ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - จนท.3 ฝ่ายสนธิกำลังบุกจับแกนนำ RKK คนสำคัญคาบ้านพักในปัตตานี เผยประวัติก่อคดีมาแล้วนับไม่ถ้วน ขณะที่โจรใต้งัดยุทธวิธีป่วนใต้แบบใหม่ ปาบึ้มใส่ร้านอาหารกลางเมืองปัตตานีเจ็บอีก 5 รองผู้ว่าฯปัตตานีสั่งจับตา-เฝ้าระวังหลังคนร้ายขู่ป่วนอีก 4 อำเภอ มท.เดินหน้าเปิดประมูลซื้อกล้องซีซีทีวีรอบใหม่ หลังเสียค่าโง่ 996 ล้านบาท
วานนี้ (9 ก.ย.) พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมภาค 3 หัวหน้างานสืบสวนคดีสำคัญศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ชัยมิตร สิทธิพูน สารวัตรงานสืบสวนคดีสำคัญ ประสานกำลังกับ พ.ต.อ.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผกก.สภ.สะบ้าย้อย พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันดี ผกก.สภ.โคกโพธิ์ พ.ต.ท.พหล เกตุแก้ว ผบ.ฉก.ตชด.ที่ 43 และ ฉก.สงขลา สนธิกำลังจำนวน 20 นาย เข้าจับกุมตัวนายอับดุลมุตอลิบ ดิง อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่26/2 หมู่ที่ 6 ต.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ขณะนั่งอยู่ที่บริเวณหน้ามัสยิดดารูอูดา หมู่ที่ 6 บ้านทุ่งยาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ตามหมายจับของศาลจังหวัดนาทวี ข้อหาร่วมกันสะสมกำลังพล ฝึกอาวุธ สะสมอาวุธปลุกระดมประชาชน เพื่อก่อการร้าย
โดยพฤติการณ์นายอับดุลมุตอลิบ ดิง เป็นแกนนำ RKK ระดับสั่งการในพื้นที่ จ.ปัตตานี และ 4 อำเภอชายแดนของจังหวัดสงขลา ได้จัดการฝึก RKK ตั้งแต่ประมาณปี 2536 เป็นต้นมาแล้วมอบหมายให้เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดสงขลา รวมทั้งสั่งการให้นายมักตา มูซอ ยิงนายกูเฮง สะอิ ผู้ใหญ่บ้านนาเกตุ อ.โคกโพธิ์ รวมทั้งปล้นปืน อส.อำเภอเทพา ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน เคยโดนเจ้าหน้าที่จับกุมมา 1 ครั้ง พร้อมอุปกรณ์ประกอบระเบิดและสิ่งของที่ใช้ก่อเหตุเป็นจำนวนมาก แต่เพิ่งถูกศาลยกฟ้องมา
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนคดีสำคัญยังสืบทราบได้อีกว่า นายอับดุลมุตอลิบ ดิง ยังคงมีพฤติการณ์อยู่ในกระบวนการ RKK อีก โดยได้มีการสั่งการให้ RKK เข้าไปก่อเหตุในพื้นที่อีก เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนคดีสำคัญ จึงได้นำกำลังเข้าทำการจับกุมตามหมายจับของศาลจังหวัดนาทวี ในวันนี้ โดยนำตัวไปทำการสอบสวนเบื้องต้นที่หน่วยเฉพาะกิจสงขลา
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 07.20 น. พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต ผกก.สภ.เมืองปัตตานีได้รับแจ้งเหตุระเบิดหน้าขายข้าวต้มและขนมจีน ไม่มีเลขที่ริมถนนกะลาพอ เขตเทศบาลเมืองปัตตานี จึงประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและเจ้าหน้าที่กองวิทยาการภูธรจังหวัดปัตตานีเข้าพื้นที่ตรวจสอบพบผู้บาดเจ็บ 5 ราย นำส่งโรงพยาบาลปัตตานี คือ น.ส.รัชนี สมมาตร อายุ 25 ปี นางนงเยาว์ เนียรนาท อายุ 45 ปี พัฒนาชุมชนอำเภอยะรัง นายสนั่น อินทร์ช่วย อายุ 29 ปี นางจุรี จูดจัน และ น.ส.จรินทร์ ปิ่นทอง อายุ 32 ปี จากการสอบสวนทราบว่า ขณะที่ชาวบ้านมานั่งรับประทานอาหาร มีรถจักรยานยนต์ผ่านมาพร้อมกับชาย 2 คน ใช้วัตถุระเบิดบรรจุท่อพีวีซีขว้างใส่ และระเบิดไปตกอยู่ข้างเสาไฟฟ้า ทำให้มีผู้บาดเจ็บดังกล่าว
