กระทรวงคลังชื่นมื่นหลัง ครม.ไฟเขียวโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 ผ่านฉลุย 8 ราย 3 อธิบดีเด้กสร้างตีปีกรับลุยงานใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ บิ๊กถิตย์ " หยอดว่าที่ปลัดปีหน้า “กรณ์” ระบุถึงเวลาวางรากฐานการทำงานข้าราชการป้องกันการเมืองแทรกแซง ยึดคอนเซปต์ คลังยุคใหม่ มืออาชีพ จริงจัง จริงใจ
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารระดับ 10 กระทรวงการคลัง จำนวน 8 ราย ประกอบไปด้วย นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) มาเป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต แทนนางสิรินุช พิศลยบุตร ที่เกษียณอายุราชการ นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เป็นอธิบดีกรมศุลกากร แทนนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ที่เกษียณอายุราชการ นายพงษ์ภาณุ เศวตรรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบัญชีกลาง แทนนายปิยพันธุ์ นิมมานเหมินท์ ที่เกษียณอายุราชการ
พร้อมแต่งตั้ง น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง มาเป็น ผู้อำนวยการ สคร. นายสาธิต รังคสิริ รองปลัดกระทรวงการคลัง มาเป็น ผู้อำนวยการ สศค. นายนริศ ชัยสูตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงการคลัง นางเสาวนีย์ กมลบุตร และนายศุภชัย จงศิริ ผู้ตรวจราชการ มาเป็นรองปลัดกระทรวง
นายกรณ์กล่าวว่า การโยกย้ายในครั้งนี้ ถือว่ามีความสำคัญมากในการเพิ่มบทบาทเพื่อเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงการคลังให้สามารถทำงานเป็นหนึ่งเดียวกันได้ท่ามกลางภาวะที่เกิดปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งถึงเวลาแล้วที่กระทรวงการคลังจะต้องปฏิรูปบทบาทที่ชัดเจนโดยเฉพาะวิธีการจัดเก็บรายได้ของกรมจัดเก็บภาษีทั้ง 3 ที่ต้องดำเนินการปฏิรูปบทบาทที่เหมาะสมของแต่ละกรมตามสถานการณ์ต่อไป
***"พงษ์ภาณุ" สานฝันไทยเข้มแข็ง
โดยในส่วนของนายสมชัยที่ย้ายไปกรมศุลกากรนั้นเชื่อว่าจะสามารถมีวิสัยทัศน์ในการบริหารงานจากประสบการณ์ที่ สศค. เพื่อเชื่อมโยงการค้าการลงทุนจากต่างชาติได้ ขณะที่นายพงษ์ภาณุที่ไปเป็นอธิบดีกรมบัญชีกลางนั้น ถือเป็นบทบาทที่สำคัญในการสานต่อปฏิบัติการไทยเข้มแข็งให้เกิดผลได้อย่างเป็นรูปธรรมภายหลังจากที่ได้ทำหน้าที่ระดมเงินทุนเพื่อใช้สำหรับโครงการนี้ให้แก่รัฐบาล รวมทั้งนายศุภชัยที่จะมาสานต่อเวบไซต์ www.tkk2555.com เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการอย่างใกล้ชิด
“ผู้บริหารทั้ง 8 คนที่ตั้งขึ้นนี้จะเป็นการวางรากฐานของกระทรวงการคลังเพื่อให้สามารถยึดมั่นในหน้าที่และหลักการปฏิบัติโดยให้มีการเมืองแทรกแซงได้น้อยที่สุด เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างวัฒนธรรมของกระทรวงการคลังขับเคลื่อนผลงานในการพัฒนาประเทศได้อย่างชัดเจน ตามคอนเซปต์กระทรวงการคลังยุคใหม่ มืออาชีพ จริงจัง จริงใจ” นายกรณ์กล่าวและว่า ผู้บริหารแต่ละรายควรอยู่ในตำแหน่งอย่างน้อย 2-4 ปีเหมือนในอดีตเพื่อให้การปฏิรูปแต่ละหน่วยงานเป็นรูปธรรมไม่ใช่เปลี่ยนแปลงกันบ่อยเหมือนที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
