xs
xsm
sm
md
lg

กองปราบฯ ลงพื้นที่ภูเก็ตรวบแก๊งจีนไต้หวัน 40 คน ใช้ภูเก็ตฐาน call center หลอกเพื่อนร่วมชาติโอนเงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจกองปราบปรามบุกรวบแก็งชาวจีนไต้หวัน ได้ผู้ต้องหา 40 คน หลังใช้จังหวัดภูเก็ตเป็นฐานปฏิบัติการ Call Center อ้างตัวเป็นพนักงานธนาคาร และสถาบันการเงินต่างๆ โทรศัพท์หลอกให้เพื่อนร่วมชาติโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง เตือนประชาชนอย่าหลงเหลือเพราะยังมีแก๊งลักษณะนี้อีกเพียบ

เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (7 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม สนธิกำลังตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตกว่า 70 นาย พร้อมหมายศาลภูเก็ตเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายพื้นที่อำเภอเมืองภูเก็ต 2 จุด อำเภอถลาง 1 จุด และอำเภอกะทู้ 3 จุด หลังสืบทราบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนไต้หวัน ใช้เป็นฐานปฏิบัติการโทรศัพท์ไปข่มขู่ หลอกลวงเงินจากชาวจีนไต้หวันด้วยกัน โดยอ้างตัวเป็นพนักงานธนาคาร และสถาบันการเงินต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมไปถึงพนักงานทวงค่าโทรศัพท์และทวงหนี้ต่างๆ ได้ผู้ต้องหาทั้งชาย และหญิง 40 คน

โดยในเวลา 14.30 น. พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รองผบช.ก.ได้แถลงผลการตรวจค้นบ้านเป้าหมายว่า การดำเนินการในครั้งนี้ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร., พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก.ชุดจับกุม นำโดย พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รองผบช.ก.,พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ผบก.ทท., พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ ผบก.ปศท., พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางจำนวน 70 นาย ได้ร่วมกันนำหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต เข้าทำการตรวจค้นและจับกุมตัวแก๊งคนร้ายข้ามชาติชาวไต้หวัน ร่วมกันประกอบธุรกิจหลอกลวงข้ามชาติ ผ่าน Call Center ระบบ VoIP จำนวน 6 จุด ในจังหวัดภูเก็ต

จุดที่เข้าทำการตรวจค้น ประกอบกอบด้วย จุดที่ 1 บ้านเลขที่ 70/4 หมู่ที่ 2 ถ.บางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จุดที่ 2 บ้านเลขที่ 99/142 ม.3 กมลานาทอง ซ.10 ต.กมลา อ.กะทู้ จุดที่ 3 บ้านเลขที่ 99/144 ม.3 กมลานาทอง ซ.10 ต.กมลา อ.กะทู้ จุดที่ 4 บ้านเลขที่ 100/122 ม.ศรีสุชาติ ซ.3 ต.รัษฎา อ.เมือง จุดที่ 5 บ้านเลขที่ 100/123 ม.ศรีสุชาติ ซ.3 ต.รัษฎา อ.เมือง จว.ภูเก็ต และจุดที่ 6 บ้านเลขที่ 68/9 ซ.ข้างสนามกอล์ฟ ถ.วิชิตสงคราม ต./อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต

ผลจากการตรวจค้นปรากฏว่า สามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวไต้หวันได้จำนวน 40 คน แบ่งเป็นชาย 30 คน และหญิง 10 คน พร้อมด้วยของกลางซึ่งเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากมาประกอบกันเป็น Call Center สำหรับใช้ในการหลอกลวงข้ามชาติผ่านระบบ Voice over Internet Protocal โดยมีผู้ถูกหลองลวงทรัพย์สินไปประมาณนับพันล้านบาท โดยกล่าวหาว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและประกอบอาชีพหรือรับจ้างทำงาน โดยไม่ได้รับอนุญาต”

ส่วนความผิดอื่นๆ อันได้แก่ ความผิดเกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสาร และความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน พนักสอบสวนจะได้ดำเนินการสอบสวนขยายผล และดำเนินคดีเพิ่มเติมภายหลัง ทั้งนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาส่ง สภ.เชิงทะเล สภ.กมลา และ สภ.เมืองภูเก็ต

โดยของกลางประกอบด้วย โทรศัพท์ระบบ VoIP จำนวน 79 เครื่อง VoIP Gateway จำนวน 41 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 65 เครื่อง เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จำนวน 12 เครื่อง หนังสือเดินทาง จำนวน 31 เล่ม เงินสดจำนวน 200,000 บาท และยาเสพติดให้โทษ(ยาไอซ์) จำนวน 2 กรัม

พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้เป็นการขยายผลจับกุมแก๊งดังกล่าวมาจากจังหวัดเชียงใหม่ กรุงเทพมหานคร และพัทยา 18 แห่ง ซึ่งหลบหนีมาเรื่อย โดยพฤติการณ์ของผู้ต้องหาแก๊งนี้จะอ้างตัวเป็นพนักงานสถาบันการเงินต่างๆ โทรศัพท์ไปหาบุคคลเป้าหมายหลักอยู่ที่เมืองเซียงไฮ้ เฉิงตู มณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน ข่มขู่ หลอกลวงว่าบุคคลผู้นั้นเป็นหนี้ หรือได้รับเงินรางวัล เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ จะไปทำธุรกรรมการเงิน โดยการโอนเงินผ่านเอทีเอ็มเข้าบัญชีที่ผู้ต้องหาแจ้งให้ จากนั้นผู้ร่วมขบวนการจะโอนเงินไปอีกหลายทอด ผ่านบัตรไชน่ายูเนียน เปย์ พบว่ามีการกดที่ประเทศไทยหลายครั้ง

จึงขยายผลจนสามารถติดตามตัวผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดได้ มีผู้ถูกหลอกลวงทรัพย์สินไปแล้วนับพันล้านบาท เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร และประกอบอาชีพรับจ้างทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต” สอบสวนติดตามตัวผู้ร่วมขบวนการที่เหลือมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เพราะเป็นขบวนการข้ามชาติ สร้างความเสียหายให้ประชาชน และระบบเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก

พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวอีกว่า อยากจะฝากเตือนไปยังประชาชนทั่วไปว่าอย่าไปหลงเชื่อกลุ่มบุคคลดังกล่าว เพราะคนไทยเองที่ไปดำเนินการในลักษณะแบบนี้ในต่างประเทศก็มีเหมือนกัน โดยกลุ่มนี้จะใช้การสื่อสารที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาก เบอร์ที่โทร.มาจะโชว์เป็นเบอร์ของประเทศนั้น ที่ผ่านมาทางไทยได้เคยไปจับกุมคนไทยที่ไปดำเนินการในลักษณะดังกล่าวที่ประเทศจีนมาแล้ว 40 คน และคาดว่าแก๊งในลักษณะแบบนี้ยังดำเนินการอยู่อีกมาก แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะพยายามดำเนินการสืบสวนสอบสวนจับกุมก็ตาม และอยากขอความร่วมมือประชาชนและเจ้าของบ้านเช่าหากมีกลุ่มบุคคลในลักษณะดังกล่าวเข้ามาดำเนินการในบ้านหรือในชุมชนให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ในท้องที่ โดยเฉพาะเจ้าของบ้านจะโดนข้อหาให้ที่พักพิง









กำลังโหลดความคิดเห็น