ASTVผู้จัดการรายวัน-เปิดหลักฐานนิติกรรมอำพราง “บิ๊กป๊อด”ติดเชื้อนักการเมือง ตามรอย “ทักษิณ-วันนอร์” สร้างตำนานเครือญาติคนใกล้ชิดโคตรรวย เอกสารกรมที่ดินชัดรีสอร์ทหรูร้อยล้าน ทำด้วยไม้สักทอง สองตำรวจหญิงบุตรสาวพัชรวาทรวยมาจากไหนมีชื่อเป็นเจ้าของ รอป.ป.ช.-กมธ.สภาฯกระชากหน้ากาก ส.ว.ชี้เข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติ
เป็นที่ฮือฮากันไปทั่วประเทศไม่เพียงแต่ในแวดวงการเมือง และวงการสีกากี หลังจากASTVผู้จัดการได้เปิดประเด็นรีสอร์ทหรูของสองบุตรสาวพลเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมูลค่านับร้อยล้านบาท ที่อำเภอบางพลีน้อย จังหวัดสมุทรปราการกับการทิ้งคำถามและประเด็นเพื่อให้ พล.ต.อ.พัชรวาทตอบข้อสงสัยรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เข้าตรวจสอบ
เรื่องนี้ASTVผู้จัดการยังคงเดินหน้าเกาะติดอย่างต่อเนื่องต่อไป ล่าสุดพบข้อเท็จจริงที่ยืนยันว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมูลค่านับร้อยล้านบาทเป็นทรัพย์สินของสองบุตรสาวพล.ต.อ.พัชรวาทจริง จากการตรวจสอบกับกรมที่ดินพบว่า ที่ดินซึ่งมีการสร้างรีสอร์ทบ้านพักสไตล์ทรงไทยประยุกต์ เป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 27976 อยู่ในชื่อของน.ส.นวพร วงษ์สุวรรณ หรือส.ต.ต. (หญิง) นวพร วงษ์สุวรรณ ผู้บังคับหมู่ ฝ่ายการต่างประเทศ 3 กองการต่างประเทศ จำนวน 2 ไร่ 1 งาน 15 ตารางวา มีการรับโอนมาจากนายอวยชัย ศรีแดง เมื่อ 29 มิถุนายน 2549
ขณะที่อีกโฉนดหนึ่งเลขที่ 27975 ที่ดินอยู่ในพื้นที่ติดกัน ก็พบว่า มีการออกโฉนดจำนวน 3 ไร่ 97 ตารางวา โดยมีผู้รับโอนคือ ว่าที่ร.ต.ต.หญิงพัชวา วงษ์สุวรรณ (ยศในปัจจุบัน) เภสัชกร สบ 2 กลุ่มงานเภสัชกรรม รพ.ตำรวจ บุตรสาวคนโตพล.ต.อ.พัชววาท โดยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับน.ส.นวพร เป็นเจ้าของคฤหาสน์รีสอร์ทหรูดังกล่าว ผู้โอนที่ดินให้คือ พ.ต.ท.พิทักษ์ ศรีแดง โอนเมื่อ 18 มีนาคม 2552 ซึ่งก็เพิ่งผ่านมาแค่ 7 เดือนนี้เอง
เป็นที่น่าสังเกตว่า การโอนที่ดินทั้งสองครั้งในเวลาต่างกัน2ปี โดยการซื้อขายที่ดินครั้งแรกเกิดขึ้นในปี49 ขณะที่พล.ต.อ.พัชรวาทดำรงตำแหน่งเป็นรองผบ.ตร. รับผิดชอบงานบริหาร และเป็นช่วงเวลาที่ถูกสอบกรณีใช้งบประสัมพันธ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติจำนวน 18 ล้านบาทเศษ ผิดระเบียบ ส่อไปในทางทุจริต ที่ล่าสุดมีคำสั่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงหลังรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเตะถ่วงเรื่องไว้นานหลายเดือนเพื่อให้ความช่วยเหลือกัน ส่วนการซื้อที่ดินครั้งที่สองพล.ต.อ.พัชรวาทเป็นผบ.ตร.แล้ว
แต่อย่างไรก็ตามการซื้อที่ดินทั้งสองครั้งไม่ปรากฏว่า เป็นการซื้อขายผ่านสถาบันการเงินใด จึงเท่ากับเป็นการซื้อที่ดินทั้งสองแปลงด้วยเงินสดของบุตรสาวพล.ต.อ.พัชรวาทเอง จึงเป็นเหตุน่าสงสัยและจะต้องตรวจสอบต่อไปว่า ทั้งสองคนมีเงินจำนวนมากขนาดนี้มาจากไหน ทั้งที่ทั้งสองคนเพิ่งทำงาน คนหนึ่งเงินเดือนอย่างมากหมื่นกว่าบาท เท่านั้น แต่กลับมีเงินสดนับล้านซื้อที่ดินได้
จึงควรเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายจะต้องลงมาตรวจสอบเรื่องนี้ เพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏชัดว่ามีการทำธุรกรรมต่างๆ ทั้งการซื้อขายที่ดินทั้งหมด ความเป็นเจ้าของที่แท้จริงของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของรีสอร์ทดังกล่าว การแจ้งบัญชีทรัพย์สินของพล.ต.อ.พัชรวาท เพื่อให้ทุกอย่างมีคำตอบให้กับสังคม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องการใช้ “นอมินี”เพื่อตบตาในการทำนิติกรรมหรือธุรกรรมอำพรางนั้น เป็นสูตรสำเร็จที่ใช้กันทั่วไปในแวดวงการเมืองและธุรกิจทั่วโลก เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายต่างๆ เช่นการเสียภาษี การแจ้งบัญชีทรัพย์สิน โดยในประเทศไทยก็มีตัวอย่างให้พบเห็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะกับกรณีสุดคลาสสิคของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ใช้นอมินีถือหุ้นให้กับตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายและข้อห้ามต่างๆ ทางการเมือง ซึ่งไม่ใช่แค่นอมินีภายในครอบครัวที่ทักษิณให้บุตรชายบุตรสาวทั้งสามคนถือหุ้นให้แล้วตัวเองกับพจมาน ดามาพงษ์บริหารบริษัทและกอบโกยผลประโยชน์อยู่ข้างหลังทั้งกรณีหุ้นชินคอรป์-หุ้นแอมเพิล ริช แต่ถึงขั้นใช้นอมินีอย่างคนใช้ในบ้าน-คนขับรถถือหุ้นชินคอร์ปให้ในช่วงเล่นการเมือง จนกลายเป็นตำนาน คนใช้-คนขับรถรวยที่สุดในโลกมาแล้ว
นอกจากนี้ยังมีกรณีของนาย วันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตรมว.มหาดไทย-รมว.คมนาคมที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับการยอมรับจากสังคมว่าเป็นนักการเมืองสมถะ สันโดษ ก็ยังเคยเป็นที่ฮือฮามาแล้วกับเรื่องถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ และนาย วีระ สมความคิด เลขาธิการคปต.ได้ยื่นเรื่องถอดถอนต่อป.ป.ช.กรณีปกปิดบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน ซึ่งจนถึงขณะนี้เรื่องก็ยังไม่เสร็จสิ้น ทั้งที่ใช้เวลาการตรวจสอบนานหลายปีแล้ว
แม้ล่าสุดเมื่อ9 พฤศจิกายน 2549 คณะกรรมการป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน ได้มีการนำสำนวนเรื่องนี้กลับมาตั้งอนุกรรมการไต่สวนใหม่อีกครั้ง โดยตั้งประเด็นการสอบสวนคือกรณีจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายโดยยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จและร่ำรวยผิดปกติ โดยมี นาย กล้าณรงค์ จันทิก เป็นประธานหลังจากก่อนหน้านั้นป.ป.ช.ชุดเก่าที่มีนางฤดี จิวาลักษณ์เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนได้สรุปผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า
