xs
xsm
sm
md
lg

ขบวนการฎีกา

เผยแพร่:   โดย: ชัยสิริ สมุทวณิช

ฎีกาของทักษิณเป็นสายล่อฟ้าและทางสำนักราชวังก็ดำเนินการตามลำดับขั้นตอนคือ ส่งให้รัฐบาลเพื่อให้ความเห็น ส่วนรัฐบาลนี้ก็ต้องให้ข้อมูลพร้อมความเห็นประกอบ

แต่รัฐบาลนั้นอย่างไรเสียก็หนีข้อเท็จจริงในเรื่องทักษิณยังเป็นนักโทษหนีคดีอยู่ไม่ได้

เรื่องวิธีการขั้นตอนในการทำฎีกานั้นมันอีกเรื่องหนึ่ง

รัฐบาลก็สมควรพินิจพิจารณาถึงความเหมาะสมด้วยว่าการกดดันและการดึงฟ้าต่ำเหยียบย่ำแผ่นดิน กินบนเรือนขี้บนหลังคาของคนอย่างทักษิณด้วยการฉ้อราษฎร์บังหลวงนั้นสมควรแล้วหรือที่จะได้รับการอภัยโทษ

เพราะด้านหนึ่งก็หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

อีกด้านหนึ่งกลับขอเมตตา เรียกว่า “ความชอบธรรม”

จะว่ากันแล้วตามเหตุผลอันควร รัฐบาลควรให้ความเห็นไปดังนี้ คือ น่าจะอธิบายถึงความเป็นมาว่าผู้ถวายฎีกา ทำในนามผู้อื่นโดยผู้อื่นนั้นมีประวัติหมิ่นสถาบันและมีพรรคพวกทั้งคนใกล้ชิดโดนคดีหมิ่นสถาบันอีกจำนวนหนึ่ง คดีบางคดียุติลงโดยมีผลจำคุก บางคดียังอยู่ในศาล

ประเด็นต่อมาคือ มีการใช้พลังคนหมู่มากกดดัน ซึ่งไม่สมควรและถือว่าเป็นการโอหังบังอาจ สถาบันพระมหากษัตริย์มิอาจโดนฝูงชนใดกดดันเพื่อหวังผลใดๆ หรือหวังขอความเมตตาได้

ประการสุดท้าย ในการโฟนอินหลายครั้งแม้แต่ครั้งสุดท้ายก็ไม่เห็นหรือปรากฏได้ว่าอดีตนายกฯ ทักษิณจะสำนึกต่อพระมหากรุณาธิคุณใดๆ มีแต่ยุยงคนฝ่ายตนให้กดดัน และสร้างความขัดแย้ง รวมทั้งสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชนด้วย

ทั้งหมดนี้ จึงไม่สมควรที่จะส่งฎีกาให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงรับไว้เพื่อพิจารณาแต่ประการใด

ให้ถือว่าฎีกาฉบับนี้เป็นโมฆะ โดยไม่ต้องส่งคืนแก่ผู้อื่นแต่อย่างใด เพื่อป้องกันการนำไปใช้ประโยชน์ในทางอื่น ซึ่งจะไม่บังควรหรือไม่เหมาะสมได้

ในการโฟนอินครั้งล่าสุดนั้น ทักษิณรู้เท่าทันว่าฎีกาส่งไปยังสำนักราชวัง จึงแสดงตนว่ามีความจงรักภักดีต่อสถาบันขึ้นมาทันทีแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย และยังเป็นครั้งแรกที่แสดงออกนับแต่ออกนอกประเทศไป

ทักษิณอ้างว่าตนนั้นได้สติปัญญาจากในหลวง และพระราชินีในเรื่องการเกษตร เรื่องน้ำ และการแก้ไขความทุกข์ยากของประชาชน

แต่ที่ผ่านมานั้น ก็ไม่ปรากฏว่าครั้งมีอำนาจวาสนา และปกครองประเทศอยู่นั้น ทักษิณจะสนใจหรือได้พัฒนาหรือช่วยมีโครงการที่ตนริเริ่มในด้านการเกษตรหรือเรื่องน้ำ

