xs
xsm
sm
md
lg

อสังหาฯแนะรัฐแก้กม.ดึงทุนนอก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-บริษัทที่ปรึกษาระดับชาติ ซีบี ริชาร์ดฯ แนะรัฐรวมศูนย์หน่วยงานรัฐ เพื่อลดปัญหาและอุปสรรค์ เชื่อกม.ภาษีที่ดินฯเกิดยาก ด้านบิ๊กพฤกษาฯ ชี้หากเศรษฐกิจโลกฟื้น ไทยได้ลุ้นแน่! ขณะที่วงการท่องเที่ยวปรับกลยุทธ์วุ่น วอนการเมืองนิ่งเสียที ตลาดท่องเที่ยวจะได้ฟื้นตัว ค่ายซีพีแลนด์ฯ ใส่เกียร์ถอยลงทุนโครงการอสังหาฯมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท พร้อมปรับทิศ ไล่ซื้ออาคารสำนักงาน-โรงแรม รองรับรายได้ระยะยาว

วานนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ จัดงานสัมมนาใหญ่ประจำปี SCB Conference on the Economy : SCB ACE หัวข้อ กลยุทธ์หลังวิกฤติ ทิศทางปี 2553 โดยมีผู้บริหารระดับสูงภาคเอกชนขนาดใหญ่ร่วมเสวนา

อสังหาฯแนะรวมศูนย์แก้ปัญหา
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าเชื่อว่าในหน้าภาวะเศรษฐกิจของไทยจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยจะเติบโตแบบช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป แต่จะโตแบบมั่นคง และเชื่อวาจะไม่ปรับตัวลดลงอีก แต่อย่างไรก็ตาม การเมืองยังคงเป็นปัญหาต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ดังนั้น รัฐบาลควรจะควบคุมให้ดี
สำหรับปัจจัยที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนคือนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีหลายหนทางมากที่จะช่วยให้ภาค อสังหาฯมีการเติบโต แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีอุปสรรค์ในเรื่องของการมีหน่วยงานที่ดำเนินการเกี่ยวกับอสังหาฯกระจายอยู่หลายแห่ง ทำให้การออกนโยบายหรือมาตรการแต่ละครั้ง จะเป็นแบบต่างคนต่างทำ ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาหรือการพัฒนาแบบยั่งยืนไม่เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นได้ต่างจากในต่างประเทศที่นโยบายด้านอสังหาฯ จะมาจากหน่วยงานเดียวกัน ทำให้การขับเคลื่อนจึงเป็นทิศทางเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังมีอุปสรรค์ในเรื่องของกฎหมาย ที่มีข้อบังคับที่ต่างไปจากประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องของการให้เช่าซื้ออสังหาฯ เพียง 30 ปี ซึ่งทำให้ความน่าสนใจต่ออสังหาฯไทยลดน้อยลงในสายตาของชาวต่างชาติ อีกทั้ง ยังมีประเด็นสัดส่วนการซื้อห้องชุดที่กฎหมายกำหนดให้เพียง 49% ของจำนวนยูนิตที่ขายทั้งหมด ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ควรจะแก้ให้มีการเช่าที่ยาวขึ้น และให้ต่างชาติซื้อได้มากขึ้น ทั้งนี้ การแก้กฎหมายทั้งสองได้มีการพูดคุยกันมาเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ส่วนกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ก็เชื่อว่าจะเกิดขึ้นยากเช่นกัน
นางสาวอลิวัสสา กล่าวต่อว่า สำหรับตลาดที่มีการเติบโตที่ดีอยู่ในปี 2553 คือ บ้านระดับกลางถึงล่าง ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลของบริษัทพบว่า คอนโดมิเนียมที่ขายดี คือระดับราคา 8 หมื่นบาท ถึง 1 แสนบาทต่อตารางเมตร
โดยต้นทุนด้านพลังงานหรือราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นจุดตั้งต้นของค่าใช้จ่ายอื่นๆ จะเป็นตัวชี้นำการซื้อที่อยู่อาศัยของคนไทย ซึ่งจะทำให้คนไทยหันมาอยู่อาศัยในเมืองมากยิ่งขึ้น อยู่บ้านหลังเล็กลง เพื่อลดค่าใช่จ่ายในการดูแลรักษา
ด้านนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของไทย จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและส่งผลให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย และการซื้อบ้านของผู้บริโภค ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรคำนึงถึงเหตุผลในการซื้อบ้านของผู้บริโภค ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งผู้ประกอบการควรมีการศึกษาและวิจัยก่อนลงทุน  
ทั้งนี้ นอกจากทำเล ราคา การออกแบบ และคุณภาพสินค้าแล้ว ปัจจุบันผู้บริโภคยังคำนึงถึงแบรนด์สินค้า ความน่าเชื่อถืออีกด้วย นอกจากนี้การบริการยังเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหัวใจของการขายบ้าน

