ไอ.ซี.ซี.ฯปรับกลยุทธ์ชุดชั้นในบีเอสซี หลังลูกค้ากลุ่มต่างชาติหดหายกว่า 20% เศรษฐกิจไม่ดี ส่งผล 7 เดือนแรก ยอดขายต่ำเป้าหมาย 10% หันหัวรบเจาะกคนไทยมากขึ้น พัฒนาสินค้าที่ตอบสนองครบทั้ง คุณภาพ ความสวย การใช้งาน หวังสิ้นปีคว้ายอดขาย 200 ล้านบาท
นางนงลักษณ์ เตชะบุญเอนก ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณณ์ชุดชั้นใน บีเอสซี บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เนื่องจากผลพวงเศรษฐกิจไม่ดีที่ผ่านมา ประกอบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงไปมากกว่า 20% ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่สำคัญด้วย เพราะมีสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติกว่า 30%ส่งผลให้บริษัทฯต้องปรับกลยุทธ์ในการทำตลาดชุดชั้นในบีเอสซีใหม่
โดยจะหันมาเจาะตลาดกลุ่มมคนไทยมากขึ้น รวมทั้งการพัฒนาสินค้าและคอลเลคชั่นให้เหมาะสมและฟังค์ชันในการใช้งานได้มากขึ้น รวมทั้งพัฒนาเป็นเซ็ตเช่น ชุดชั้นใน กางเกงใน ชุดนอน เป็นต้น เพื่อให้สามารถทำตลาดได้ง่ายขึ้นด้วย หลังจากที่ช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ ยอดขายต่ำกว่าเป้าหมาย 10%
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ทั้งปีบริษัทฯคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายชุดชั้นในบีเอสซีได้ประมาณ 200 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 10% จากปีที่แล้ว ขณะที่ปีที่แล้วเติบโตไม่ถึง 10% ทั้งนี้แผนตลาดจะมีการทำตลส่งเสริมการขาย โปรโมชั่น ที่เพิ่มความถี่มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเกือบ 20% ประกอบกับการทำประชาสัมพันธ์และโฆษณามากขึ้น ด้วยงบการตลาดรวม 20 ล้านบาท
ขณะที่ช่องทางจำหน่ายนั้น จะเพิ่มเคาน์เตอร์บีเอสซีมากขึ้นอีกประมาณ 10-20 จุด หลังจากที่ได้เปิดไปแล้วประมาณ 3-4 จุด จากปัจจุบันที่มีประมาณ 70 กว่าจุด คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีจุดขายเคาน์เตอร์ประมาณ 90 จุด ส่วนจุดขายที่เป็นชอปน้น ปัจจุบันมี 3 สาขาเช่น ที่ตึกออลซีซั่นเพลส นอกจากนั้นก็จำหน่ายผ่านช่องทางร้าน ฮิสแอนด์เฮอร์ในเครือสหพัฒน์อีกด้วย
สำหรับชุดชั้นในบีเอสซีมี 3 กลุ่มหลักคือ 1.เบสิคแฟชั่น สัดส่วนยอดขาย 30% 2.แฟชั่น สัดส่วนยอดขายมากที่สุด 45% 3.ลักชัวรี่ สัดส่วนยอดขาย 25% ซึ่งราคาชุดชั้นในบีเอสซีเฉลี่ยอยู่ที่ 650 บาท
ล่าสุดบริษัทฯได้พัฒนาคอลเลกชันใหม่ สู่ตลาดเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค โดยได้เปิดตัวคอลเลคชั่น คัลเลอร์ฟูลแพสชั่น (Colorful Passion) ซึ่งเป็นชุดชั้นในที่ให้สีสันสดใสเน้นกลุ่มเป้าหมายสาวๆที่รักเกาะติดกระแสแฟชั่น ซึ่งวางแผนใช้งบตลาด 10% ของยอดขายในการทำตลาดคอลเลกชันใหม่นี้
“เราต้องทำการสำรวจวิจัยความต้องการผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงมากขึ้น ว่าเข้าต้องการแบบไหน อย่างไร ใช้งานอย่างไร วัสดุที่ใช้ต้องดี ซึ่งเราจะยังคงยึดหลักที่ว่าสินค้าต้องมีคุณภาพ มีฟังค์ชั่นหลากหลาย มีความสวยงาม” นางนงลักษณ์กล่าว