นายปมุข ลมุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายใช้ระเบิดแบบไปป์บอมบ์ ขว้างเข้าไปในร้านดังกล่าวแต่เคราะห์ดีที่วัตถุระเบิดไปติดเสาไฟและกิ่งไม้หน้าร้านจำหน่ายอาหารทำให้ระเบิดตกบริเวณด้านหน้า อานุภาพของแรงระเบิดจึงไม่ร้ายแรงเหมือนหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา เบื้องต้นเชื่อว่า เป็นความพยายามของคนร้ายที่จะสร้างความปั่นป่วนอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ หลังจากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเฝ้าระวังการก่อเหตุด้วยรูปแบบจุดชนวนระเบิดที่ซุกซ่อนในยานพาหนะ จึงหันมาใช้ระเบิดชนิดไปป์บอมส์แทน
นายปมุข กล่าวอีกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ปกครอง ได้วางแผนเพื่อสกัดการก่อเหตุของคนร้ายด้วยการจัดกำลังดูแลร้านอาหาร ย่านการค้า ในแหล่งธุรกิจชุมชน โดยเฉพาะในช่วงเช้า กลางวัน เย็น หลังพบว่าคนร้ายหันมาก่อเหตุในช่วงดังกล่าวมากขึ้น หลังจากมีเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนออกมาใช้บริการในสถานประกอบการร้านค้าดังกล่าวมากที่สุดช่วงหนึ่ง
"คนร้ายก่อเหตุถี่ในช่วงเช้า และพักกลางวัน โดยเฉพาะร้านอาหารเนื่องจากมีข้าราชการ ประชาชนใช้บริการจำนวนมากจึงกลายเป็นเป้าหมายที่คนร้ายพุ่งเป้าทำร้าย ล่าสุดได้มีการวางกำลังดูแลจุดดังกล่าวให้เข้มข้นมากขึ้น นอกจากนี้มีกระแสข่าวแพร่สะพัดในระยะนี้ว่ากลุ่มก่อความไม่สงบจะใช้วิธีการขว้างระเบิดใส่เข้าในร้านอาหารจึงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ "รองผู้ว่าปัตตานี กล่าว และว่า
สำหรับกระแสข่าวลือที่ระบุว่ากลุ่มคนร้ายมีแผนก่อเหตุในพื้นที่ 4 อำเภอของปัตตานี คือ อ.เมือง, หนองจิก, ยะรัง และ อ.สายบุรีนั้น ขณะนี้ได้ให้หน่วยข่าวตรวจสอบเชิงลึกและจะไม่ประมาท โดยมีการจัดวางกำลังเพื่อดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวว่าพบการลักขโมยถังแก๊สบริเวณพื้นที่รอบนอก ซึ่งคาดว่ากลุ่มคนร้ายอาจเตรียมนำไปใช้ก่อความไม่สงบ เบื้องต้นจึงได้แจ้งเตือนประชาชนเพิ่มการเฝ้าระวัง และดูแลสิ่งแปลกปลอมเพื่อป้องกันการฉวยโอกาสก่อเหตุของผู้ไม่หวังดีในขณะนี้
นายต่อพงษ์ อ่ำพันธ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะทำงานติดตามความคืบหน้าการติดตั้งกล้องซีซีทีวี ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยความคืบหน้าการแก้ปัญหาดังกล่าว หลังเอกชนที่รับดำเนินการ บอกเลิกสัญญากับทางสำนักปลัดกระทรวงมหาดไทยว่า ภายในสัปดาห์นี้ จะไปปรึกษากับอัยการสูงสุดเพื่อให้ดำเนินการบอกเลิกสัญญา กับบริษัทดิจิตอล รีเสิร์จ แอนด์คอนสตรัคติ้ง จำกัด โดยระหว่างนี้มีคณะกรรมการประเมินมูลค่างานที่ได้ดำเนินการมาแล้ว เปรียบเทียบกับเงินที่สำนักปลัดจ่ายไป 145 ล้าน เพื่อคำนวณส่วนต่างจากนั้นจึงจะหาเอกชนรายใหม่ มาทำงานต่อไป
