ASTVผู้จัดการรายวัน – ดึงหุ้นจดข้ามประเทศเริ่มระบาด ล่าสุดตลาดไต้หวัน เดินหน้าดึงบริษัทจดทะเบียนไทยเข้าร่วม ทั้งแบบจดทะเบียนและทีดีอาร์ “โสภาวดี”ระบุการแข่งขันระหว่างตลาดหุ้นมีมากขึ้น เหตุ บจ.ในประเทศใกล้อิ่มตัว และต้องการสร้างจุดดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ แต่มั่นใจตลาดหุ้นไทยไม่กระทบมาก ด้าน “เกศรา”ยอมรับหลายตลาดหุ้นต่างแดนรุมจีบบจ.ไทย ส่วนโบรกเกอร์มองแง่ดี ช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศ ดันสภาพคล่องเพิ่มขึ้น พบ 2บจ. “ฮั้วฟงรับเบอร์-มิลล์คอน”เตรียมออกทีดีอาร์เร็วๆนี้
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการ สายงานการตลาดและงานบริการหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับสูงของตลาดหุ้นไต้หวันได้เดินทางมาหารือในเรื่องการนำหุ้นจดทะเบียนข้ามตลาด(ครอสลิตส์ติ้ง) ซึ่งทางผู้บริหารของตลาดหุ้นไต้หวัน มีแผนที่จะชวนบริษัทจดทะเบียนไทยไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นใต้หวัน และชวนไปออก และเสนอขาย Taiwan Depositary Receipt หรือ TDR (การเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนในสาธารณรัฐจีน หรือ ไต้หวัน )
ทั้งนี้กลุ่มบริษัทจดทะเบียนไทยที่ตลาดหุ้นไต้หวันสนใจนั้น เบื้องต้นจะเป็นบริษัทของไต้หวันที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยและเข้าจดทะเบียนในตลท. ซึ่งส่วนตัวมองว่าจากที่ตลาดหุ้นไต้หวันมาชวนบริษัทจดทะเบียนไทยไปจดทะเบียนเสนอขายTDR ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย ทำให้มีบจ.ไปจดทะเบียนในต่างประเทศ เพราะปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนที่เป็นของชาวไต้หวันมีจำนวนหนึ่งเท่านั้นไม่ได้มีจำนวนที่มาก
ส่วนการที่ตลาดหุ้นต่างๆไปชวนบริษัทจดทะเบียนประเทศอื่นเข้าไปจดทะเบียนประเทศของตนนั้นเป็นเพราะการแข่งขันระหว่างตลาดหุ้นมากขึ้น จากที่บริษัทในประเทศของตนมีจำนวนที่น้อยลงไปที่จะเข้ามาจดทะเบียนจึงต้องไปชวนบริษัทในต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนแทน เช่น ตลาดหุ้นฮ่องกง ชวน บริษัทที่ตลาดหุ้นจีน เข้ามาจดทะเบียน และตลาดหุ้นสิงคโปร์ก็ออกไปชวนบริษัทต่างประเทศมากขึ้น เช่นกัน
"เมื่อปีที่ผ่านมาประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งไต้หวันได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อชวนบริษัทไทยไปจดทะเบียนที่ไต้หวัน โดยประธานตลาดหุ้นไต้หวันตั้งเป้าที่จะมีบริษัทต่างประเทศเข้าไปจดทะเบียนที่ตลาดหุ้นไต้หวัน จำนวน 50 บริษัท ซึ่งจากที่ทราบมีบริษัทประเทศต่างๆเข้าไปจดทะเบียนที่ไต้หวันแล้ว 20 บริษัทแล้ว และเดือนที่ผ่านมาทางผู้บริหารของตลาดหุ้นไต้หวันได้บอกว่าจะพาบริษัทไทยไปจดทะเบียนด้วย และบอกว่ามีบริษัทไทยจะไปออกTDRที่ไต้หวันเพิ่มอีก "นางสาวโสภาวดี กล่าว
อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยมีแผนที่จะไปชวนบริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนด้วยเช่นกัน แต่จะต้องมีการพิจารณาในเรื่องการแก้เกณฑ์เพื่อเอื้อให้บริษัทต่างประเทศเข้ามาซื้อขาย รวมถึงนำสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย เช่น กองทุนอีทีเอฟ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะนำกองทุนอีทีเอฟของประเทศอะไรเข้ามาจดทะเบียนบ้าง
**อนาคตบจ.ไทยไปต่างแดนเพิ่ม
นางเกศรา มัญชุศรี ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นต่างประเทศหลายแห่งเข้ามาชวนบริษัทจดทะเบียนไทย ไปจดทะเบียนต่างประเทศ เนื่องจาก บริษัทที่จะเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นประเทศนั้นเริ่มน้อยลงแล้ว จึงต้องมีการชวนบริษัทจากประเทศอื่นๆแทน ขณะนี้บริษัทจดทะเบียนไทย มีแผนที่จะนำหุ้นไปเสนอขาย TDR เช่นกัน