ท่องเที่ยวลุ้นการเมืองนิ่ง

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เดิมแผนการท่องเที่ยวที่ผ่านมาจะมุ่งเน้นในเรื่องปริมาณและมูลค่า ซึ่งในปีที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศกว่า 14.5 ล้านคน เม็ดเงินการท่องเที่ยวกว่า 5 แสนล้านบาท แต่หลังเกิดสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลก บวกกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ดังนั้นในปีนี้จึงได้มีการปรับเป้าหมายการดำเนินงานกันใหม่ โดยมุ่งเน้นในเรื่องของคุณภาพเป็นที่ตั้ง ซึ่งจะตามมาด้วยมูลค่าตลาดหากเรามีคุณภาพดี
อย่างไรก็ตามจะพบว่าปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวตกลงไปมาก ดังนั้นทางททท. จึงได้มีการลงทุนพัฒนาระบบเว็บไซต์ อินเทอร์เน็ตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวไทยจำนวนกว่า 70 เว็บไซต์ มาขึ้นตรงเป็นเว็บไซต์เดียว โดยชื่อเว็บไซต์นั้น ยังไม่ได้ตกลงว่าจะใช้ชื่อใด ซึ่งการรวมเว็บไซต์ครั้งนี้เพื่อสะดวกในการหาข้อมูลของนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันยังจะมีการจัดแปลภาษาต่างๆให้มากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้รู้จักประเทศไทยและเข้ามาท่องเที่ยวต่อไป
ทั้งนี้ทาง ททท. พร้อมเดินหน้าฟื้นฟูการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักให้มากยิ่งขึ้น จากจำนวนแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยกว่า 5,000 แห่ง ขณะที่กลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวจะโฟกัสใน 4 กลุ่มหลัก คือ 1. กลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศ กับโครงการ ไทยเที่ยวไทย ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก 2.กลุ่มนักท่องเที่ยวเดิมที่นิยมมาเที่ยวในประเทศไทย โดยใช้เว็บไซด์เป็นเครื่องมือใหม่ในการเข้าถึงมากขึ้น 3. กลุ่มนิวอีโคโนมี่ เช่น รัสเซีย อินเดีย จีน จะเน้นด้านภาษาของแต่ละประเทศในการสื่อสารชวนมาเที่ยวประเทศไทย และ4.กลุ่มShot haul เพราะมองว่ากลุ่มนี้มีศักยภาพ ซึ่งความสำเร็จของท่องเที่ยวจะเกิดขึ้นได้จะต้องเชื่อม 4 ฝ่ายเข้าด้วยกัน คือ ภาครัฐ เอกชนชุมชนและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเข้าด้วยกัน ซึ่งในไตรมาสสี่หากการเมืองนิ่ง เชื่อว่า การท่องเที่ยวจะฟื้นกลับคืนมาแน่นอน เพราะปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณการจองบุ๊กกิ้งเข้าพักโรงแรมเพิ่มสูงขึ้นแล้ว
นางปรารถนา มงคลกุล ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์ เนชั่นแนล ซึ่งเป็นตัวแทนในภาคส่วนของโรงแรม ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นถึงแนวโน้มการท่องเที่ยวไทยหลังจากนี้ด้วยว่า ครึ่งปีหลังนี้เริ่มเห็นสัญญาณว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้น ขณะที่ราคาห้องพักยังต่ำอยู่อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์ทางการเมืองนิ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงแรมดีขึ้น
นายชนินทร์ โทณวณิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ. ดุสิตธานี กล่าวเสริมว่า ปัจจุบัน ปัญหาการลดราคาห้องพักมีสูง โรงแรมแข่งขันกันเอง ส่งผลให้บางส่วนแบกรับต้นทุนไม่ไหว ต้องมีการประกาศเลิกจ้างพนักงาน เช่น โรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนพัทยาค่อนข้างแย่ เพราะเจอเหตุการณ์ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ บวกกับเป็นพื้นที่แรกที่เจอไข้หวัด 2009 จึงยังไม่ค่อยฟื้น นักท่องเที่ยวยังน้อยอยู่ แต่ภูเก็ตกลับดีมาก เหตุมีสายการบินบินตรง จึงทำให้การท่องเที่ยวค่อนข้างดี โดยในกรุงเทพ มองว่ายังไปได้อยู่ หากไม่เกิดปัญหาอพาร์ทเม้นท์ให้เช่ารายวัน มาแย่งชิงรายได้การเข้าจองห้องพัก ก็น่าจะดีกว่านี้ ทั้งนี้มองว่าถ้าการเมืองนิ่ง จะทำให้ท่องเที่ยวกลับมาดีขึ้น

