xs
xsm
sm
md
lg

โยกย้ายขรก.คลัง-โค้งสุดท้าย"นริศ"มาแรง!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – “กรณ์” เผยนำโผโยกย้ายอธิบดีกระทรวงคลังเข้า ครม.พรุ่งนี้ ลั่นข้าราชการที่ตั้งใจทำงานสุจริตจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แย้มให้มีการหมุนเวียนงานแต่ละกรม พร้อมฟื้นบทบาท สศค.เป็นมันสมองของกระทรวง โผล่าสุด "สุภา ปิยะจิตติ" อธิบดีบัญชีกลาง "อารีพงศ์-สมชัย" ตัวเต็งกรมศุลฯ มี "นริศ" เป็นตัวสอดแทรก

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (8 ก.ย.) กระทรวงการคลังจะเสนอรายชื่อข้าราชการระดับ 10 ที่จะเข้ารับตำแหน่งแทนข้าราชการที่เกษียณอายุในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเห็นชอบ โดยตำแหน่งระดับ 10 ของกระทรวงการคลังที่จะว่างลง ได้แก่ อธิบดีกรมสรรพาสามิต อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมบัญชีกลาง รองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้ตรวจราชการ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ เพราะต้องรายงานครม.ก่อน แต่สัญญาณที่จะส่งออกไปชัดเจนว่า ตราบใดที่ตั้งใจทำงาน ก็จะมีความก้าวหน้าด้านอาชีพ และทุกตำแหน่งต้องอธิบายได้
“ที่ผ่านมาในกระทรวงเองไม่มีการวิ่งเต้นซื้อตำแหน่งแต่อย่างใด โดยเฉพาะวิ่งโดยตรงกับผมแทบจะไม่มี แต่ก็ยอมรับว่ามีคนฝากฝังบ้าง ซึ่งรายชื่อที่ออกไปยากที่จะสมบูรณ์ และมีคนไม่เห็นด้วย แต่หากมองออกไปแล้วภาพจะต้องเป็นบวก เพราะขณะนี้มีข้อจำกัดด้านบุคคล แต่ก็จะทำให้ดีที่สุด ภายใต้เงื่อนไขที่มี” นายกรณ์กล่าวและว่า กำลังวางระบบที่จะให้มีการเวียนงานในกระทรวงทุก 2 ปี เพื่อให้มีการเรียนรู้งานทุกระดับ เช่น คนในกรมจัดเก็บจะได้เรียนรู้ด้านนโยบาย จะได้ไม่มีข้อจำกัด โอกาสที่จะขึ้นเป็นปลัดกระทรวงก็จะมีมากขึ้น เพราะคนที่จะเป็นปลัดจะต้องรอบรู้ และยังต้องการให้ข้าราชการมีความเป็นกระทรวงการคลังกันมากขึ้น ไม่ใช่ยึดติดกับกรมที่เติบโตมาเป็นหลัก
รมว.คลังว่า ขณะนี้งานของกระทรวงหนักทุกส่วน เพราะยังมีกฎหมายหลายฉบับที่จะออกมาบังคับใช้ ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ช่วยคิด ซึ่ง สศค.ถือว่าเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่การจัดตั้งแล้ว แต่ต้องขึ้นกับรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงในขณะนั้นว่าจะมอบหมายงานให้กับ สศค.อย่างถูกต้องและเหมาะสมตามอำนาจหน้าที่รับผิดชอบมากน้อยแค่ไหนด้วย
ในยุคนี้ตั้งใจจะใช้ สศค.เป็นหน่วยงานหลักของกระทรวงการคลัง เป็นมันสมองคิดริเริ่มโครงการสร้างสรรต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อประเทศ ขณะที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ยังมีความสำคัญมากในภาวะที่รัฐบาลมีเป้าหมายกู้ยืม 1.56 ล้านล้านบาทใน 3 ปีข้างหน้าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตในระดับที่เหมาะสม ทั้งการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลการคลังและกู้เงินตาม พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.จึงถือว่าการบริหารหนี้สำคัญต่อประเทศมาก
ขณะที่กรมจัดเก็บทั้ง 3 นั้น มีบทบาทหน้าที่ของตนเองที่ชัดเจนอยู่แล้ว แต่บางกรมนั้นอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงเพิ่มบทบาทหน้าที่ตามการเปลี่ยนแปลงของประเทศ เช่น กรมสรรพสามิต ที่มีการจัดเก็บนั้นเพียงพอหรือไม่ ทั้งในด้านความโปร่งใสและการจัดเก็บจากราคาหน้าโรงงานจะเอื้อให้เกิดการทุจริตหรือไม่ กรมศุลกากร ที่มีรายได้จากการจัดเก็บภาษีจะลดลงจากการเปิดเสรีทางการค้า จะต้องปรับบทบาทมาเป็นผู้ดูแลการส่งออกและนำเข้า
นายกรณ์กล่าวว่า กรมสรรพากร ซึ่งมีเม็ดเงินภาษีที่จัดเก็บสูงมากอันดับหนึ่งในขณะนี้จะต้องสร้างวัฒนธรรมการเสียภาษีอย่างถูกต้องในวงกว้างโดยต้องเริ่มปลูกฝังในระดับเยาวชนให้มีจิตสำนึกในเรื่องนี้ ขณะที่กรมบัญชีกลางถือว่าเป็นหน่วยงานหลักที่บริหารการเบิกจ่ายงบประมาณ และกรมธนารักษ์ ที่เคยอยู่อย่างเงียบๆ เสมือนไม่มีบทบาทที่เด่นชัด ก็จะถูกกระตุ้นจากโครงการที่ราชพัสดุ 1 ล้านไร่เป็นการบริหารการใช้ทรัพยากรที่ราชพัสดุที่จะทำให้มีบทบาทชัดเจนขึ้น
แหล่งข่าวกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า รัฐมนตรีคลังมีความหนักใจในการโยกย้ายแต่งตั้งครั้งนี้ เพราะไม่เพียงแต่ถูกการเมืองภายในพรรคแต่ยังมีรัฐมนตรีช่วยจากพรรคร่วมรัฐบาลกดดัน ทำให้สัปดาห์ที่ผ่านมาเรื่องดังกล่าวยังไม่เข้า ครม. อย่างไรก็ตาม โผเดิมไม่ถึงกับเปลี่ยนแปลงหลังมีการประสานงานของทีมงานรัฐมนตรีอีกครั้งช่วงสุดสัปดาห์ทีผ่านมา โดยข้าราชการระดับ 10 ตำแหน่งหลักๆ ที่ รมว.คลังมองว่าเหมาะสมที่สุด ประกอบด้วย นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ เป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต นางสุภา ปิยะจิตติ เป็นอธิบดีกรมบัญชีกลาง
"กรมศุลกากรอยู่ระหว่างการตัดสินใจระหว่างนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) หรือนายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) โดยมีนายนริศ ชัยสูตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการ เป็นตัวสอดแทรก" แหล่งข่าวกล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น