ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติยืนยันใช้วิธีเพิ่มจำนวนแบงก์ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแข่งกันลดค่าธรรมเนียม เป็นไปตามกลไกตลาด โครงสร้างค่าธรรมเนียมใหม่เริ่มใช้ปีหน้า ลั่นแบงก์ไหนล้ำเส้นขึ้นก่อนจะจัดการขั้นเด็ดขาด ขณะที่นายแบงก์ยอมรับกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มเกิน 3 ครั้งต้องจ่าย 5 บาท เหตุต้นทุนสูง
จากกรณีที่ลูกค้าร้องเรียนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากการถูกโขกค่าธรรมเนียม (Fee) การกดเงินสดจากเอทีเอ็ม ซึ่งนายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า กำลังขอดูโครงสร้างต้นทุนการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ของธนาคารพาณิชย์ พร้อมยอมรับว่าค่าธรรมเนียมการกดเงินสดจากเอทีเอ็มหากเกิน 4-5 ครั้ง ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเป็น 5 บาท
"ค่าธรรมเนียมที่สูงคงเกิดจากธนาคารมีน้อยเกินไป วิธีแก้คือการเพิ่มธนาคารให้เกิดการแข่งขันแล้วค่าธรรมเนียมจะลดลง เรื่องนี้อยู่ในแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินฉบับที่ 2 หรือมาสเตอร์แพลน 2 โดย ธปท.พยายามที่จะผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ส่วนที่ผ่านมา ธปท.วางกรอบให้ธนาคารจัดเก็บค่าธรรมเนียมต้องเป็นไปตามต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง ไม่สร้างภาระหรือเอาเปรียบผู้ใช้บริการและประชาชนมากเกินไป"
ด้านนายฉิม ตันติยาสวัสดิกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายระบบข้อสนเทศ ธปท. เปิดเผยว่า ธปท.กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนวางแผนกลยุทธ์ในการวางระเบียบกำกับดูแลค่าธรรมเนียมของระบบชำระเงินใหม่ โดยเป็นการหารือกันภายใน ธปท.ถึงปัญหาหรืออุปสรรค รวมถึงเรื่องที่ต้องการเน้นหรือให้ความสำคัญในการการพัฒนาระบบชำระเงินให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเพื่อให้เกิดความธรรมในระยะยาวต่อไปทั้งในแง่ของสถาบันการเงินที่เป็นผู้ให้บริการ และผู้ใช้บริการที่เป็นประชาชนทั่วไป ซึ่งคาดว่าการปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมใหม่นี้จะเริ่มได้ในช่วงต้นปีหน้า
“แบงก์ชาติอยากเห็นการคิดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับระบบชำระเงิน ได้แก่ บัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต บัตรเครดิต เช็ค ถอนเงินสด การโอนเงินสด เป็นต้น เป็นไปตามกลไกตลาด และอยากให้สถาบันการเงินทุกแห่งสามารถแข่งขันได้ รวมถึงประชาชนได้รับประโยชน์ด้วย แต่หากในช่วงที่เรากำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการนี้อยู่ แล้วมีสถาบันการเงินบางแห่งปรับขึ้นค่าธรรมเนียมสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่มีการผูกขาด เราจะใช้อำนาจที่มีอยู่เข้าไปจัดการ” นายฉิมกล่าว
แบงก์วอนเห็นใจต้นทุนสูง
นายอนุชิต อนุชิตานุกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ผู้บริหารสายงาน สายงานบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาด ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) เปิดเผยว่า การที่ธนาคารพาณิชย์เก็บค่าธรรมเนียมในอัตราที่สูงนั้น ในส่วนของธนาคารกรุงไทยเองขอยืนยันว่าทางธนาคารได้มีการหารือกับ ธปท.มานานแล้ว ซึ่งทาง ธปท.ได้ให้ธนาคารรายงานข้อมูลที่เกี่ยวกับต้นทุนการดำเนินงานให้ทราบมาโดยตลอด ซึ่ง ธปท.