ASTVผู้จัดการรายวัน – ส.การตลาดฯ ชี้ เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 เริ่มฟื้น ภาครัฐอัดฉีดงบกระตุ้นเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นคนไทยเริ่มฟื้น แนะกลยุทธ์การตลาดทัพสินค้าโฟกัส ”โพซิชันนิ่ง” รับมือการแข่งขันเดือด การตลาดเปลี่ยน เกิดวิกฤต ทางรอดฝ่ายุคเศรษฐกิจถดถอย ระบุตลาดอุปโภคบริโภคปีนี้โต 6%
นายสมบุญ ประสิทธิ์จูตระกูล นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ เริ่มมีสัญญาณดีขึ้นในหลายปัจจัยด้วยกัน ทั้งจากรัฐบาลอัดฉีดงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากโครงการไทยเข้มแข็ง ผู้บริโภคมีความมั่นใจและออกมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานี้ และการส่งออกเริ่มฟื้นดีขึ้นตามลำดับ จากสถานการณ์ในตลาดต่างประเทศที่เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะอเมริกา และประเทศจีน ทั้งนี้คาดว่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงครึ่งปีหลัง เติบโต 6-7% จากเมื่อช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาตลาดเติบโต 5.5% และทั้งปีตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคเติบโต 6%
“ที่ผ่านมาผมมองว่า เศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่ที่การขับเคลื่อนของภาคเอกชน การผลักดันจากทางรัฐบาลเป็นส่วนน้อย ขอเพียงให้สถานการณ์การเมืองนิ่งอย่างเดียว และการเมืองไม่เปลี่ยนมือบ่อยเพื่อสานต่อโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว แต่สถานการณ์ขณะนี้ ขึ้นอยู่ที่ภาครัฐจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของประเทศไทยกลับมาได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งคงต้องขึ้นอยู่กับการวางโพซิชันนิ่ง แต่อยากให้ภาครัฐช่วยผลักดันกฎเกณฑ์ด้านการส่งออก เพื่อให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้”
***แนะกลยุทธ์รับมือตลาดดี-วิกฤต***
นายสมบุญ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์พื้นฐานของนักการตลาด คือ ต้องหาจุดอ่อนของคู่แข่ง และนำเสนอทางเลือกที่ดีกว่า ซึ่งหากเป็นสินค้าที่มีอยู่ในตลาด ต้องดำเนินการปรับตำแหน่งการตลาดใหม่ ในขณะที่สินค้าใหม่ต้องวางตำแหน่งการตลาดให้แม่นยำ
การใช้กลยุทธ์ราคาหรือก๊อปปี้การตลาดไม่ใช่เป็นสูตรสำเร็จของการทำตลาดในยุคที่ภาวะเศรษฐกิจผกผัน
“ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผู้บริโภคจะเลือกซื้อสินค้าที่คุ้นเคย ดังนั้นนักการตลาดที่เปิดตัวสินค้าใหม่ ต้องวางตำแหน่งสินค้า และนำเสนอจุดขายที่ชัดเจน ซึ่งคอนเซปต์ดังกล่าว สามารถใช้รองรับกับสภาพการแข่งขันของตลาดที่มีความรุนแรง การตลาดที่เปลี่ยนแปลง หรือกระทั่งการตลาดที่เกิดวิกฤต”
อย่างไรก็ตามในสภาพเศรษฐกิจถดถอยปีนี้ นักการตลาดวางการตลาดไว้ 2 แนวทาง คือ แผนรองรับกับสถานการณ์ที่ดีและไม่ดีไปพร้อมๆ กัน อาทิ ในสถานการณ์ตลาดที่ดี ในสภาพตลาดที่มีอัตราการเติบโต การทำตลาดต้องกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายจับจ่ายใช้สอย หรือเข้าไปเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ส่วนในภาวะตลาดทรงตัว
ก็ต้องเน้นการรักษาส่วนแบ่งและขณะเดียวกันต้องช่วงชิงส่วนแบ่งจากคู่แข่ง
สำหรับในช่วงไตรมาส 4 กลยุทธ์ ลด แลก แจก แถม หรือการทำโปรโมชัน คงหนีไม่พ้นสำหรับแบรนด์ที่ยอดขายไม่ดีมากนัก ทั้งนี้เพื่อรองรับกับกำลังการซื้อที่จะดีขึ้น ขณะที่แบรนด์แข็งแกร่งกว่า อาจมีการทำโปรโมชันเล็กน้อยเพื่อรองรับกับการแข่งขัน และคงฉกฉวยการตลาดโดยสร้างแบรนด์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อแบรนด์ในระยะยาวมากกว่า
การใช้กลยุทธ์ราคาหรือทำโปรโมชันเพียงอย่างเดียว
***สิงห์ชี้อย่าแตะเบรกหรือเหยียบคันเร่ง***
นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีมากนัก แต่บางธุรกิจก็ได้รับผลกระทบมาก และบางธุรกิจก็ไม่ได้รับผลกระทบ สิ่งสำคัญ คือ การทำตลาดแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ห้ามหยุดทำตลาดและอย่าทำแบบรีบเร่งเกินไป ต้องรอดูจังหวะที่ดีและดำเนินการตลาดในเชิงรุก
แต่เชื่อว่าสถานการณ์ในช่วงปลายปีนี้ น่าจะฟื้นดีขึ้นจากการเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปลายปี
อาจารย์ชลิต ลิมปนะเวช คณบดี คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า จากรายงานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มดีขึ้น และผู้บริโภคก็ออกมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคน่าจะฟื้นดีขึ้น ขณะที่ด้านการส่งออก มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหลือเพียงแต่ธุรกิจท่องเที่ยวเท่านั้น
