เอเจนซี - ทีมวิจัยในสหรัฐฯ ระบุในวันอังคาร (1) ว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีแนวโน้มว่าจะไม่ผสมข้ามสายพันธุ์กับไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล จนกลายเป็นไวรัสอันตรายชนิดใหม่อย่างที่มีผู้วิตกกัน
"ไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 อาจจะเก่งกว่าไวรัสไข้หวัดตามฤดูกาล และก็อาจติดต่อแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าด้วย" ดร. แอนโทนี ฟาวซี แห่งสถาบันโรคติดต่อและโรคภูมิแพ้ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติ แถลงถึงผลกวิจัยของทีมงานมหาวิทยาลัยแมริแลนด์ โดยใช้เฟอร์เร็ตเป็นสัตว์ทดลอง
ทั้งนี้ เมื่อทีมวิจัยทดลองทำให้เฟอร์เร็ตติดไวรัสหวัด 2009 พร้อมกับไวรัสหวัดตามฤดูกาลอีกสองชนิด คือ "เอช1เอ็น1" และ "เอช3เอ็น2" ปรากฏว่าไวรัสเหล่านี้ต่างทำให้เฟอร์เร็ตล้มป่วย แต่มีเพียงไวรัสเอช1เอ็น1เท่านั้นที่แพร่ระบาดไปยังเฟอร์เร็ตตัวอื่น
"ไวรัสเอช1เอ็น1ที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกเวลานี้ มีองค์ประกอบเชิงชีววิทยาที่ได้เปรียบไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ในด้านการปรับตัวให้เข้ากับมนุษย์" แดเนียล เปเรซ แห่งมหาวิทยาลัยแมริแลนด์ระบุ
ทีมวิจัยยังพบว่าไวรัสหวัด 2009 ทำให้เฟอร์เร็ตเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่ลึกลงไปจนถึงปอด ในขณะที่ไวรัสหวัดตามฤดูกาลจะอยู่ในทางเดินหายใจบริเวณจมูกเท่านั้น เหล่านี้ก็เป็นอาการแบบเดียวกับที่พบในมนุษย์ซึ่งติดเชื้อเช่นกัน
นอกจากนั้น เมื่อมีสัตว์บางตัวติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลพร้อมๆ กับไข้หวัดใหญ่ 2009 จะเกิดอาการผิดปกติของระบบทางเดินหายใจคู่กับระบบการย่อยอาหาร ทีมวิจัยจึงวางแผนทำการศึกษาต่อว่าอาการที่ผสมกันสองอย่างนี้จะอธิบายถึงการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อไวรัสหวัด 2009 ได้หรือไม่ด้วย
อย่างไรก็ตาม มีข้อสรุปด้วยว่าการให้วัคซีนเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 เป็นสิ่งจำเป็นเพราะขณะนี้ยังไม่มีใครมีภูมิคุ้มกัน และไวรัสดังกล่าวก็แพร่ระบาดเร็วมากและมีอันตรายสูง โดยที่องค์การอนามัยโลกคาดว่าจะมีประชากรโลกราวหนึ่งในสามติดเชื้อดังกล่าว
"ไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 อาจจะเก่งกว่าไวรัสไข้หวัดตามฤดูกาล และก็อาจติดต่อแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าด้วย" ดร. แอนโทนี ฟาวซี แห่งสถาบันโรคติดต่อและโรคภูมิแพ้ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติ แถลงถึงผลกวิจัยของทีมงานมหาวิทยาลัยแมริแลนด์ โดยใช้เฟอร์เร็ตเป็นสัตว์ทดลอง
ทั้งนี้ เมื่อทีมวิจัยทดลองทำให้เฟอร์เร็ตติดไวรัสหวัด 2009 พร้อมกับไวรัสหวัดตามฤดูกาลอีกสองชนิด คือ "เอช1เอ็น1" และ "เอช3เอ็น2" ปรากฏว่าไวรัสเหล่านี้ต่างทำให้เฟอร์เร็ตล้มป่วย แต่มีเพียงไวรัสเอช1เอ็น1เท่านั้นที่แพร่ระบาดไปยังเฟอร์เร็ตตัวอื่น
"ไวรัสเอช1เอ็น1ที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกเวลานี้ มีองค์ประกอบเชิงชีววิทยาที่ได้เปรียบไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ในด้านการปรับตัวให้เข้ากับมนุษย์" แดเนียล เปเรซ แห่งมหาวิทยาลัยแมริแลนด์ระบุ
ทีมวิจัยยังพบว่าไวรัสหวัด 2009 ทำให้เฟอร์เร็ตเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่ลึกลงไปจนถึงปอด ในขณะที่ไวรัสหวัดตามฤดูกาลจะอยู่ในทางเดินหายใจบริเวณจมูกเท่านั้น เหล่านี้ก็เป็นอาการแบบเดียวกับที่พบในมนุษย์ซึ่งติดเชื้อเช่นกัน
นอกจากนั้น เมื่อมีสัตว์บางตัวติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลพร้อมๆ กับไข้หวัดใหญ่ 2009 จะเกิดอาการผิดปกติของระบบทางเดินหายใจคู่กับระบบการย่อยอาหาร ทีมวิจัยจึงวางแผนทำการศึกษาต่อว่าอาการที่ผสมกันสองอย่างนี้จะอธิบายถึงการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อไวรัสหวัด 2009 ได้หรือไม่ด้วย
อย่างไรก็ตาม มีข้อสรุปด้วยว่าการให้วัคซีนเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 เป็นสิ่งจำเป็นเพราะขณะนี้ยังไม่มีใครมีภูมิคุ้มกัน และไวรัสดังกล่าวก็แพร่ระบาดเร็วมากและมีอันตรายสูง โดยที่องค์การอนามัยโลกคาดว่าจะมีประชากรโลกราวหนึ่งในสามติดเชื้อดังกล่าว
