ASTVผู้จัดการรายวัน-บอร์ดทอท.สั่งเบรคจ่ายชดเชยเสียง หลังศาลแขวงสมุทรปราการตัดสินทอท.ไม่ต้องจ่ายชดเชยทั้งหมด กรณีผู้ได้รับกระทบทางเสียงไม่พอใจค่าชดเชย ฟ้องศาลขอชดเชยเพิ่ม ส่งหนังสือหารืออัยการสูงสุด ว่าทอท.ยังเดินหน้าจ่ายชดเชยตามมติครม.ต่อไปได้หรือไม่ “ปิยะพันธ์”เผยศาลชี้เขตพื้นที่ก่อสร้างสนามบินประกาศเป็นเขตปลอดภัยในการเดินอากาศตั้งแต่ปี 16
ผู้เข้าไปอาศัยภายหลังปฎิเสธที่จะยอมรับการเสี่ยงภัยไม่ได้ เผยขณะนี้จ่ายชดเชยไปแล้ว 819.642 ล้านบาท จากที่ต้องจ่ายทั้งหมด 11,233 ล้านบาท
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดทอท.เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมาได้หารือถึงกรณีที่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเสียงจากการดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยื่นฟ้องทอท.ขอค่าชดเชยเพิ่มจากมติคณะรัฐมนตรี และศาลแขวงสมุทราปราการได้ตัดสินเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2552 ว่าทอท.ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยใดๆ เนื่องจากเขตพื้นที่ก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ประกาศเป็นเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ ตั้งแต่ พ.ศ. 2516
ดังนั้นพื้นที่จึงถูกจำกัดสิทธิ์ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย โดยผู้ที่ก่อสร้างในบริเวณพื้นที่หลังปี 2516 เท่ากับว่ายอมรับการเสี่ยงภัย
โดยเมื่อศาลมีคำสั่งดังกล่าวทำให้ทอท.ต้องหยุดการจ่ายชดเชยผลกระทบทางเสียงไว้ก่อน เนื่องจากบอร์ดเกรงว่าจะเป็นการดำเนินการที่ขัดกับคำสั่งศาลที่ไม่ให้จ่ายชดเชย โดยมีมติให้ทอท.หารือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดว่ากรณีที่ศาลมีคำสั่งดังกล่าวออกมา ทอท.ยังสามารถดำเนินการจ่ายชดเชยตามมติครม.ได้หรือไม่หากอัยการสูงสุดมีความเห็นให้ทอท.ดำเนินการตามมติครม.ได้ก็จะเร่งจ่ายชดเชยตามแผน แต่หากอัยการสูงสุดชี้ว่าต้องปฎิบัตืตามคำสั่งศาล ทอท.จะต้องนำเรื่องหารือครม.ต่อไป
“มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเสียงจำนวน 16 ราย ไปฟ้องศาล เพราะไม่พอใจวงเงินที่ทอท.จ่ายชดเชยซึ่งทอท.ยึดตามเกณฑ์ที่ครม.อนุมัติ ซึ่งที่ศาลแขวงสมุทราปราการตัดสินออกมานั้นเป็นเพียงรายเดียวแต่คำตัดสินมีผลทางข้อกฎหมาย ซึ่งทอท.เป็นผู้จ่ายเงินต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต ทำให้ต้องหยุดจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้ได้รับผลกระทบทุกรายในขณะนี้ก่อน แม้ว่าจะไม่ได้ฟ้องทอท.ก็ตาม ซึ่งขณะนี้เหลือวงเงินที่ต้องจ่ายชดเชยอีกกว่า 10,000 ล้านบาท ”นายปิยะพันธ์กล่าว
ทั้งนี้ ครม.มีมติ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2552 อนุมัติกรอบวงเงินชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านเสียงบริเวณรอบสนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน 11,233 ล้านบาท โดยจะดำเนินการจ่ายชดเชยในปี 2552 จำนวน 8,897.215ล้านบาท ปี 2553 จำนวน 5,336.485 ล้านบาท โดยขณะนี้ได้จ่ายชดเชยไปแล้วรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 819.642 ล้านบาท แบ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ชดเชยไปแล้ว 298.190 ล้านบาท
โดยเป็นการซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจำนวน 47 อาคาร วงเงิน 215.550 ล้านบาท ค่าชดเชยในการปรับปรุงอาคารเอง จำนวน 322 อาคาร วงเงิน 82.640 ล้านบาท
สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบปานกลาง ชดเชยไปแล้ว 521.452 ล้านบาท โดยให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังวงเงิน 214 ล้านบาท ให้สถานที่อ่อนไหวต่อผลกระทบด้านเสียง โดยจ่ายชดเชยเพื่อให้ปรับปรุงอาคารและติดตั้งเครื่องปรับอากาศเอง จำนวน 12 แห่ง วงเงิน207.307 ล้านบาท และขอความร่วมมือหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการทหารสูงสุดในการปรับปรุงอาคารและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ จำนวน 4 แห่ง วงเงิน 40.318 ล้านบาท และจ่ายให้อาคารที่พักอาศัย เพื่อให้ปรับปรุงอาคารเอง 242 อาคาร วงเงิน 59.825 ล้านบาท โดยทอท.ชดเชยผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลักเกณฑ์ของมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเมื่อวันที่ 10 มี.ค.2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พ.ค.2550