ทั้งนี้เชื่อว่าแนวโน้มการไปออก TDRไปจดทะเบียนต่างประเทศจะมากขึ้น ซึ่งจะมากกว่าบริษัทที่ออกเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จากที่ตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มอิ่มตัว โดยหากบริษัทจดทะเบียนไปจะไปเสนอขายTDR เชื่อว่าน่าจะเป็นบริษัทของต่างประเทศที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย เป็นหลักก่อน ซึ่งเหมือนที่ตลาดหุ้นไทยไปชวน บริษัท บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ DTAC ที่เป็นบริษัทคนไทยแต่ไปจดทะเบียนในต่างประเทศ มาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยด้วย
สำหรับตลาดหุ้นไทยในการไปชวนบริษัทต่างประเทศมาออก TDR หรือการเข้าจดทะเบียนสองตลาด (ดูอัลลิสติ้ง)อาจจะทำให้ได้ลำบาก เนื่องจากมีเกณฑ์คุมในเรื่องการนำเม็ดเงินเข้าออก ซึ่งเดิมนั้นประเทศไต้หวัน และจีน เมีเกณฑ์ในการควบคุมเงินเงินไหลเข้าไหลออกเช่นกัน แต่ปัจจุบันนั้นได้มีการผ่อนคลายทำให้สามารถนำเงินเข้าออกได้สะดวกขึ้น และเวลาซื้อขายหุ้นก็สามารถใช้เป็นเงินสกุลดอลลาร์ได้โดยไม่ต้องเป็นเงินสกุลของประเทศที่จะเข้าไปซื้อขายหุ้น จึงทำให้นักลงทุนมีความสะดวกในการเข้าซื้อขาย ทำให้เป็นอีกทางหนึ่งที่ตลาดหุ้นต่างประเทศทำเพื่อดึงดูดบริษัทต่างประเทศเข้าไปจดทะเบียน
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าทางตลาดหุ้นเกาหลีจะมีการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนในเรื่องระบบการซื้อขายให้กับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน เพื่อที่จะชวนหรือใช้ระบบในการซื้อขายเดียวกันเพื่อสะดวกมากขึ้น รวมถึงจะเห็นตลาดหุ้นสิงคโปร์ไปถือหุ้นในตลาดหุ้นต่างๆมากขึ้น
“มีคนมาชวนบจ.ไทยไปจดทะเบียนต่างประเทศเยอะ ซึ่งเหมือนตลาดหุ้นไทยไปชวนบริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียน เนื่องจาก ตลาดหุ้นต่างๆมีการแข่งขันในการดึงบริษัทเข้าไปจดทะเบียนมากขึ้น ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก แนวโน้มจะมีการดึงบริษัทต่างประเทศเข้าไปจดทะเบียนมากขึ้น ซึ่งมากกว่าการออกขายไอพีโอ จากที่ตลาดหุ้นต่างประเทศอิ่มตัวมีบจ.ใหม่เข้าไปจดทะเบียนน้อย ”นางเกศรา กล่าว
**โบรกฯชี้ช่วยเพิ่มสภาพคล่อง
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ KEST กล่าวว่า การที่มีบริษัทจดทะเบียนไทย นำหุ้นไปออกเสนอขายTDR ในตลาดหุ้นต่างประเทศนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบทำให้สภาพคล่องการซื้อขายหุ้นของบริษัทนั้นในตลาดหุ้นไทยลดลง แต่เรื่องดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศรู้จักและเข้ามาซื้อขายหุ้นมากขึ้น โดยถือว่าเป็นการขยายฐานนักลงทุนให้มากขึ้น
ดังนั้นมองว่าเรื่องนี้จะส่งผลดีทำให้หุ้นในตลาดหุ้นไทยมีสภาพคล่องการซื้อขายเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทจดทะเบียนที่จะไปเสนอขายหุ้นในต่างประเทศนั้น จะต้องทำธุรกิจที่เป็นที่สนใจของนักลงทุนในตลาดหุ้นนั้นๆด้วยเพื่อที่จะได้รับความสนใจและจะต้องเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี
ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนไทย จำนวน 2 แห่ง แจ้งที่จะนำหุ้นไปออกเสนอขายTDRสาธารณรัฐจีนไต้หวัน บริษัทฮั้วฟงรับเบอร์อินดัสทรี จำกัด (มหาชน)หรือ HFT ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ จะนำหุ้นที่ถืออยู่จำนวนไม่เกิน 250 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 37.97% ของหุ้นทั้งหมดของ ที่มีทุนจดทะเบียน 658.43 ล้านหุ้นไปดำเนินการ และบริษัท มิลล์คอน สตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน)หรือ MILL ซึ่งผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะนำหุ้นไม่เกิน 100 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 17.45 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วไปเสนอขายTDR