เองก็รับทราบและเข้าใจเป็นอย่างดีว่าการทำธุรกิจของธนาคารพาณิชย์เป็นอย่างไรในขณะเดียวกันธนาคารก็ยินดีให้ความร่วมมือกับ ธปท.ในการขอดูโครงสร้างดังกล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของอัตราค่าธรรมเนียมที่ธนาคารเก็บจากลูกค้านั้น ก็มาจากต้นทุนของธนาคารทั้งสิ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าธนาคารจะเก็บค่าธรรมเนียมตามต้นทุนทุกบริการ เพราะต้นทุนบริการของธนาคารมีทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงทำให้บางบริการเก็บค่าธรรมเนียมได้แต่บางบริการเก็บไม่ได้
“เราต้องบอกว่าการบริการของธนาคารโดยรวมแล้วมีต้นทุนการดำเนินงานทั้งหมดแต่ธนาคารก็ไม่ได้เก็บจากลูกค้าหมด ส่วนเรื่องการเก็บค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มนั้นก็ถือว่าเป็นมาตรฐานเหมือนกันทุกธนาคารคือค่าธรรนเนียมในการทำบัตรก็จะเก็บ 300 บาทซึ่งแบ่งเป็นค่าธรรมเนียมแรกเข้า 100 บาทส่วนอีก 200 บาทเป็นค่าบัตรในขณะที่ค่าธรรนเนียมการกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มต่างธนาคารใน 3 ครั้งแรก ธนาคารที่ลูกค้าถือบัตรก็เป็นผู้ที่จ่ายให้กับธนาคารอื่นอยู่แล้ว แต่เมื่อกดเกินครั้งที่ 3 ลูกค้าจึงจะเสีย 5 บาท” นายอนุชิต กล่าว
นายลือชา ศุกรเสพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายละเอียดเรื่อง ธปท.จะขอดูโครงสร้างต้นทุนการจัดเก็บอัตราค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์แต่อย่างใด ซึ่งธนาคารทหารไทยเองมีการรายงานข้อมูลไปยัง ธปท.สม่ำเสมอ
"การเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวมองว่าไม่ได้มีธนาคารไหนเก็บมากหรือน้อยกว่ากัน เพราะเป็นกฏของ ธปท.ที่กำหนดให้มีการเก็บค่าธรรมเนียมในอัตราที่เท่ากัน ส่วนกรณีที่ธนาคารจะมีการปรับลดค่าธรรมเนียมที่เก็บจากลูกลงหรือไม่นั้นขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากต้องรอหารือกับ ธปท.ก่อนถึงความเป็นไปได้" นายลือชากล่าว
จากกรณีที่ลูกค้าร้องเรียนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากการถูกโขกค่าธรรมเนียม (Fee) การกดเงินสดจากเอทีเอ็ม ซึ่งนายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า กำลังขอดูโครงสร้างต้นทุนการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ของธนาคารพาณิชย์ พร้อมยอมรับว่าค่าธรรมเนียมการกดเงินสดจากเอทีเอ็มหากเกิน 4-5 ครั้ง ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเป็น 5 บาท
"ค่าธรรมเนียมที่สูงคงเกิดจากธนาคารมีน้อยเกินไป วิธีแก้คือการเพิ่มธนาคารให้เกิดการแข่งขันแล้วค่าธรรมเนียมจะลดลง เรื่องนี้อยู่ในแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินฉบับที่ 2 หรือมาสเตอร์แพลน 2 โดย ธปท.พยายามที่จะผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ส่วนที่ผ่านมา ธปท.วางกรอบให้ธนาคารจัดเก็บค่าธรรมเนียมต้องเป็นไปตามต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง ไม่สร้างภาระหรือเอาเปรียบผู้ใช้บริการและประชาชนมากเกินไป"
ด้านนายฉิม ตันติยาสวัสดิกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายระบบข้อสนเทศ ธปท. เปิดเผยว่า ธปท.กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนวางแผนกลยุทธ์ในการวางระเบียบกำกับดูแลค่าธรรมเนียมของระบบชำระเงินใหม่ โดยเป็นการหารือกันภายใน ธปท.ถึงปัญหาหรืออุปสรรค รวมถึงเรื่องที่ต้องการเน้นหรือให้ความสำคัญในการการพัฒนาระบบชำระเงินให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเพื่อให้เกิดความธรรมในระยะยาวต่อไปทั้งในแง่ของสถาบันการเงินที่เป็นผู้ให้บริการ และผู้ใช้บริการที่เป็นประชาชนทั่วไป ซึ่งคาดว่าการปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมใหม่นี้จะเริ่มได้ในช่วงต้นปีหน้า