ผู้เข้าไปอาศัยภายหลังปฎิเสธที่จะยอมรับการเสี่ยงภัยไม่ได้ เผยขณะนี้จ่ายชดเชยไปแล้ว 819.642 ล้านบาท จากที่ต้องจ่ายทั้งหมด 11,233 ล้านบาท
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดทอท.เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมาได้หารือถึงกรณีที่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเสียงจากการดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยื่นฟ้องทอท.ขอค่าชดเชยเพิ่มจากมติคณะรัฐมนตรี และศาลแขวงสมุทราปราการได้ตัดสินเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2552 ว่าทอท.ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยใดๆ เนื่องจากเขตพื้นที่ก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ประกาศเป็นเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ ตั้งแต่ พ.ศ. 2516
ดังนั้นพื้นที่จึงถูกจำกัดสิทธิ์ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย โดยผู้ที่ก่อสร้างในบริเวณพื้นที่หลังปี 2516 เท่ากับว่ายอมรับการเสี่ยงภัย
โดยเมื่อศาลมีคำสั่งดังกล่าวทำให้ทอท.ต้องหยุดการจ่ายชดเชยผลกระทบทางเสียงไว้ก่อน เนื่องจากบอร์ดเกรงว่าจะเป็นการดำเนินการที่ขัดกับคำสั่งศาลที่ไม่ให้จ่ายชดเชย โดยมีมติให้ทอท.หารือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดว่ากรณีที่ศาลมีคำสั่งดังกล่าวออกมา ทอท.ยังสามารถดำเนินการจ่ายชดเชยตามมติครม.ได้หรือไม่หากอัยการสูงสุดมีความเห็นให้ทอท.ดำเนินการตามมติครม.ได้ก็จะเร่งจ่ายชดเชยตามแผน แต่หากอัยการสูงสุดชี้ว่าต้องปฎิบัตืตามคำสั่งศาล ทอท.จะต้องนำเรื่องหารือครม.ต่อไป
“มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเสียงจำนวน 16 ราย ไปฟ้องศาล เพราะไม่พอใจวงเงินที่ทอท.จ่ายชดเชยซึ่งทอท.ยึดตามเกณฑ์ที่ครม.อนุมัติ ซึ่งที่ศาลแขวงสมุทราปราการตัดสินออกมานั้นเป็นเพียงรายเดียวแต่คำตัดสินมีผลทางข้อกฎหมาย ซึ่งทอท.เป็นผู้จ่ายเงินต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต ทำให้ต้องหยุดจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้ได้รับผลกระทบทุกรายในขณะนี้ก่อน แม้ว่าจะไม่ได้ฟ้องทอท.ก็ตาม ซึ่งขณะนี้เหลือวงเงินที่ต้องจ่ายชดเชยอีกกว่า 10,000 ล้านบาท ”นายปิยะพันธ์กล่าว
ทั้งนี้ ครม.มีมติ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2552 อนุมัติกรอบวงเงินชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านเสียงบริเวณรอบสนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน 11,233 ล้านบาท โดยจะดำเนินการจ่ายชดเชยในปี 2552 จำนวน 8,897.215ล้านบาท ปี 2553 จำนวน 5,336.485 ล้านบาท โดยขณะนี้ได้จ่ายชดเชยไปแล้วรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 819.642 ล้านบาท แบ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ชดเชยไปแล้ว 298.190 ล้านบาท
โดยเป็นการซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจำนวน 47 อาคาร วงเงิน 215.550 ล้านบาท ค่าชดเชยในการปรับปรุงอาคารเอง จำนวน 322 อาคาร วงเงิน 82.640 ล้านบาท
สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบปานกลาง ชดเชยไปแล้ว 521.452 ล้านบาท โดยให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังวงเงิน 214 ล้านบาท ให้สถานที่อ่อนไหวต่อผลกระทบด้านเสียง โดยจ่ายชดเชยเพื่อให้ปรับปรุงอาคารและติดตั้งเครื่องปรับอากาศเอง จำนวน 12 แห่ง วงเงิน207.307 ล้านบาท และขอความร่วมมือหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการทหารสูงสุดในการปรับปรุงอาคารและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ จำนวน 4 แห่ง วงเงิน 40.318 ล้านบาท และจ่ายให้อาคารที่พักอาศัย เพื่อให้ปรับปรุงอาคารเอง 242 อาคาร วงเงิน 59.825 ล้านบาท โดยทอท.ชดเชยผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลักเกณฑ์ของมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเมื่อวันที่ 10 มี.ค.2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พ.ค.2550
