xs
xsm
sm
md
lg

2Sเคาะราคาไอพีโอหุ้นละ1.90บ.มั่นใจขายเกลี้ยงเชื่อภาวะตลาดไม่กระทบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – เซาท์เทิร์นสตีล เคาะราคาขายไอพีโอ 1.90 บาท ให้ส่วนลดนักลงทุน 30% จากP/E กลุ่มเหล็กที่ 8 เท่า มั่นใจขายหุ้นเกลี้ยง เชื่อไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะตลาด เหตุหุ้นขนาดเล็ก-เบื้องต้นนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อจำนวนมาก ด้านผู้บริหารแย้ม รายได้ปีนี้อาจลดลงกว่าปีที่ผ่านมาที่มี 2.8 พันล้านบาท จากราคาเหล็กลดลง เผย ครึ่งปีแรก รายได้ 1.2 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 49 ล้านบาท

นายชูพงษ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ CGS ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เซาท์เทิร์นสตีล จำกัด (มหาชน)หรือ 2S เปิดเผยว่า เซาท์เทิร์นสตีล กำหนดราคาเสนอขายที่ 1.90 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีค่า P/E 5 เท่า โดยมีส่วนลดประมาณ 30% จากหุ้นกลุ่มเหล็กที่มีค่าP/E 8 เท่า โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 19-21 สิงหาคมนี้ และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ในวันที่ 2 กันยายน นี้ เบื้องต้นนักลงทุนในความสนใจจองซื้อหุ้นของบริษัท เซาท์เทิร์นสตีลจำนวนมาก เพราะเป็นบริษัทที่มีกำไรเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ เกือบ 50 ล้านบาท ขณะที่มีทุนจดทะเบียนเพียง 40 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจจะสามารถขายหุ้นของเซาท์เทิร์นสตีลได้หมดและลูกค้าของบริษัทมีอยู่ 3-4 หมื่นบัญชี ซึ่งถือว่ามีนักลงทุนรายย่อยมาที่สุด และเชื่อว่าภาวะไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการเสนอขายหุ้น จากที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยผันผวนมากไปแล้ว เชื่อว่าตลาดหุ้นจะทรง ๆไม่ผันผวนมากกว่าที่ผ่านมา และหุ้นเซาท์เทิร์นสตีล เป็นหุ้นขนาดเล็กไม่น่าได้รับผลกระทบ

นายสมบัติ ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เซาท์เทิร์นสตีล จำกัด (มหาชน)หรือ 2S กล่าวว่า รายได้รวมปีนี้ของบริษัทอาจลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,800 ล้านบาท เนื่องจาก ราคาเหล็กผันผวนและช่วงต้นปีราคาเหล็กปรับตัวลดลงมากต่ำกว่าช่วงปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 40 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 20 บาท ต่อกิโลกรัม โดยส่วนตัวเชื่อว่าจากนี้แนวโน้มราคาเหล็กจะมีการค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ราคาจะไม่สูงเหมือนกับปีที่ผ่านแน่นอน เพราะราคาเหล็กที่ปรับตัวลดลงนั้นทำให้ปริมาณการจำหน่ายเหล็กเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ครึ่งปีแรก บริษัทมีรายได้ 1,200 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 49.72 ล้านบาท ซึ่งจากราคาเหล็กผันผวนนั้นบริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิ( net margin )ที่ 4.9% โดยการพยายามลดต้นทุนในการดำเนินงานให้ลดลง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีหนี้สินต่อทุน (D/E) 0.4 เท่า ซึ่งหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ จะอยู่ที่ 0.3 เท่า โดยเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ บริษัทจะนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท เพื่อให้มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งมากขึ้น เพราะการทำธุรกิจเหล็กจะต้องใช้เงินทุนที่สูงในการสั่งซื้อสินค้า

สำหรับแผนการดำเนินงานบริษัทจะขยายตลาดในแถบอีสานให้มากขึ้น เพราะเป็นแถบที่มีประชากรจำนวนมาก ประกอบกับโครงการภาครัฐที่จะออกมาช่วงปลายปีนี้จะส่งผลให้มีการสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น ขณะที่ภาคใต้ก็จะรักษาส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์)ให้คงที่ ส่วนการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายที่ต่างประเทศนั้นขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนขยายตลาดเพิ่ม ยังคงเน้นที่มาเลเซียก่อน โดยสัดส่วนการขายต่างประเทศของบริษัทอยู่ที่ 20% ของยอดขายรวม โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลทุกปีในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ส่วนจะมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างการหรือไม่นั้นจะต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัท
กำลังโหลดความคิดเห็น