ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
ขณะนี้ วิกฤติกำลังถาโถมเข้าใส่ประเทศไทย หนักหนาสาหัส
วิกฤติเศรษฐกิจของโลก ที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในต่างประเทศของไทย ทำให้การส่งออกแย่ลง การผลิตในประเทศพลอยหยุดชะงัก คนตกงาน บัณฑิตจบใหม่หางานยาก การจับจ่ายใช้สอยฝืดเคือง เศรษฐกิจไม่หมุนเวียน ยิ่งไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 แพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทย และกำลังแพร่กระจายไปสู่ชนบท คุกคามชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน กระทบต่อการท่องเที่ยว ความเชื่อมั่น และการจับจ่ายใช้สอยในระบบเศรษฐกิจ
ในยามวิกฤติฝืดเคืองเช่นนี้ อาชญากรรมทั้งในรูปแบบและนอกรูปแบบก็แพร่กระจาย ลุกลามทั้งในระดับบนและระดับล่าง
วิกฤติที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ทุกประเทศไม่สามารถจะฝากความหวังไว้แค่เฉพาะฝ่ายบริหารของประเทศเท่านั้น แต่ฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเฉพาะฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรก็จะต้องช่วยตรวจสอบ ผลักดัน และช่วยกันกับฝ่ายรัฐบาล โดยถือเอาประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติเป็นสำคัญ เพื่อให้ประเทศชาติส่วนรวมสามารถก้าวผ่านวิกฤติไปให้ได้
แต่ปรากฏว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน ได้กระทำการเชิญเอกอัครราชทูต 34 ประเทศ ไปประชุมที่พรรค พร้อมกับให้ข้อมูลกับตัวแทนรัฐบาลต่างชาติเหล่านั้นว่า ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ตั้งแต่ พ.ศ.2475 จนถึงปัจจุบัน ปัญหาเรื่องการรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ตลอดจนกล่าวหาว่ารัฐธรรมนูญของไทยฉบับปัจจุบันไม่เป็นประชาธิปไตย พร้อมกับกล่าวหาว่า ทั้งรัฐธรรมนูญและสถาบันองค์กรอื่นๆ นอกจากตัวเอง คือปัญหาของประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังบิดเบือนข้อมูลด้วยความเท็จว่า การถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่นักโทษหลบหนีคำพิพากษาของศาลฎีกา โดย ส.ส.ในสังกัดพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนบริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น เป็นการกระทำที่สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และอ้างว่า การกระทำดังกล่าวเป็นประโยชน์กับคนไทยทั้งประเทศ มิใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนของผู้หนึ่งผู้ใด
การทำหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้าน สมควรถูกตำหนิ ถูกประนาม หรือถูกดำเนินการเพื่อเอาผิดตามกฎหมาย หรือไม่ อย่างไร ?
1) บทบาทการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในประเทศต่างๆ นั้น เป็นธรรมดาที่จะไม่เห็นด้วยกับฝ่ายรัฐบาล มีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์และแนะนำรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ แต่ไม่เคยพบว่า ในบรรดาอารยะประเทศทั้งหลาย จะมีการกระทำการปั้นแต่งข้อมูลความเท็จ หรือแม้แต่นำข้อมูลที่ตัวเองเชื่อ กล่าวหาประเทศของตัวต่อบรรดาเอกอัคราชทูตนานาชาติ ว่าชั่วร้ายเลวทรามอย่างไร
เพราะการกระทำเช่นนั้น หากไม่นึกถึงบุญคุณแผ่นดินที่ตนเองได้อาศัยซุกหัวมาชั่วชีวิตแล้ว ก็ย่อมจะต้องฉลาดพอที่จะนึกถึงว่า ที่ผ่านมา ตนเองก็เป็นส่วนหนึ่งของประเทศ ถึงขนาดเคยมีบทบาทเป็นรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันนี้มาก่อน
ถ้ายังจำกันได้ ล่าสุด นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา เมื่อครั้งเดินทางมาร่วมประชุมที่จังหวัดภูเก็ต ให้สัมภาษณ์ว่า เธอเคยต่อสู้ห้ำหั่นกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา อย่างรุนแรงมาก่อน แต่เมื่อต้องปฏิบัติหน้าที่ ก็ต้องทำงานให้รัฐบาลที่จะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับประเทศสหรัฐให้มากที่สุด ความขัดแย้ง การแย่งชิงทางการเมือง ก็ต้องยุติลงไป
ช่างแตกต่างกับฝ่ายค้านในประเทศไทยขณะนี้ ที่นิยมสาวไส้ให้กากิน เสมือนหนึ่งมองว่าต่างชาติเป็นพ่อของเขา
2) ปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งของประเทศชาติในเวลานี้ คือ พรรคเพื่อไทยไม่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านอย่างถูกต้อง ทำให้เราไม่มีฝ่ายนิติบัญญัติที่ทำหน้าที่ของตน เรามีแต่พวกที่รวมตัวกันเพื่อจ้องจะได้อำนาจเป็นฝ่ายบริหาร และถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็ตีรวนทุกวิถีทาง เพราะไม่เห็นความสำคัญของฝ่ายค้าน ไม่รู้จักหน้าที่ ไม่ตระหนักว่า ประเทศชาติต้องการฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่เพื่อส่วนรวม
3) ขณะนี้ ยังไม่มีผู้นำฝ่ายค้านในรัฐสภา ทั้งๆ ที่ เป็นตำแหน่งสำคัญที่ต้องได้รับการโปรดเกล้าฯ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เนื่องจากพรรคฝ่ายค้านยังไม่ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ จะเป็นเพราะไม่ใส่ใจ ไม่เห็นความสำคัญ หรือไม่เคยคิดจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างถูกต้อง หรือขาดคนที่มีความสามารถหรือมีศักยภาพที่น่าเชื่อถือ ?
4) พรรคฝ่ายค้านไม่เคยเสนอร่าง พ.ร.บ. หรือแก้ไขข้อกำหนดกฎหมาย เพื่อควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน แล้วยังไม่พยายามทำหน้าที่ประชุมพิจารณากฎหมายที่คนอื่นเสนอ และพยายามเดินออกนอกห้องประชุมอยู่ร่ำไป (walk out) เพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติออกกฎหมายและทำงานไม่ได้
5) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนอกจากจะไม่ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของตนแล้ว ยังออกเดินสาย ขึ้นเวที และเกณฑ์คนทำหน้าที่ก่อกวนนอกสภา แม้แต่รองประธานสภาผู้แทนราษฎรยังขึ้นเวทีคนเสื้อแดงที่พัทยา แถมปลุกระดมโดยประกาศว่าภายในเดือนธันวาคมนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงแผ่นดินของไทย
6) ฝ่ายค้านไม่เคยคิดที่จะมีรัฐมนตรีเงา คอยติดตามตรวจสอบการทำงานของกระทรวงต่างๆ เพื่อให้ข้อมูลแก่ประชาชนและเพื่อเตรียมสร้างคนให้พร้อมว่าหากต้องเปลี่ยนคณะผู้บริหารประเทศ ประชาชนก็จะมั่นใจได้ว่า ฝ่ายค้านพร้อมที่จะทำงานต่อไปได้ทันที
น่าเสียดาย พรรคฝ่ายค้านไม่ดำเนินการใดๆ ให้ปรากฏในลักษณะนี้เลย
ประชาชนจึงเสียโอกาส และไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อยว่า ถ้าฝ่ายค้านได้มาเป็นรัฐบาล จะไม่ย่ำอยู่ในวงจรเดิมๆ ที่มีการวิ่งเต้นเข้าสู่ตำแหน่ง ยัดเงินยัดทอง และเมื่อเข้าไปแล้วทำงานไม่เป็น ก็จะอ้างว่า “ขอโอกาสทำงาน” – “ขอเรียนรู้งานก่อน”
พูดง่ายๆ ว่า คิดแต่จะเอา แต่ไม่คิดจะพัฒนาตัวเองให้มีความพร้อมหรือให้ประชาชนมีความมั่นใจขึ้นบ้างเลย
7) แม้แต่ฝ่ายนิติบัญญัติอีกส่วนหนึ่ง ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ก็ไม่สนใจจะทำหน้าที่นิติบัญญัติ ที่ต้องคอยคานและดุลอำนาจฝ่ายบริหาร แต่กลับมุ่งไปเดินตามและช่วยงานรัฐมนตรีของพรรค กลายเป็นลูกมือให้ฝ่ายบริหารไปอย่างน่าเสียดาย
8) น่าแปลกใจ... ฝ่ายนิติบัญญัติไม่สนใจทำหน้าที่นิติบัญญัติของตน แต่ฝักใฝ่อยากจะเป็นฝ่ายบริหาร หรืออยากจะแบ่งอำนาจ แบ่งผลประโยชน์กับฝ่ายบริหาร พอถึงคราวจะไปดูงานต่างประเทศ ในโควต้าของฝ่ายนิติบัญญัติ ส.ส.จำนวนมากกลับพร้อมใจกันไปอย่างคึกคัก ตั้งใจไปใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินอย่างไม่ลังเลใจ โดยไปในลักษณะของการไปเที่ยว มากกว่าจะไปศึกษาดูงานอย่างแท้จริง
9) น่าคิดว่า... พรรคเพื่อไทย ที่มีคนของพรรคเข้าไปจัดการ วางแผน ดำเนินการ จัดตั้ง หรือจัดหา ตลอดจนปลุกระดม ยุงยง ส่งเสริม สนับสนุนอยู่ในชบวนการของคนเสื้อแดง ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อถวายฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น จะเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดหรือไม่ ประการใด
หากทราบ หรือควรทราบ ว่าประชาชนทั่วไปไม่มีสิทธิถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่นักโทษที่อยู่ระหว่างการหลบหนีโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลฎีกา แต่ยังกระทำไปด้วยหวังผลในทางการเมืองอันใด? จะเป็นการทำหน้าที่ของพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยหรือไม่? หรือหวังจะเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ?