"มั่นใจว่า จะสามารถคลี่คลายและทำให้การติดตั้งกล้องซีซีทีวีในภาคใต้ มีความคืบหน้ามากที่สุด ก่อนพ้นความรับผิดชอบเนื่องจากเข้าใจว่าหลายฝ่าย หวังจะได้รับประโยชน์จากกล้องซีซีทีวีในการคลี่คลายสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่"
วานนี้ (9 ก.ย.) พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมภาค 3 หัวหน้างานสืบสวนคดีสำคัญศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ชัยมิตร สิทธิพูน สารวัตรงานสืบสวนคดีสำคัญ ประสานกำลังกับ พ.ต.อ.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผกก.สภ.สะบ้าย้อย พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันดี ผกก.สภ.โคกโพธิ์ พ.ต.ท.พหล เกตุแก้ว ผบ.ฉก.ตชด.ที่ 43 และ ฉก.สงขลา สนธิกำลังจำนวน 20 นาย เข้าจับกุมตัวนายอับดุลมุตอลิบ ดิง อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่26/2 หมู่ที่ 6 ต.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ขณะนั่งอยู่ที่บริเวณหน้ามัสยิดดารูอูดา หมู่ที่ 6 บ้านทุ่งยาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ตามหมายจับของศาลจังหวัดนาทวี ข้อหาร่วมกันสะสมกำลังพล ฝึกอาวุธ สะสมอาวุธปลุกระดมประชาชน เพื่อก่อการร้าย
โดยพฤติการณ์นายอับดุลมุตอลิบ ดิง เป็นแกนนำ RKK ระดับสั่งการในพื้นที่ จ.ปัตตานี และ 4 อำเภอชายแดนของจังหวัดสงขลา ได้จัดการฝึก RKK ตั้งแต่ประมาณปี 2536 เป็นต้นมาแล้วมอบหมายให้เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดสงขลา รวมทั้งสั่งการให้นายมักตา มูซอ ยิงนายกูเฮง สะอิ ผู้ใหญ่บ้านนาเกตุ อ.โคกโพธิ์ รวมทั้งปล้นปืน อส.อำเภอเทพา ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน เคยโดนเจ้าหน้าที่จับกุมมา 1 ครั้ง พร้อมอุปกรณ์ประกอบระเบิดและสิ่งของที่ใช้ก่อเหตุเป็นจำนวนมาก แต่เพิ่งถูกศาลยกฟ้องมา
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนคดีสำคัญยังสืบทราบได้อีกว่า นายอับดุลมุตอลิบ ดิง ยังคงมีพฤติการณ์อยู่ในกระบวนการ RKK อีก โดยได้มีการสั่งการให้ RKK เข้าไปก่อเหตุในพื้นที่อีก เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนคดีสำคัญ จึงได้นำกำลังเข้าทำการจับกุมตามหมายจับของศาลจังหวัดนาทวี ในวันนี้ โดยนำตัวไปทำการสอบสวนเบื้องต้นที่หน่วยเฉพาะกิจสงขลา
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 07.20 น. พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต ผกก.สภ.เมืองปัตตานีได้รับแจ้งเหตุระเบิดหน้าขายข้าวต้มและขนมจีน ไม่มีเลขที่ริมถนนกะลาพอ เขตเทศบาลเมืองปัตตานี จึงประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและเจ้าหน้าที่กองวิทยาการภูธรจังหวัดปัตตานีเข้าพื้นที่ตรวจสอบพบผู้บาดเจ็บ 5 ราย นำส่งโรงพยาบาลปัตตานี คือ น.ส.รัชนี สมมาตร อายุ 25 ปี นางนงเยาว์ เนียรนาท อายุ 45 ปี พัฒนาชุมชนอำเภอยะรัง นายสนั่น อินทร์ช่วย อายุ 29 ปี นางจุรี จูดจัน และ น.ส.จรินทร์ ปิ่นทอง อายุ 32 ปี จากการสอบสวนทราบว่า ขณะที่ชาวบ้านมานั่งรับประทานอาหาร มีรถจักรยานยนต์ผ่านมาพร้อมกับชาย 2 คน ใช้วัตถุระเบิดบรรจุท่อพีวีซีขว้างใส่ และระเบิดไปตกอยู่ข้างเสาไฟฟ้า ทำให้มีผู้บาดเจ็บดังกล่าว
