโรโซน 16 ชาติในช่วงระยะเดียวกันก็หดตัวเพียง 0.1% เป็นหนึ่งในสัญญาณใหม่ๆ ที่แสดงว่า กำลังปรากฏเค้าลางของการฟื้นตัวให้เห็นเช่นกัน
เยอรมนีและฝรั่งเศสต่างรายงานว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 0.3 เปอร์เซ็นต์เท่าๆ กัน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศนี้จะหดตัวลง 0.3 เปอร์เซ็นต์
ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เยอรมนีเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจหดตัวลงถึง 3.5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่เศรษฐกิจของฝรั่งเศสหดตัว 1.3 เปอร์เซ็นต์
“ข้อมูลที่ออกมาน่าประหลาดใจสุดๆ หลังจากที่ผลประกอบการของฝรั่งเศสติดลบต่อเนื่องกันถึงสี่ไตรมาส” คริสทีน ลาการ์ด รัฐมนตรีเศรษฐกิจของฝรั่งเศสระบุ
สำหรับเยอรมนีนั้นก็ไม่ได้เห็นเศรษฐกิจเติบโตในอัตราเป็นบวกมาตั้งแต่ไตรมาสแรกปี 2008
กระนั้นก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว จีดีพีของเยอรมนียังลดลง 7.1 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่สอง หลังจากที่ลดลง 6.4 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสแรก
“ตัวเลขที่ออกมาทำให้เรามีกำลังใจ แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะรู้สึกยินดี เพราะเรายังอยู่ห่างไกลจากจุดที่เศรษฐกิจจะฟื้นกลับขึ้นมาได้เท่ากับเมื่อปีที่แล้ว” คาร์ล-ธีโอดอร์ ซู กัตเตนเบิร์ก รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนีกล่าว
วันเดียวกันนั้นเอง มีการแถลงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ของกลุ่มยูโรโซน 16 ประเทศ ซึ่งปรากฏว่าติดลบอยู่ 0.1% ซึ่งนับว่ากระเตื้องขึ้นจากไตรมาสแรกที่ลดลง 2.5% และดีกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดหมายกันว่าจะติดลบ 0.5 เปอร์เซ็นต์
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) เจอร์เกน สตาร์ค บอกว่ายูโรโซนน่าจะกลับมามีอัตราเติบโตเป็นบวกได้เร็วกว่าที่เคยคาดหมายกันไว้
แต่เขาก็เตือนว่าไม่ควรที่จะมองโลกในทางสดใสให้รวดเร็วเกินไป “สิ่งที่เรากำลังมองเห็นอยู่ในเวลานี้ ที่สำคัญแล้วเป็นสิ่งที่ต้องพึ่งพาอาศัยมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลต่างๆ และการที่คลังสินค้าต่างๆ กลับสต็อกสินค้ากันเพิ่มขึ้น เมื่อคำนึงถึงสภาพเช่นนี้แล้ว เราจึงยังไม่สามารถระบุได้ว่ากำลังกลับคืนสู่เส้นทางแห่งการเติบโตอย่างยั่งยืนแล้ว”
ทางด้าน มาร์ก โตอูอาตี นักวิเคราะห์ในปารีสที่ทำงานให้กับ โกลบอล อีควิตีส์ ก็กล่าวเตือนเช่นกันว่า ยังอาจจะมีเรื่องเซอร์ไพรซ์ “ในทางลบ” อื่นๆ รออยู่ข้างหน้า เป็นต้นว่า เงินยูโรแข็งค่าขึ้น, อัตราดอกเบี้ยกลับขยับขึ้นไปอีก, และอานุภาพของมาตรการกระตุ้นต่างๆ เจือจางลง
“สิ่งที่ต้องถือเป็นข่าวดีจริงๆ จากเรื่องนี้ ก็คือข้อเท็จจริงที่ว่า ตรงกันข้ามกับการคาดการณ์กันอย่างเป็นฉันทามติในช่วงสองสามสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ความหายนะในแนวเดียวกับวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ทศวรรษ 1930 นั้น ยังคงไม่ได้เกิดขึ้นมา เรายังสามารถหลีกเลี่ยงมันได้” เขากล่าว
แม้เยอรมนีและฝรั่งเศสก้าวพ้นจากภาวะถดถอยในไตรมาสที่สอง แต่เศรษฐกิจของประเทศยูโรโซนอื่นๆ ยังคงหดตัว โดยอิตาลีติดลบ 0.5 เปอร์เซ็นต์ ออสเตรียและเบลเยียมติดลบ 0.4 เปอร์เซ็นต์ และเนเธอร์แลนด์ติดลบ 0.9 เปอร์เซ็นต์ มีเพียงกรีซและโปรตุเกสที่เพิ่ม 0.3 เปอร์เซ็นต์
สำหรับอังกฤษซึ่งเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป(อียู) แต่อยู่นอกยูโรโซน ตามตัวเลขที่แถลงในวันพุธ(12)นั้น ไตรมาส 2 ยังคงหดตัว 0.8% แต่รัฐมนตรีด้านธุรกิจของอังกฤษ ปีเตอร์ แมนเดลสัน ซึ่งเคยเป็นอดีตกรรมาธิการฝ่ายการค้าของอียู ให้ความเห็นว่า การฟื้นตัวในภาคพื้นยุโรปต้องถือเป็นข่าวดีสำหรับอังกฤษด้วย เพราะจะทำให้สินค้าส่งออกของแดนผู้ดีขายกันได้มากขึ้น