ซีพีชะลอโครงการอสังหาฯรอศก.ฟื้น

วานนี้ ( 1 ก.ย.) ทีมผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้พบปะสื่อมวลชนในงาน "คุยกับ ซี.พี.ครั้งที่ 3/2552-เศรษฐกิจ ธุรกิจไทย ไตรมาสสุดท้ายปี 2552 " โดยนายสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่ดิน บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ทางกลุ่มได้ตัดสินใจชะลอการพัฒนาโครงการเพื่อขาย ซึ่งได้แก่ โครงการคอนโดฯ เดอะเฌอ พัทยา บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ , โครงการที่จ.สุราษฎร์ธานี และโครงการบริเวณมีนบุรี กรุงเทพฯ รวมทั้ง 3 โครงการกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อรอภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น
“โครงการที่หยุดไปเรารอให้สภาพเศรษฐกิจดีขึ้น แต่ทางบริษัทปรับทิศทางใหม่ หันไปลงทุนซื้อโครงการอสังหาฯที่พัฒนาแล้วเสร็จ เพื่อรองรับรายได้ระยะยาว โดยใกล้ได้ข้อสรุปการเจรจาซื้ออาคารสำนักงานในเขตใจกลางเมือง 2 แห่งบริเวณสีลมและสาทร นอกจากนี้ ได้เจรจาซื้อโรงแรม 3-4 แห่งระดับ 4 ดาวในต่างจังหวัด ซึ่งจะเป็นรูปแบบรีสอร์ตแล้วนำมาพัฒนาต่อ ”
ล่าสุดได้ซื้อทรัพย์จากกองทุนรวมอสังหาฯพญา ซึ่งเป็นอาคารสำนักงาน(เป็นที่ตั้งสาขาธนาคารทหารไทยอยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์และอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสราชเทวี) คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงเดือนเม.ย.ปี 53
นายสุนทรกล่าวถึงแผนระดมทุนว่า มีแผนที่จะนำบริษัท ซีพี พลาซ่า จำกัด และบริษัท ซีพี แลนด์ฯ ควบรวมกิจการเพื่อนำเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีบริษัท แอสเซทพลัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งมีความคืบหน้าในเรื่องข้อมูลและแผนการไปกว่า 50% อนึ่ง บริษัท ซีพี พลาซ่าฯมีทุนจดทะเบียน 1,100 ล้านบาท และซีพี แลนด์ฯทุนจดทะเบียน2,500 ล้านบาท และมีแผนจะเพิ่มทุนอีก 1,000 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น