นายปมุข ลมุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายใช้ระเบิดแบบไปป์บอมบ์ ขว้างเข้าไปในร้านดังกล่าวแต่เคราะห์ดีที่วัตถุระเบิดไปติดเสาไฟและกิ่งไม้หน้าร้านจำหน่ายอาหารทำให้ระเบิดตกบริเวณด้านหน้า อานุภาพของแรงระเบิดจึงไม่ร้ายแรงเหมือนหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา เบื้องต้นเชื่อว่า เป็นความพยายามของคนร้ายที่จะสร้างความปั่นป่วนอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ หลังจากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเฝ้าระวังการก่อเหตุด้วยรูปแบบจุดชนวนระเบิดที่ซุกซ่อนในยานพาหนะ จึงหันมาใช้ระเบิดชนิดไปป์บอมส์แทน
นายปมุข กล่าวอีกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ปกครอง ได้วางแผนเพื่อสกัดการก่อเหตุของคนร้ายด้วยการจัดกำลังดูแลร้านอาหาร ย่านการค้า ในแหล่งธุรกิจชุมชน โดยเฉพาะในช่วงเช้า กลางวัน เย็น หลังพบว่าคนร้ายหันมาก่อเหตุในช่วงดังกล่าวมากขึ้น หลังจากมีเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนออกมาใช้บริการในสถานประกอบการร้านค้าดังกล่าวมากที่สุดช่วงหนึ่ง
"คนร้ายก่อเหตุถี่ในช่วงเช้า และพักกลางวัน โดยเฉพาะร้านอาหารเนื่องจากมีข้าราชการ ประชาชนใช้บริการจำนวนมากจึงกลายเป็นเป้าหมายที่คนร้ายพุ่งเป้าทำร้าย ล่าสุดได้มีการวางกำลังดูแลจุดดังกล่าวให้เข้มข้นมากขึ้น นอกจากนี้มีกระแสข่าวแพร่สะพัดในระยะนี้ว่ากลุ่มก่อความไม่สงบจะใช้วิธีการขว้างระเบิดใส่เข้าในร้านอาหารจึงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ "รองผู้ว่าปัตตานี กล่าว และว่า
สำหรับกระแสข่าวลือที่ระบุว่ากลุ่มคนร้ายมีแผนก่อเหตุในพื้นที่ 4 อำเภอของปัตตานี คือ อ.เมือง, หนองจิก, ยะรัง และ อ.สายบุรีนั้น ขณะนี้ได้ให้หน่วยข่าวตรวจสอบเชิงลึกและจะไม่ประมาท โดยมีการจัดวางกำลังเพื่อดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวว่าพบการลักขโมยถังแก๊สบริเวณพื้นที่รอบนอก ซึ่งคาดว่ากลุ่มคนร้ายอาจเตรียมนำไปใช้ก่อความไม่สงบ เบื้องต้นจึงได้แจ้งเตือนประชาชนเพิ่มการเฝ้าระวัง และดูแลสิ่งแปลกปลอมเพื่อป้องกันการฉวยโอกาสก่อเหตุของผู้ไม่หวังดีในขณะนี้
นายต่อพงษ์ อ่ำพันธ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะทำงานติดตามความคืบหน้าการติดตั้งกล้องซีซีทีวี ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยความคืบหน้าการแก้ปัญหาดังกล่าว หลังเอกชนที่รับดำเนินการ บอกเลิกสัญญากับทางสำนักปลัดกระทรวงมหาดไทยว่า ภายในสัปดาห์นี้ จะไปปรึกษากับอัยการสูงสุดเพื่อให้ดำเนินการบอกเลิกสัญญา กับบริษัทดิจิตอล รีเสิร์จ แอนด์คอนสตรัคติ้ง จำกัด โดยระหว่างนี้มีคณะกรรมการประเมินมูลค่างานที่ได้ดำเนินการมาแล้ว เปรียบเทียบกับเงินที่สำนักปลัดจ่ายไป 145 ล้าน เพื่อคำนวณส่วนต่างจากนั้นจึงจะหาเอกชนรายใหม่ มาทำงานต่อไป
"มั่นใจว่า จะสามารถคลี่คลายและทำให้การติดตั้งกล้องซีซีทีวีในภาคใต้ มีความคืบหน้ามากที่สุด ก่อนพ้นความรับผิดชอบเนื่องจากเข้าใจว่าหลายฝ่าย หวังจะได้รับประโยชน์จากกล้องซีซีทีวีในการคลี่คลายสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่"