เยอรมนีและฝรั่งเศสต่างรายงานว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 0.3 เปอร์เซ็นต์เท่าๆ กัน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศนี้จะหดตัวลง 0.3 เปอร์เซ็นต์
ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เยอรมนีเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจหดตัวลงถึง 3.5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่เศรษฐกิจของฝรั่งเศสหดตัว 1.3 เปอร์เซ็นต์
“ข้อมูลที่ออกมาน่าประหลาดใจสุดๆ หลังจากที่ผลประกอบการของฝรั่งเศสติดลบต่อเนื่องกันถึงสี่ไตรมาส” คริสทีน ลาการ์ด รัฐมนตรีเศรษฐกิจของฝรั่งเศสระบุ
สำหรับเยอรมนีนั้นก็ไม่ได้เห็นเศรษฐกิจเติบโตในอัตราเป็นบวกมาตั้งแต่ไตรมาสแรกปี 2008
กระนั้นก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว จีดีพีของเยอรมนียังลดลง 7.1 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่สอง หลังจากที่ลดลง 6.4 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสแรก
“ตัวเลขที่ออกมาทำให้เรามีกำลังใจ แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะรู้สึกยินดี เพราะเรายังอยู่ห่างไกลจากจุดที่เศรษฐกิจจะฟื้นกลับขึ้นมาได้เท่ากับเมื่อปีที่แล้ว” คาร์ล-ธีโอดอร์ ซู กัตเตนเบิร์ก รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนีกล่าว
วันเดียวกันนั้นเอง มีการแถลงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ของกลุ่มยูโรโซน 16 ประเทศ ซึ่งปรากฏว่าติดลบอยู่ 0.1% ซึ่งนับว่ากระเตื้องขึ้นจากไตรมาสแรกที่ลดลง 2.5% และดีกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดหมายกันว่าจะติดลบ 0.5 เปอร์เซ็นต์
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) เจอร์เกน สตาร์ค บอกว่ายูโรโซนน่าจะกลับมามีอัตราเติบโตเป็นบวกได้เร็วกว่าที่เคยคาดหมายกันไว้
แต่เขาก็เตือนว่าไม่ควรที่จะมองโลกในทางสดใสให้รวดเร็วเกินไป “สิ่งที่เรากำลังมองเห็นอยู่ในเวลานี้ ที่สำคัญแล้วเป็นสิ่งที่ต้องพึ่งพาอาศัยมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลต่างๆ และการที่คลังสินค้าต่างๆ กลับสต็อกสินค้ากันเพิ่มขึ้น เมื่อคำนึงถึงสภาพเช่นนี้แล้ว เราจึงยังไม่สามารถระบุได้ว่ากำลังกลับคืนสู่เส้นทางแห่งการเติบโตอย่างยั่งยืนแล้ว”
ทางด้าน มาร์ก โตอูอาตี นักวิเคราะห์ในปารีสที่ทำงานให้กับ โกลบอล อีควิตีส์ ก็กล่าวเตือนเช่นกันว่า ยังอาจจะมีเรื่องเซอร์ไพรซ์ “ในทางลบ” อื่นๆ รออยู่ข้างหน้า เป็นต้นว่า เงินยูโรแข็งค่าขึ้น, อัตราดอกเบี้ยกลับขยับขึ้นไปอีก, และอานุภาพของมาตรการกระตุ้นต่างๆ เจือจางลง
“สิ่งที่ต้องถือเป็นข่าวดีจริงๆ จากเรื่องนี้ ก็คือข้อเท็จจริงที่ว่า ตรงกันข้ามกับการคาดการณ์กันอย่างเป็นฉันทามติในช่วงสองสามสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ความหายนะในแนวเดียวกับวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ทศวรรษ 1930 นั้น ยังคงไม่ได้เกิดขึ้นมา เรายังสามารถหลีกเลี่ยงมันได้” เขากล่าว
แม้เยอรมนีและฝรั่งเศสก้าวพ้นจากภาวะถดถอยในไตรมาสที่สอง แต่เศรษฐกิจของประเทศยูโรโซนอื่นๆ ยังคงหดตัว โดยอิตาลีติดลบ 0.5 เปอร์เซ็นต์ ออสเตรียและเบลเยียมติดลบ 0.4 เปอร์เซ็นต์ และเนเธอร์แลนด์ติดลบ 0.9 เปอร์เซ็นต์ มีเพียงกรีซและโปรตุเกสที่เพิ่ม 0.3 เปอร์เซ็นต์
สำหรับอังกฤษซึ่งเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป(อียู) แต่อยู่นอกยูโรโซน ตามตัวเลขที่แถลงในวันพุธ(12)นั้น ไตรมาส 2 ยังคงหดตัว 0.8% แต่รัฐมนตรีด้านธุรกิจของอังกฤษ ปีเตอร์ แมนเดลสัน ซึ่งเคยเป็นอดีตกรรมาธิการฝ่ายการค้าของอียู ให้ความเห็นว่า การฟื้นตัวในภาคพื้นยุโรปต้องถือเป็นข่าวดีสำหรับอังกฤษด้วย เพราะจะทำให้สินค้าส่งออกของแดนผู้ดีขายกันได้มากขึ้น