“แบงก์ชาติอยากเห็นการคิดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับระบบชำระเงิน ได้แก่ บัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต บัตรเครดิต เช็ค ถอนเงินสด การโอนเงินสด เป็นต้น เป็นไปตามกลไกตลาด และอยากให้สถาบันการเงินทุกแห่งสามารถแข่งขันได้ รวมถึงประชาชนได้รับประโยชน์ด้วย แต่หากในช่วงที่เรากำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการนี้อยู่ แล้วมีสถาบันการเงินบางแห่งปรับขึ้นค่าธรรมเนียมสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่มีการผูกขาด เราจะใช้อำนาจที่มีอยู่เข้าไปจัดการ” นายฉิมกล่าว
แบงก์วอนเห็นใจต้นทุนสูง
นายอนุชิต อนุชิตานุกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ผู้บริหารสายงาน สายงานบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาด ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) เปิดเผยว่า การที่ธนาคารพาณิชย์เก็บค่าธรรมเนียมในอัตราที่สูงนั้น ในส่วนของธนาคารกรุงไทยเองขอยืนยันว่าทางธนาคารได้มีการหารือกับ ธปท.มานานแล้ว ซึ่งทาง ธปท.ได้ให้ธนาคารรายงานข้อมูลที่เกี่ยวกับต้นทุนการดำเนินงานให้ทราบมาโดยตลอด ซึ่ง ธปท.เองก็รับทราบและเข้าใจเป็นอย่างดีว่าการทำธุรกิจของธนาคารพาณิชย์เป็นอย่างไรในขณะเดียวกันธนาคารก็ยินดีให้ความร่วมมือกับ ธปท.ในการขอดูโครงสร้างดังกล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของอัตราค่าธรรมเนียมที่ธนาคารเก็บจากลูกค้านั้น ก็มาจากต้นทุนของธนาคารทั้งสิ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าธนาคารจะเก็บค่าธรรมเนียมตามต้นทุนทุกบริการ เพราะต้นทุนบริการของธนาคารมีทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงทำให้บางบริการเก็บค่าธรรมเนียมได้แต่บางบริการเก็บไม่ได้
“เราต้องบอกว่าการบริการของธนาคารโดยรวมแล้วมีต้นทุนการดำเนินงานทั้งหมดแต่ธนาคารก็ไม่ได้เก็บจากลูกค้าหมด ส่วนเรื่องการเก็บค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มนั้นก็ถือว่าเป็นมาตรฐานเหมือนกันทุกธนาคารคือค่าธรรนเนียมในการทำบัตรก็จะเก็บ 300 บาทซึ่งแบ่งเป็นค่าธรรมเนียมแรกเข้า 100 บาทส่วนอีก 200 บาทเป็นค่าบัตรในขณะที่ค่าธรรนเนียมการกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มต่างธนาคารใน 3 ครั้งแรก ธนาคารที่ลูกค้าถือบัตรก็เป็นผู้ที่จ่ายให้กับธนาคารอื่นอยู่แล้ว แต่เมื่อกดเกินครั้งที่ 3 ลูกค้าจึงจะเสีย 5 บาท” นายอนุชิต กล่าว
นายลือชา ศุกรเสพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายละเอียดเรื่อง ธปท.จะขอดูโครงสร้างต้นทุนการจัดเก็บอัตราค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์แต่อย่างใด ซึ่งธนาคารทหารไทยเองมีการรายงานข้อมูลไปยัง ธปท.สม่ำเสมอ
"การเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวมองว่าไม่ได้มีธนาคารไหนเก็บมากหรือน้อยกว่ากัน เพราะเป็นกฏของ ธปท.ที่กำหนดให้มีการเก็บค่าธรรมเนียมในอัตราที่เท่ากัน ส่วนกรณีที่ธนาคารจะมีการปรับลดค่าธรรมเนียมที่เก็บจากลูกลงหรือไม่นั้นขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากต้องรอหารือกับ ธปท.ก่อนถึงความเป็นไปได้" นายลือชากล่าว