***"สถิตย์" หยอดว่าที่ปลัด
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ผู้บริหารที่ได้รับการแต่งทั้ง 8 รายล้วนแต่เป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะมาช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางนโยบายการคลังและนโยบายกึ่งการคลังผ่านทางสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ โดยหลังจากนี้สิ่งที่ท้าทายที่สุดคือผู้บริหารกระทรวงการคลังทั้งหมด จะสามารถปฏิบัติตามนโยบายให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดตามที่ได้รับมอบหมาย
“การวางตำแหน่งผู้บริหารระดับ 10 ในครั้งนี้มีความเหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในขณะนี้ 8 ท่านที่ได้มีการแต่งตั้งขึ้นมาทุกคนล้วนมีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นมาเป็นปลัดกระทรวงการคลังแทนผมที่จะเกษียณอายุราชการในปีหน้า” นายสถิตย์กล่าว
นางเสาวนีย์กล่าวว่า ประสบการณ์จากกรมสรรพากรที่ได้ทำงานมากตั้งแต่ปี 2539 ที่ได้วางรากฐานการจัดเก็บภาษีจะนำมาทำให้ดีที่สุดในกรมภาษีอื่น โดยเพิ่มการขยายฐานการจัดเก็บภาษีทั้งในส่วนของผู้เสียภาษีรายใหม่และรายเก่าให้เข้าสู่ระบบภาษีอย่างถูกต้อง
นายอารีพงศ์กล่าวว่า จะตั้งใจทำงานเพื่อปฏิรูปกรมสรรพสามิตให้เกิดความสมดุลจากรายได้จากการจัดเก็บภาษี ความคุ้มค่าที่ประชาชนจ่ายและความเป็นธรรมของผู้ประกอบการและปรับกระบวนการต่างๆ ของกรมให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น
นายพงษ์ภาณุกล่าวว่า การสานต่อการเบิกจ่ายสำหรับงบประมาณไทยเข้มแข็งจะเดินหน้าต่อไปเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวมีความจำเป็นมากควบคู่ไปกับการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี ซึ่งตามแผนที่วางไว้จะต้องเบิกจ่ายให้ได้ 80-90% แต่จะพยายามทำให้ได้มากที่สุดซึ่งถ้าเป็นไปได้จะเร่งรัดการเบิกจ่ายให้ได้ถึง 100% ของงบประมาณ
“กรมบัญชีกลางถือเป็นเสาหลักของกระทรวงการคลังเป็นกรมที่เก่าแก่ที่สุดถึงเวลาที่ต้องมีการปฏิรูปปรับปรุงภาพลักษณ์ให้มีความทันสมัย รวมทั้งการบริหารจัดการเงินสดของภาครัฐผ่านระบบ GFMIS ที่ต้องบูรณาการให้ครอบคลุมการเบิกจ่ายทั้งระบบ รวมทั้งปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ด้านการคลังให้ทันสมัยสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล” นายพงษ์ภาณุกล่าว
นายสมชัยกล่าวว่า การทำงานที่กรมศุลกากรเป็นงานที่ท้าทายแต่มั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการได้อย่างเรียบร้อยและร่วมกันปฏิรูปบทบาทจากกรมจัดเก็บภาษีเพื่อเป็นกรมให้บริการทางการค้าระหว่างประเทศเพื่อให้ผู้ส่งออกและนำเข้าและคู่ค้าได้รับความสะดวกจากบริการของกรมศุลกากร เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจลงทุนของบริษัทต่างชาติที่กำลังหาแหล่งลงทุนได้
แหล่งข่าวกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า 3 อธิบดีใหม่ ประกอบด้วยนายอารีพงศ์ นายสมชัยและนายพงษ์ภาณุ ถือเป็นลูกหม้อและเด็กสร้างที่ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงการคลัง เล็งไว้ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่กระทรวง หลังจากจบการศึกษาจากต่างประเทศ มีการวางยุทธศาสตร์มาตั้งแต่เห็นแววเรียนเก่ง หลังจากเข้ามาทำงานจึงมีพี่เลี้ยงสอนงานพร้อมวางตำแหน่งไว้ในหน่วยงานหลักๆ ของกระทรวง
"ถ้าจะมีการเมืองเข้ามาแทรกแซงก็คงทำอะไรไม่ได้มาก เพราะมีการวางระบบตามสายงานไว้ เพียงแต่รอบนี้ทั้ง 3 คนขึ้นมาเร็วกว่ากำหนดเนื่องจากนายศิโรตม์ สวัสดิพานิชย์ และนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล เด็กสร้างสายจัดเก็บภาษีโดนไล่ออกจากตำแหน่งก่อเกษียณ เพราะพัวพันกับผลประโยชน์นักการเมืองยุคทักษิณ ทำให้ทั้ง 3 คนซึ่งถือว่าอาวุโสน้อย ถูกดันขึ้นมาเร็วกว่าเดิม" แหล่งข่าวกล่าว