ซึ่งพบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 70% มาจากการเมืองไทยขาดเสถียรภาพ การปิดสนาม การเกิดจลาจลเดือนเมษายน และล่าสุดการแพร่ระบาดไข้หวัด 09
นายสมบุญ ประสิทธิ์จูตระกูล นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ เริ่มมีสัญญาณดีขึ้นในหลายปัจจัยด้วยกัน ทั้งจากรัฐบาลอัดฉีดงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากโครงการไทยเข้มแข็ง ผู้บริโภคมีความมั่นใจและออกมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานี้ และการส่งออกเริ่มฟื้นดีขึ้นตามลำดับ จากสถานการณ์ในตลาดต่างประเทศที่เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะอเมริกา และประเทศจีน ทั้งนี้คาดว่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงครึ่งปีหลัง เติบโต 6-7% จากเมื่อช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาตลาดเติบโต 5.5% และทั้งปีตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคเติบโต 6%
“ที่ผ่านมาผมมองว่า เศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่ที่การขับเคลื่อนของภาคเอกชน การผลักดันจากทางรัฐบาลเป็นส่วนน้อย ขอเพียงให้สถานการณ์การเมืองนิ่งอย่างเดียว และการเมืองไม่เปลี่ยนมือบ่อยเพื่อสานต่อโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว แต่สถานการณ์ขณะนี้ ขึ้นอยู่ที่ภาครัฐจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของประเทศไทยกลับมาได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งคงต้องขึ้นอยู่กับการวางโพซิชันนิ่ง แต่อยากให้ภาครัฐช่วยผลักดันกฎเกณฑ์ด้านการส่งออก เพื่อให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้”
***แนะกลยุทธ์รับมือตลาดดี-วิกฤต***
นายสมบุญ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์พื้นฐานของนักการตลาด คือ ต้องหาจุดอ่อนของคู่แข่ง และนำเสนอทางเลือกที่ดีกว่า ซึ่งหากเป็นสินค้าที่มีอยู่ในตลาด ต้องดำเนินการปรับตำแหน่งการตลาดใหม่ ในขณะที่สินค้าใหม่ต้องวางตำแหน่งการตลาดให้แม่นยำ
การใช้กลยุทธ์ราคาหรือก๊อปปี้การตลาดไม่ใช่เป็นสูตรสำเร็จของการทำตลาดในยุคที่ภาวะเศรษฐกิจผกผัน
“ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผู้บริโภคจะเลือกซื้อสินค้าที่คุ้นเคย ดังนั้นนักการตลาดที่เปิดตัวสินค้าใหม่ ต้องวางตำแหน่งสินค้า และนำเสนอจุดขายที่ชัดเจน ซึ่งคอนเซปต์ดังกล่าว สามารถใช้รองรับกับสภาพการแข่งขันของตลาดที่มีความรุนแรง การตลาดที่เปลี่ยนแปลง หรือกระทั่งการตลาดที่เกิดวิกฤต”
อย่างไรก็ตามในสภาพเศรษฐกิจถดถอยปีนี้ นักการตลาดวางการตลาดไว้ 2 แนวทาง คือ แผนรองรับกับสถานการณ์ที่ดีและไม่ดีไปพร้อมๆ กัน อาทิ ในสถานการณ์ตลาดที่ดี ในสภาพตลาดที่มีอัตราการเติบโต การทำตลาดต้องกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายจับจ่ายใช้สอย หรือเข้าไปเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ส่วนในภาวะตลาดทรงตัว
ก็ต้องเน้นการรักษาส่วนแบ่งและขณะเดียวกันต้องช่วงชิงส่วนแบ่งจากคู่แข่ง
สำหรับในช่วงไตรมาส 4 กลยุทธ์ ลด แลก แจก แถม หรือการทำโปรโมชัน คงหนีไม่พ้นสำหรับแบรนด์ที่ยอดขายไม่ดีมากนัก ทั้งนี้เพื่อรองรับกับกำลังการซื้อที่จะดีขึ้น ขณะที่แบรนด์แข็งแกร่งกว่า อาจมีการทำโปรโมชันเล็กน้อยเพื่อรองรับกับการแข่งขัน และคงฉกฉวยการตลาดโดยสร้างแบรนด์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อแบรนด์ในระยะยาวมากกว่า
การใช้กลยุทธ์ราคาหรือทำโปรโมชันเพียงอย่างเดียว
***สิงห์ชี้อย่าแตะเบรกหรือเหยียบคันเร่ง***
นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีมากนัก แต่บางธุรกิจก็ได้รับผลกระทบมาก และบางธุรกิจก็ไม่ได้รับผลกระทบ สิ่งสำคัญ คือ การทำตลาดแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ห้ามหยุดทำตลาดและอย่าทำแบบรีบเร่งเกินไป ต้องรอดูจังหวะที่ดีและดำเนินการตลาดในเชิงรุก
แต่เชื่อว่าสถานการณ์ในช่วงปลายปีนี้ น่าจะฟื้นดีขึ้นจากการเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปลายปี
อาจารย์ชลิต ลิมปนะเวช คณบดี คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า จากรายงานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มดีขึ้น และผู้บริโภคก็ออกมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคน่าจะฟื้นดีขึ้น ขณะที่ด้านการส่งออก มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหลือเพียงแต่ธุรกิจท่องเที่ยวเท่านั้น
ซึ่งพบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 70% มาจากการเมืองไทยขาดเสถียรภาพ การปิดสนาม การเกิดจลาจลเดือนเมษายน และล่าสุดการแพร่ระบาดไข้หวัด 09