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการ สายงานการตลาดและงานบริการหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับสูงของตลาดหุ้นไต้หวันได้เดินทางมาหารือในเรื่องการนำหุ้นจดทะเบียนข้ามตลาด(ครอสลิตส์ติ้ง) ซึ่งทางผู้บริหารของตลาดหุ้นไต้หวัน มีแผนที่จะชวนบริษัทจดทะเบียนไทยไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นใต้หวัน และชวนไปออก และเสนอขาย Taiwan Depositary Receipt หรือ TDR (การเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนในสาธารณรัฐจีน หรือ ไต้หวัน )
ทั้งนี้กลุ่มบริษัทจดทะเบียนไทยที่ตลาดหุ้นไต้หวันสนใจนั้น เบื้องต้นจะเป็นบริษัทของไต้หวันที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยและเข้าจดทะเบียนในตลท. ซึ่งส่วนตัวมองว่าจากที่ตลาดหุ้นไต้หวันมาชวนบริษัทจดทะเบียนไทยไปจดทะเบียนเสนอขายTDR ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย ทำให้มีบจ.ไปจดทะเบียนในต่างประเทศ เพราะปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนที่เป็นของชาวไต้หวันมีจำนวนหนึ่งเท่านั้นไม่ได้มีจำนวนที่มาก
ส่วนการที่ตลาดหุ้นต่างๆไปชวนบริษัทจดทะเบียนประเทศอื่นเข้าไปจดทะเบียนประเทศของตนนั้นเป็นเพราะการแข่งขันระหว่างตลาดหุ้นมากขึ้น จากที่บริษัทในประเทศของตนมีจำนวนที่น้อยลงไปที่จะเข้ามาจดทะเบียนจึงต้องไปชวนบริษัทในต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนแทน เช่น ตลาดหุ้นฮ่องกง ชวน บริษัทที่ตลาดหุ้นจีน เข้ามาจดทะเบียน และตลาดหุ้นสิงคโปร์ก็ออกไปชวนบริษัทต่างประเทศมากขึ้น เช่นกัน
"เมื่อปีที่ผ่านมาประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งไต้หวันได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อชวนบริษัทไทยไปจดทะเบียนที่ไต้หวัน โดยประธานตลาดหุ้นไต้หวันตั้งเป้าที่จะมีบริษัทต่างประเทศเข้าไปจดทะเบียนที่ตลาดหุ้นไต้หวัน จำนวน 50 บริษัท ซึ่งจากที่ทราบมีบริษัทประเทศต่างๆเข้าไปจดทะเบียนที่ไต้หวันแล้ว 20 บริษัทแล้ว และเดือนที่ผ่านมาทางผู้บริหารของตลาดหุ้นไต้หวันได้บอกว่าจะพาบริษัทไทยไปจดทะเบียนด้วย และบอกว่ามีบริษัทไทยจะไปออกTDRที่ไต้หวันเพิ่มอีก "นางสาวโสภาวดี กล่าว
อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยมีแผนที่จะไปชวนบริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนด้วยเช่นกัน แต่จะต้องมีการพิจารณาในเรื่องการแก้เกณฑ์เพื่อเอื้อให้บริษัทต่างประเทศเข้ามาซื้อขาย รวมถึงนำสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย เช่น กองทุนอีทีเอฟ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะนำกองทุนอีทีเอฟของประเทศอะไรเข้ามาจดทะเบียนบ้าง
**อนาคตบจ.ไทยไปต่างแดนเพิ่ม
นางเกศรา มัญชุศรี ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นต่างประเทศหลายแห่งเข้ามาชวนบริษัทจดทะเบียนไทย ไปจดทะเบียนต่างประเทศ เนื่องจาก บริษัทที่จะเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นประเทศนั้นเริ่มน้อยลงแล้ว จึงต้องมีการชวนบริษัทจากประเทศอื่นๆแทน ขณะนี้บริษัทจดทะเบียนไทย มีแผนที่จะนำหุ้นไปเสนอขาย TDR เช่นกัน
