xs
xsm
sm
md
lg

โง่เขลา เห็นแก่ตัว ทำลายชาติของขบวนการลัทธิรัฐธรรมนูญ

เผยแพร่:   โดย: ดร.ป. เพชรอริยะ

เราขอบอกย้ำว่า แนวคิดของผู้ปกครองและนักการเมืองไทยยังจมปลักอยู่ในลัทธิรัฐธรรมนูญ เป็นแนวทาง แนวคิด ที่เห็นผิด คิดผิด และทำผิดมายาวนาน 77 ปี

ถามหน่อย กี่ครั้งที่ทำรัฐประหาร กี่ครั้งที่ร่างรัฐธรรมนูญ กี่ครั้งที่แก้ไขรัฐธรรมนูญ กี่ครั้งที่เกิดจลาจลทางการเมือง กี่ครั้งเกิดสงครามกลางเมือง กี่ครั้งที่นักการเมืองคอร์รัปชัน โกงชาติปล้นแผ่นดิน ยิ่งทำรัฐประหาร ยิ่งร่างรัฐธรรมนูญ ยิ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฯลฯ ยิ่งทำให้บ้านเมืองพินาศหายนะ ก็คิดจะทำแบบผิดๆ กันต่อไป อย่างนั้นหรือ มันเป็นเวรกรรมชั่วอะไรของผู้ปกครอง

การปกครองที่มีแต่เพียงรัฐธรรมนูญ (หมวดและมาตราต่างๆ) โดยปราศจากหลักการปกครอง (Principle of government) ซึ่งก็คือ ปราศจากระบอบ (Regime) นั่นเอง

แต่คณะผู้ปกครองคณะแล้ว คณะเล่า เห็นผิด คิดผิด ทำผิด อย่างเหลวไหลที่สุด แนวทางรัฐธรรมนูญที่ปราศจากหลักการปกครองโดยธรรม คือเหตุ คือศัตรูของชาติ ขบวนการแนวคิดนี้ได้ทำลายชาติและล้มเหลวมาแล้วถึง 18 ครั้ง เห็นอยู่ตำตาล้มเหลวมาแล้วอย่างซ้ำซาก เป็นพลังแห่งความเห็นผิด เป็นพลังแห่งความชั่วร้ายทำลายประเทศชาติของตนและประชาชนไทยอย่างย่อยยับยาวนานถึง 77 ปี ประเทศชาติต้องสูญเสีย เพราะความเห็นผิดของผู้ปกครองอย่างประเมินค่าไม่ได้ ดูตัวอย่างของความเห็นผิด คิดผิด ทำผิด ตอกย้ำความเห็นผิด ให้ผิดดิ่งลึกลงไปอีก

“เมื่อวันที่ 4 ก.ย. นายสมเกียรติ ศรลัมภ์ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงความคืบหน้าในการรวบรวมรายชื่อ ส.ส. เพื่อยื่นร่างพ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญว่าขณะนี้ตนสามารถรวบรวมจำนวนส.ส.ได้ 90 คนแล้ว ขณะที่ฝ่าย ส.ว.รวบรวมได้อีกจำนวน 80 คนทำให้ขณะนี้มีรายชื่อ ส.ส. และส.ว. เกินจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้สำหรับการ ยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมรายชื่อทั้งหมดก่อนจะยื่นต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ในวันอังคารที่ 8 ก.ย. ต่อไป โดยจะยึดหลักข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ใน 7 ประเด็นเท่านั้น”

“1. มาตรา 237 ประเด็นการยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิ์การเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค โดยแก้ไขให้ยกเลิกการยุบพรรค แต่ให้คงการเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งสำหรับผู้สมัครที่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง” ถามว่าใครจะยอมรับได้ละ

“2. มาตรา 93 ถึง 98 ที่มาของ ส.ส. แก้ไขให้มี ส.ส. 500 คน มาจากการเลือกตั้งเขตเดียวเบอร์เดียว 400 คน แบบบัญชีรายชื่อ 100 คน”

การมี ส.ส. 500 คน มันมากเกินไปสำหรับประเทศไทย เปลืองงบประมาณ ส่วนการเลือกตั้ง เขตเดียว เบอร์เดียว ก็เอื้ออำนวยให้นักธุรกิจการเมืองให้ได้รับการเลือกตั้ง แบบบัญชีรายชื่อ ก็คือกลุ่มนายทุนพรรค หรือนายทาส ที่ถูกต้องคือ เขตละอย่างน้อย 2-4 คน ประชาชนกาบัตรเลือกตั้งได้เพียงคนเดียว หนึ่งคน ต้องหนึ่งเสียง นี่คือความยุติธรรม