เรื่องร้องเรียนมีมูล ทำให้ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันเข้ามารับไม้ต่อ แต่พบว่าจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีของ”วันนอร์”มีความน่าสนใจไม่น้อย กับการเปิดเผยข้อมูลของฝ่ายค้านที่นำไปอภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏรว่านายวันนอร์ขณะดำรงตำแหน่งรมว.มหาดไทย พบว่าคนใกล้ชิดคือนาย กิตติศักดิ์ วัฒนาทรซึ่งมีศักดิ์เป็นหลาน มีทรัพย์สินมูลค่าร่วม 20 ล้านบาท
อาทิ 1.รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสคลาส 230 ราคา 4 ล้านบาท 2.รถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน 3.ห้องชุดริมหาดจอมเทียนคอนโดมิเนียม 4 ยูนิตที่พัทยา ราคา 1.7 ล้านบาท 4.บ้านและที่ดิน 8 แปลง (บ้านอาจารย์วัน) มูลค่า 11.4 ล้านบาท ที่โบนันซ่าแรนซ์ เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
โดยประเด็นข้อสงสัย ก็คือซึ่งจากการตรวจสอบประวัติการเสียภาษีย้อนหลังของกิตติศักดิ์ มีข้อน่าสงสัยคือพบว่านายกิตติศักดิ์มีการเสียภาษีไม่เกิน หกแสนบาทแต่มีเงินสดนำไปซื้อคอนโดฯราคา 1.7 ล้านบาทด้วยเงินสด ในตอนอายุ 26 ปี จึงทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่า นายกิตติศักดิ์ซึ่งเริ่มมาช่วยงานและติดตามนายวันนอร์ฯตั้งแต่สมัยเป็นรมว.คมนาคมและมีชื่ออยู่ในทะเบียบบ้านวันนอร์ฯไม่น่าจะมีเงินซื้อคอนโดมิเนียมดังกล่าวได้
จึงเป็นที่สงสัยว่า นายกิตติศักดิ์เป็นเจ้าของทรัพย์สินมูลค่ามากมายได้อย่างไร และเป็นไปได้ว่านายกิตติศักดิ์อาจไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินดังกล่าวจริง แต่เป็นการถือครองแทนผู้อื่นซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเป็นการถือครองทรัพย์สินแทนใครหรือไม่ ซึ่งคนที่ถูกสงสัยก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากนายวันนอร์ฯนั่นเอง
เพราะพบว่านายวันนอร์ฯได้แจ้งรายการทรัพย์สินกับป.ป.ช.ตอนเข้ารับตำแหน่งรมว.มหาดไทยว่า มีทรัพย์สิน 15.4 ล้านบาท และมีบ้าน 1 หลัง คือ บ้านเลขที่ 50/146 หมู่ที่ 8 ถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรีจึงทำให้มีการนำเรื่องนี้ไปขยายผลจนนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ และยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.สอบสวนอยู่ในตอนนี้
ดังนั้น กรณีของพล.ต.อ.พัชรวาทกับเรื่องข้อสงสัยของสังคมในเรื่องที่มาที่ไปของรีสอร์ทหรูราคานับร้อยลานบาท แม้จะเป็นชื่อของบุตรสาวพล.ต.อ.พัชรวาทที่เป็นตำรวจหญิง แต่ก็ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้เช่นกันว่า ทั้งสองคนเป็นเจ้าของที่แท้จริงหรือไม่ และนำเงินจากไหนมาซื้อที่ดินและลงทุนทำรีสอร์ทดังกล่าวซึ่งไม่ใช่แหล่งพักผ่อนท่องเที่ยว รวมถึงข้อสงสัยในเรื่องการทำสัญญาเช่าเป็นรายปีปีละ 3 แสนบาทให้กับผู้เช่าซึ่งจะต้องเป็นแต่ตำรวจระดับผู้กำกับการเท่านั้น ถึงจะเช่าได้