ทั้งนี้เชื่อว่าแนวโน้มการไปออก TDRไปจดทะเบียนต่างประเทศจะมากขึ้น ซึ่งจะมากกว่าบริษัทที่ออกเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จากที่ตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มอิ่มตัว โดยหากบริษัทจดทะเบียนไปจะไปเสนอขายTDR เชื่อว่าน่าจะเป็นบริษัทของต่างประเทศที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย เป็นหลักก่อน ซึ่งเหมือนที่ตลาดหุ้นไทยไปชวน บริษัท บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ DTAC ที่เป็นบริษัทคนไทยแต่ไปจดทะเบียนในต่างประเทศ มาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยด้วย
สำหรับตลาดหุ้นไทยในการไปชวนบริษัทต่างประเทศมาออก TDR หรือการเข้าจดทะเบียนสองตลาด (ดูอัลลิสติ้ง)อาจจะทำให้ได้ลำบาก เนื่องจากมีเกณฑ์คุมในเรื่องการนำเม็ดเงินเข้าออก ซึ่งเดิมนั้นประเทศไต้หวัน และจีน เมีเกณฑ์ในการควบคุมเงินเงินไหลเข้าไหลออกเช่นกัน แต่ปัจจุบันนั้นได้มีการผ่อนคลายทำให้สามารถนำเงินเข้าออกได้สะดวกขึ้น และเวลาซื้อขายหุ้นก็สามารถใช้เป็นเงินสกุลดอลลาร์ได้โดยไม่ต้องเป็นเงินสกุลของประเทศที่จะเข้าไปซื้อขายหุ้น จึงทำให้นักลงทุนมีความสะดวกในการเข้าซื้อขาย ทำให้เป็นอีกทางหนึ่งที่ตลาดหุ้นต่างประเทศทำเพื่อดึงดูดบริษัทต่างประเทศเข้าไปจดทะเบียน
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าทางตลาดหุ้นเกาหลีจะมีการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนในเรื่องระบบการซื้อขายให้กับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน เพื่อที่จะชวนหรือใช้ระบบในการซื้อขายเดียวกันเพื่อสะดวกมากขึ้น รวมถึงจะเห็นตลาดหุ้นสิงคโปร์ไปถือหุ้นในตลาดหุ้นต่างๆมากขึ้น
“มีคนมาชวนบจ.ไทยไปจดทะเบียนต่างประเทศเยอะ ซึ่งเหมือนตลาดหุ้นไทยไปชวนบริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียน เนื่องจาก ตลาดหุ้นต่างๆมีการแข่งขันในการดึงบริษัทเข้าไปจดทะเบียนมากขึ้น ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก แนวโน้มจะมีการดึงบริษัทต่างประเทศเข้าไปจดทะเบียนมากขึ้น ซึ่งมากกว่าการออกขายไอพีโอ จากที่ตลาดหุ้นต่างประเทศอิ่มตัวมีบจ.ใหม่เข้าไปจดทะเบียนน้อย ”นางเกศรา กล่าว
**โบรกฯชี้ช่วยเพิ่มสภาพคล่อง
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ KEST กล่าวว่า การที่มีบริษัทจดทะเบียนไทย นำหุ้นไปออกเสนอขายTDR ในตลาดหุ้นต่างประเทศนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบทำให้สภาพคล่องการซื้อขายหุ้นของบริษัทนั้นในตลาดหุ้นไทยลดลง แต่เรื่องดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศรู้จักและเข้ามาซื้อขายหุ้นมากขึ้น โดยถือว่าเป็นการขยายฐานนักลงทุนให้มากขึ้น
ดังนั้นมองว่าเรื่องนี้จะส่งผลดีทำให้หุ้นในตลาดหุ้นไทยมีสภาพคล่องการซื้อขายเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทจดทะเบียนที่จะไปเสนอขายหุ้นในต่างประเทศนั้น จะต้องทำธุรกิจที่เป็นที่สนใจของนักลงทุนในตลาดหุ้นนั้นๆด้วยเพื่อที่จะได้รับความสนใจและจะต้องเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี
ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนไทย จำนวน 2 แห่ง แจ้งที่จะนำหุ้นไปออกเสนอขายTDRสาธารณรัฐจีนไต้หวัน บริษัทฮั้วฟงรับเบอร์อินดัสทรี จำกัด (มหาชน)หรือ HFT ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ จะนำหุ้นที่ถืออยู่จำนวนไม่เกิน 250 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 37.97% ของหุ้นทั้งหมดของ ที่มีทุนจดทะเบียน 658.43 ล้านหุ้นไปดำเนินการ และบริษัท มิลล์คอน สตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน)หรือ MILL ซึ่งผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะนำหุ้นไม่เกิน 100 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 17.45 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วไปเสนอขายTDR