นางนงลักษณ์ เตชะบุญเอนก ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณณ์ชุดชั้นใน บีเอสซี บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เนื่องจากผลพวงเศรษฐกิจไม่ดีที่ผ่านมา ประกอบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงไปมากกว่า 20% ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่สำคัญด้วย เพราะมีสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติกว่า 30%ส่งผลให้บริษัทฯต้องปรับกลยุทธ์ในการทำตลาดชุดชั้นในบีเอสซีใหม่
โดยจะหันมาเจาะตลาดกลุ่มมคนไทยมากขึ้น รวมทั้งการพัฒนาสินค้าและคอลเลคชั่นให้เหมาะสมและฟังค์ชันในการใช้งานได้มากขึ้น รวมทั้งพัฒนาเป็นเซ็ตเช่น ชุดชั้นใน กางเกงใน ชุดนอน เป็นต้น เพื่อให้สามารถทำตลาดได้ง่ายขึ้นด้วย หลังจากที่ช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ ยอดขายต่ำกว่าเป้าหมาย 10%
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ทั้งปีบริษัทฯคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายชุดชั้นในบีเอสซีได้ประมาณ 200 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 10% จากปีที่แล้ว ขณะที่ปีที่แล้วเติบโตไม่ถึง 10% ทั้งนี้แผนตลาดจะมีการทำตลส่งเสริมการขาย โปรโมชั่น ที่เพิ่มความถี่มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเกือบ 20% ประกอบกับการทำประชาสัมพันธ์และโฆษณามากขึ้น ด้วยงบการตลาดรวม 20 ล้านบาท
ขณะที่ช่องทางจำหน่ายนั้น จะเพิ่มเคาน์เตอร์บีเอสซีมากขึ้นอีกประมาณ 10-20 จุด หลังจากที่ได้เปิดไปแล้วประมาณ 3-4 จุด จากปัจจุบันที่มีประมาณ 70 กว่าจุด คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีจุดขายเคาน์เตอร์ประมาณ 90 จุด ส่วนจุดขายที่เป็นชอปน้น ปัจจุบันมี 3 สาขาเช่น ที่ตึกออลซีซั่นเพลส นอกจากนั้นก็จำหน่ายผ่านช่องทางร้าน ฮิสแอนด์เฮอร์ในเครือสหพัฒน์อีกด้วย
สำหรับชุดชั้นในบีเอสซีมี 3 กลุ่มหลักคือ 1.เบสิคแฟชั่น สัดส่วนยอดขาย 30% 2.แฟชั่น สัดส่วนยอดขายมากที่สุด 45% 3.ลักชัวรี่ สัดส่วนยอดขาย 25% ซึ่งราคาชุดชั้นในบีเอสซีเฉลี่ยอยู่ที่ 650 บาท
ล่าสุดบริษัทฯได้พัฒนาคอลเลกชันใหม่ สู่ตลาดเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค โดยได้เปิดตัวคอลเลคชั่น คัลเลอร์ฟูลแพสชั่น (Colorful Passion) ซึ่งเป็นชุดชั้นในที่ให้สีสันสดใสเน้นกลุ่มเป้าหมายสาวๆที่รักเกาะติดกระแสแฟชั่น ซึ่งวางแผนใช้งบตลาด 10% ของยอดขายในการทำตลาดคอลเลกชันใหม่นี้
“เราต้องทำการสำรวจวิจัยความต้องการผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงมากขึ้น ว่าเข้าต้องการแบบไหน อย่างไร ใช้งานอย่างไร วัสดุที่ใช้ต้องดี ซึ่งเราจะยังคงยึดหลักที่ว่าสินค้าต้องมีคุณภาพ มีฟังค์ชั่นหลากหลาย มีความสวยงาม” นางนงลักษณ์กล่าว