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารระดับ 10 กระทรวงการคลัง จำนวน 8 ราย ประกอบไปด้วย นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) มาเป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต แทนนางสิรินุช พิศลยบุตร ที่เกษียณอายุราชการ นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เป็นอธิบดีกรมศุลกากร แทนนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ที่เกษียณอายุราชการ นายพงษ์ภาณุ เศวตรรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบัญชีกลาง แทนนายปิยพันธุ์ นิมมานเหมินท์ ที่เกษียณอายุราชการ
พร้อมแต่งตั้ง น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง มาเป็น ผู้อำนวยการ สคร. นายสาธิต รังคสิริ รองปลัดกระทรวงการคลัง มาเป็น ผู้อำนวยการ สศค. นายนริศ ชัยสูตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงการคลัง นางเสาวนีย์ กมลบุตร และนายศุภชัย จงศิริ ผู้ตรวจราชการ มาเป็นรองปลัดกระทรวง
นายกรณ์กล่าวว่า การโยกย้ายในครั้งนี้ ถือว่ามีความสำคัญมากในการเพิ่มบทบาทเพื่อเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงการคลังให้สามารถทำงานเป็นหนึ่งเดียวกันได้ท่ามกลางภาวะที่เกิดปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งถึงเวลาแล้วที่กระทรวงการคลังจะต้องปฏิรูปบทบาทที่ชัดเจนโดยเฉพาะวิธีการจัดเก็บรายได้ของกรมจัดเก็บภาษีทั้ง 3 ที่ต้องดำเนินการปฏิรูปบทบาทที่เหมาะสมของแต่ละกรมตามสถานการณ์ต่อไป
***"พงษ์ภาณุ" สานฝันไทยเข้มแข็ง
โดยในส่วนของนายสมชัยที่ย้ายไปกรมศุลกากรนั้นเชื่อว่าจะสามารถมีวิสัยทัศน์ในการบริหารงานจากประสบการณ์ที่ สศค. เพื่อเชื่อมโยงการค้าการลงทุนจากต่างชาติได้ ขณะที่นายพงษ์ภาณุที่ไปเป็นอธิบดีกรมบัญชีกลางนั้น ถือเป็นบทบาทที่สำคัญในการสานต่อปฏิบัติการไทยเข้มแข็งให้เกิดผลได้อย่างเป็นรูปธรรมภายหลังจากที่ได้ทำหน้าที่ระดมเงินทุนเพื่อใช้สำหรับโครงการนี้ให้แก่รัฐบาล รวมทั้งนายศุภชัยที่จะมาสานต่อเวบไซต์ www.tkk2555.com เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการอย่างใกล้ชิด
“ผู้บริหารทั้ง 8 คนที่ตั้งขึ้นนี้จะเป็นการวางรากฐานของกระทรวงการคลังเพื่อให้สามารถยึดมั่นในหน้าที่และหลักการปฏิบัติโดยให้มีการเมืองแทรกแซงได้น้อยที่สุด เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างวัฒนธรรมของกระทรวงการคลังขับเคลื่อนผลงานในการพัฒนาประเทศได้อย่างชัดเจน ตามคอนเซปต์กระทรวงการคลังยุคใหม่ มืออาชีพ จริงจัง จริงใจ” นายกรณ์กล่าวและว่า ผู้บริหารแต่ละรายควรอยู่ในตำแหน่งอย่างน้อย 2-4 ปีเหมือนในอดีตเพื่อให้การปฏิรูปแต่ละหน่วยงานเป็นรูปธรรมไม่ใช่เปลี่ยนแปลงกันบ่อยเหมือนที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
***"สถิตย์" หยอดว่าที่ปลัด
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ผู้บริหารที่ได้รับการแต่งทั้ง 8 รายล้วนแต่เป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะมาช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางนโยบายการคลังและนโยบายกึ่งการคลังผ่านทางสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ โดยหลังจากนี้สิ่งที่ท้าทายที่สุดคือผู้บริหารกระทรวงการคลังทั้งหมด จะสามารถปฏิบัติตามนโยบายให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดตามที่ได้รับมอบหมาย