“3. มาตรา 111 ถึง 121 ประเด็นที่มาของ ส.ว. โดยแก้ไขให้ ส.ว. มาจากการเลือกตั้ง 200 คน” นี่ก็เป็นตามรัฐธรรมนูญปี 2540 ลองคิดดู ถ้า ส.ว. มาจากการเลือกตั้ง แล้วจะมี ส.ว. ไปทำไม มี ส.ส. อย่างเดียวก็หมดเรื่อง การที่มี ส.ว. เพื่อให้มีผู้แทนทุกสาขาอาชีพที่ชำนาญการอย่างเป็นสัดส่วน หาก ส.ว. มาจากการเลือกตั้ง ผู้แทนอาชีพก็ไม่มี ความเป็นธรรมก็ไม่เกิด ก็จะได้ แต่ ส.ว. ที่เป็นทาสน้ำเงินของนักการเมืองใหญ่ อย่างที่ผ่านมา เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

“4. มาตรา 190 ประเด็นการทำหนังสือสัญญากับต่างประเทศที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ให้คงไว้ แต่ให้กำหนดประเภทหนังสือสัญญาให้ชัดเจนขึ้นว่าแบบไหนควรให้สภาเห็นชอบบ้าง”

ท่านทั้งหลายก็เคยเห็นตัวอย่างสุดเลวสมัย นายนพดล ปัทมะ เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ไปแอบซุบซิบทำสัญญาลับๆ กับเขมร เพื่อแลกกับประโยชน์ของนายใหญ่ในทางธุรกิจ ประโยชน์ของชาติและประชาชนเสียหายอย่างร้ายแรงจนถึงทุกวันนี้

“5. มาตรา 265 ประเด็นการดำรงตำแหน่งทางการเมืองของ ส.ส. แก้ไขให้ ส.ส. ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ เช่น เป็นเลขานุการรัฐมนตรีได้”

อันนี้ เพื่อหาช่องทางคอร์รัปชันได้ เพื่อถอนทุน และหาเงินเข้าพรรค ใครๆ ก็รู้ทัน

“6. มาตรา 266 ประเด็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนของ ส.ส. และ ส.ว. โดยแก้ไขให้ เพื่อให้ ส.ส. และ ส.ว. สามารถช่วยเหลือประชาชนผ่านราชการได้”

อันนี้ เพื่อแทรกแซงราชการ และหาเสียงโดยใช้งบประมาณของรัฐ เอาเปรียบกันเหลือเกิน

สรุป เหมือนจะปูทางให้ทักษิณ ปูทางให้นักการเมืองชั่วนั่นเอง ไม่ใช่หนทางที่จะนำ ไปสู่การแก้ไขเหตุวิกฤตชาติได้ ขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานชมรม สสร. 50 กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมืองในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การที่ ส.ส. และ ส.ว. ไปลงชื่อเสนอญัตติ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแต่เนื้อหาสาระจะต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือไม่แก้ไขเพื่อตัวเอง เพราะจะกลายเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา122 อาจถูกถอดถอนได้ตามมาตรา 270 อันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ

แนวทางแก้ไขโดยธรรม ถูกต้องสูงสุด ลองนำไปศึกษาทำความเข้าใจกันเถิด โดยการประสานสัจธรรมหรือโมกขธรรม รู้จริง รู้แจ้ง ระหว่างกฎธรรมชาติ ขันธ์ 5 (ชีวิต) และการประยุกต์ลงสู่ การเมืองการปกครองโดยธรรมเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นความยิ่งใหญ่ของโลก

อันเป็นแนวทางที่ยิ่งใหญ่ เจริญรอยตามคำสอนของ พระพุทธเจ้า ซึ่งใครๆ ก็สามารถ เข้าถึงได้ เพราะสภาวธรรมดังกล่าวมีอยู่แล้ว ดำรงอยู่แล้วในนาม-รูป หรือขันธ์ 5 หากท่านทั้งหลายมีความพยายาม ด้วยความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างแท้จริงแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย พยายามตั้งใจจริง ศึกษากันเถิด หรือจะยอมให้คณะผู้ปกครอง เห็นผิดปกครองกันต่อไป...

การจัดความสัมพันธ์ของกฎธรรมชาติ – ขันธ์ 5 และการปกครองโดยธรรม เป็นหนึ่งเดียวกัน


“วิกฤตท่วมทั่วไทย จึงเขียนไว้ให้พิจารณา” “สัตบุรุษ ย่อมเข้าใจและร่วมแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ”

ธรรมาธิปไตย ผดุงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยปัญญา และสัจธรรมสูงสุดอันยิ่งใหญ่ ติดต่อผู้เขียน p_ariya_@hotmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น