ส่วนที่ว่าช่วยชาวบ้านเรื่องทุกข์ยาก พอมองเห็นในเรื่องต่างๆ อยู่บ้าง แต่มันเป็นโครงการเพื่อหาเสียงและเป็นประโยชน์ต่อพรรคไทยรักไทยเกือบทั้งหมด

จริงๆ แล้ว มันคือประโยชน์ที่ส่งผลต่อความร่ำรวยที่จะคืนกลับมาหาตัวเขาทั้งสิ้น

ทักษิณพูดตลอดเวลาว่าเขาถูกใส่ร้าย

แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้น จะผ่านกระบวนความยุติธรรมมาแล้ว เขาก็ดันทุรังดื้อรั้นอยู่นั่นแหละ

เขาคิดว่าประชาชนคิดเหมือนกับเขา คือเห็นว่าเขาไม่ได้รับความยุติธรรม

วิธีการรักสถาบันของทักษิณที่เขาอ้างก็พิลึกคนดีแท้

เขาบอกว่า เขารักในหลวง เพราะเขาร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนนอนทุกคืน!!

คุณเชื่อหรือว่าทักษิณจะยืนตัวตรงร้อง “ข้าฯ วรพุทธเจ้า” ได้ทุกคืน

ใครเชื่อถ้าสติไม่ดี ก็ละเมอตอนกลางวันแล้ว

ขบวนการถวายฎีกามาจบลงเมื่อนายวีระ มุสิกพงศ์ (ผู้ที่โดนคดีหมิ่นจนติดคุกมาแล้ว) ได้อ่านคำถวายฎีกาต่อหน้าท่านรองราชเลขาธิการ นายอินจันทร์ บุราพันธ์ โดยขณะเดียวกันฟ้าคำรามส่งเสียงเป็นทอดๆ กัน

พวกเสื้อแดงฉวยโอกาสกระซิบกันต่อๆ ว่า ฟ้าดินเป็นพยาน พิธีกรรมจบลงด้วยเสื้อแดงเปล่งร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี

อนึ่ง ยอดรวมสุทธิของคนเซ็นชื่อมี 3.5 ล้านคน จากการระดมคนทั่วประเทศ

ยอดนี้เสื้อแดงไม่ยอมให้รัฐบาลตรวจ

ขั้นตอนต่อไปก็คือทางสำนักราชเลขาธิการ สำนักพระราชวังก็จะส่งมายังรัฐบาล โดยส่งผ่านมาที่กระทรวงยุติธรรม ซึ่งกระทรวงฯ จะต้องทำการตรวจสอบความเรียบร้อยเสียก่อน

เมื่อตรวจสอบทวนรายชื่อต่างๆ เสร็จแล้ว ก็จะส่งกลับมายังสำนักนายกรัฐมนตรี

สำนักนายกฯ ก็จะดูความเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่ง หากมีข้อสงสัยประการใด เช่น ด้านกฎหมาย ก็อาจถามไปยังกระทรวงยุติธรรมได้

หลังจากนั้นก็จะทำความเห็นประกอบ

ขั้นนี้แหละจะมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งแน่นอนว่า สำนักราชเลขาธิการ จะพิจารณาอีกครั้งต่อความเห็นจากรัฐบาล

อีกขั้นตอนหนึ่งคือ หลังทำความเห็นแล้ว รัฐบาลไม่ได้ส่งตรงไปยังสำนักราชเลขาฯ โดยตรง แต่ต้องให้ทางกระทรวงยุติธรรม พิจารณาดูก่อน

ครับ... เรื่องฎีกามีขั้นตอน

ก็เพื่อให้มีความเรียบร้อยนั่นแหละครับ


ส่วนจะช้าหรือเร็ว ก็อยู่กับขั้นตอนต่างๆ

โดยเฉพาะการตรวจทานรายชื่อ

หากพบว่ามีรายชื่อที่ผิดปกติ เช่น การซ้ำซ้อนมากเกินไป ก็จำเป็นที่ต้องมีการตั้งข้อสังเกตไว้ด้วย

นี่แหละครับ ฎีกาแบบ “กดดัน” จะดึงเอาไว้ไม่ได้

แต่จะเร็วหรือช้า เสื้อแดงก็ต้องรอเช่นกัน

อย่ามากดดัน ทำเป็นเร่งไม่ได้

กำลังโหลดความคิดเห็น