“การวางตำแหน่งผู้บริหารระดับ 10 ในครั้งนี้มีความเหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในขณะนี้ 8 ท่านที่ได้มีการแต่งตั้งขึ้นมาทุกคนล้วนมีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นมาเป็นปลัดกระทรวงการคลังแทนผมที่จะเกษียณอายุราชการในปีหน้า” นายสถิตย์กล่าว
นางเสาวนีย์กล่าวว่า ประสบการณ์จากกรมสรรพากรที่ได้ทำงานมากตั้งแต่ปี 2539 ที่ได้วางรากฐานการจัดเก็บภาษีจะนำมาทำให้ดีที่สุดในกรมภาษีอื่น โดยเพิ่มการขยายฐานการจัดเก็บภาษีทั้งในส่วนของผู้เสียภาษีรายใหม่และรายเก่าให้เข้าสู่ระบบภาษีอย่างถูกต้อง
นายอารีพงศ์กล่าวว่า จะตั้งใจทำงานเพื่อปฏิรูปกรมสรรพสามิตให้เกิดความสมดุลจากรายได้จากการจัดเก็บภาษี ความคุ้มค่าที่ประชาชนจ่ายและความเป็นธรรมของผู้ประกอบการและปรับกระบวนการต่างๆ ของกรมให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น
นายพงษ์ภาณุกล่าวว่า การสานต่อการเบิกจ่ายสำหรับงบประมาณไทยเข้มแข็งจะเดินหน้าต่อไปเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวมีความจำเป็นมากควบคู่ไปกับการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี ซึ่งตามแผนที่วางไว้จะต้องเบิกจ่ายให้ได้ 80-90% แต่จะพยายามทำให้ได้มากที่สุดซึ่งถ้าเป็นไปได้จะเร่งรัดการเบิกจ่ายให้ได้ถึง 100% ของงบประมาณ
“กรมบัญชีกลางถือเป็นเสาหลักของกระทรวงการคลังเป็นกรมที่เก่าแก่ที่สุดถึงเวลาที่ต้องมีการปฏิรูปปรับปรุงภาพลักษณ์ให้มีความทันสมัย รวมทั้งการบริหารจัดการเงินสดของภาครัฐผ่านระบบ GFMIS ที่ต้องบูรณาการให้ครอบคลุมการเบิกจ่ายทั้งระบบ รวมทั้งปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ด้านการคลังให้ทันสมัยสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล” นายพงษ์ภาณุกล่าว
นายสมชัยกล่าวว่า การทำงานที่กรมศุลกากรเป็นงานที่ท้าทายแต่มั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการได้อย่างเรียบร้อยและร่วมกันปฏิรูปบทบาทจากกรมจัดเก็บภาษีเพื่อเป็นกรมให้บริการทางการค้าระหว่างประเทศเพื่อให้ผู้ส่งออกและนำเข้าและคู่ค้าได้รับความสะดวกจากบริการของกรมศุลกากร เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจลงทุนของบริษัทต่างชาติที่กำลังหาแหล่งลงทุนได้
แหล่งข่าวกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า 3 อธิบดีใหม่ ประกอบด้วยนายอารีพงศ์ นายสมชัยและนายพงษ์ภาณุ ถือเป็นลูกหม้อและเด็กสร้างที่ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงการคลัง เล็งไว้ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่กระทรวง หลังจากจบการศึกษาจากต่างประเทศ มีการวางยุทธศาสตร์มาตั้งแต่เห็นแววเรียนเก่ง หลังจากเข้ามาทำงานจึงมีพี่เลี้ยงสอนงานพร้อมวางตำแหน่งไว้ในหน่วยงานหลักๆ ของกระทรวง
"ถ้าจะมีการเมืองเข้ามาแทรกแซงก็คงทำอะไรไม่ได้มาก เพราะมีการวางระบบตามสายงานไว้ เพียงแต่รอบนี้ทั้ง 3 คนขึ้นมาเร็วกว่ากำหนดเนื่องจากนายศิโรตม์ สวัสดิพานิชย์ และนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล เด็กสร้างสายจัดเก็บภาษีโดนไล่ออกจากตำแหน่งก่อเกษียณ เพราะพัวพันกับผลประโยชน์นักการเมืองยุคทักษิณ ทำให้ทั้ง 3 คนซึ่งถือว่าอาวุโสน้อย ถูกดันขึ้นมาเร็วกว่าเดิม" แหล่งข่าวกล่าว