จึงควรที่ทั้งป.ป.ช.และหน่วยงานต่างๆ เช่นกมธ.ป.ป.ช.สภาผู้แทนราษฎร จะต้องเข้าไปตรวจสอบ เมื่อพบว่าพฤติการณ์ข้อสงสัยทั้งหมด ในกรณีของพล.ต.อ.พัชรวาท ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเรื่องนอมินีและการทำธุรกรรมอำพรางของนักการเมืองหลายต่อหลายคนทั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่ถูกป.ป.ช.เข้าไปสอบสวน เรื่องการปกปิดบัญชีทรัพย์สิน
แล้วเหตุใด จะปล่อยให้ข้อเคลือบแคลงของพล.ต.อ.พัชรวาทลอยนวลไปได้
**ส.ว.ชี้ ป.ป.ช.มีอำนาจสอบ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. มีธุรกิจรีสอร์ท ให้เช่าพักย่านบางพลีน้อย อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ถึง 12 ไร่ มูลค่ารวมทั้งสิ่งปลูกสร้างประมาณ 100 ล้านบาทว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่ตนไม่มีสิทธิ์เข้าไปตรวจสอบ เพราะมีปัญหาตรงที่ว่า กฎหมายไม่ได้ให้เปิดบัญชีทรัพย์สินของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แต่ที่สามารถเปิดบัญชีทรัพย์สินดูได้ มีเพียงนายกฯ , ครม., ส.ส. และส.ว.เท่านั้น และอีกอย่างตนไม่มีข้อมูล และหลักฐาน หากร้องเรียนไปก็เสียเวลาเปล่า เพราะไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะเอาผิดเขา
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าตนจะยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่ได้ แต่ประชาชนผู้ที่เห็นว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสม และมีหลักฐาน ก็สามารถร้องเรียนมายัง ป.ป.ช.ได้ หรือเจ้าหน้าที่ป.ป.ช. เห็นว่าเรื่องนี้มีมูล ก็สามารถหยิบขึ้นมาพิจารณา เพราะเป็นอำนาจของป.ป.ช. ที่จะเข้าไปตรวจสอบ และสามารถขอข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ อาทิ กรมสรรพากร
"จากที่ผมได้อ่านข่าวแล้ว รู้สึกว่าเป็นข้าราชการแท้ๆ ทำไมมีเงินไปลงทุนรีสอร์ทใหญ่ได้ขนาดนี้ เอาเงินมาจากไหนมาสร้างกันแน่ ซึ่งก็น่าสนใจเหมือนกัน ทั้งนี้หากป.ป.ช. ตรวจสอบจะต้องไปดูข้อมูลว่าขณะนี้ พล.ต.อ.พัชวาทได้โอนที่ดิน และรีสอร์ท ดังกล่าวให้ลูกสาวทั้ง 2 คนจริงหรือไม่ แต่ถ้ายังไม่โอน ก็ต้องตรวจสอบว่าได้เงินมาจากไหน อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ผมคิดว่าอาจเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติได้" นายเรืองไกรกล่าว
**ป.ป.ช.ไม่เปิดเผยทรัพย์สินพัชรวาท
ด้านกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช. กล่าวว่า ข้าราชการระดับสูง ตั้งแต่ระดับปลัดขึ้นไป ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อป.ป.ช. แต่ทางป.ป.ช.ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากกฎหมทายได้ห้ามไว้ ยกเว้นแต่มีคำสั่งศาล หรือมีการไปร้องขอต่อศาลให้เปิดเผย ในกรณีที่มีเหตุ
อย่างไรก็ตาม หากมีการพบว่าข้าราชการระดับสูงท่านใด ร่ำรวยผิดปกติ ป.ป.ช.สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ หากมีผู้แจ้ง หรือมีข้อมูลทางด้านสื่อสารมวลชน ส่วนกรณี พล.ต.อ.พัชรวาท ส่อว่า ร่ำรวยผิดปกติ ตามที่เป็นข่าวนั้น ตนยังไม่เห็นรายละเอียด
ตะลึง! รีสอร์ตหรู “ป๊อด” ใส่ชื่อลูกสาว เมมเบอร์ 3 แสน-ขายตรงผู้กำกับ