การกระทำครั้งนี้ และการกระทำที่ต่อเนื่องกันมาเป็นลำดับ เป็นกระบวนการ โดยมีเครือข่ายสนับสนุน สอดรับมาเป็นขั้นเป็นตอนนั้น สะท้อนเจตนาที่เป็นคุณ หรือเป็นภัยร้ายแรงต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข?
สรุป
การเมืองคือเรื่องอำนาจ ซึ่งระบอบประชาธิปไตยของไทย ก็ได้มีการแบ่งแยกอำนาจตามหลักสากล คือ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ
แต่ขณะนี้ การเมืองไทยกำลังพิการ เพราะส่วนของอำนาจนิติบัญญัติ ที่พรรคฝ่ายค้าน คือ พรรคเพื่อไทย แทนที่จะทำหน้าที่อย่างจริงจังและถูกต้อง แต่กลับไม่ทำหน้าที่ของตน เฝ้าแต่จะหาช่องทางชิงอำนาจให้คนบางคน และยังทำตัวเป็นบ่างช่างยุ สาวไส้ให้กากิน ปลุกปั่น สร้างความระแวงสงสัยให้ทูตานุทูตและประเทศต่างๆ เพื่อไม่ให้เชื่อมั่นประเทศไทย
เขาทำไปเพื่อไทย หรือทำเพื่อใคร ?
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
ขณะนี้ วิกฤติกำลังถาโถมเข้าใส่ประเทศไทย หนักหนาสาหัส
วิกฤติเศรษฐกิจของโลก ที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในต่างประเทศของไทย ทำให้การส่งออกแย่ลง การผลิตในประเทศพลอยหยุดชะงัก คนตกงาน บัณฑิตจบใหม่หางานยาก การจับจ่ายใช้สอยฝืดเคือง เศรษฐกิจไม่หมุนเวียน ยิ่งไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 แพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทย และกำลังแพร่กระจายไปสู่ชนบท คุกคามชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน กระทบต่อการท่องเที่ยว ความเชื่อมั่น และการจับจ่ายใช้สอยในระบบเศรษฐกิจ
ในยามวิกฤติฝืดเคืองเช่นนี้ อาชญากรรมทั้งในรูปแบบและนอกรูปแบบก็แพร่กระจาย ลุกลามทั้งในระดับบนและระดับล่าง
วิกฤติที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ทุกประเทศไม่สามารถจะฝากความหวังไว้แค่เฉพาะฝ่ายบริหารของประเทศเท่านั้น แต่ฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเฉพาะฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรก็จะต้องช่วยตรวจสอบ ผลักดัน และช่วยกันกับฝ่ายรัฐบาล โดยถือเอาประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติเป็นสำคัญ เพื่อให้ประเทศชาติส่วนรวมสามารถก้าวผ่านวิกฤติไปให้ได้
แต่ปรากฏว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน ได้กระทำการเชิญเอกอัครราชทูต 34 ประเทศ ไปประชุมที่พรรค พร้อมกับให้ข้อมูลกับตัวแทนรัฐบาลต่างชาติเหล่านั้นว่า ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ตั้งแต่ พ.ศ.2475 จนถึงปัจจุบัน ปัญหาเรื่องการรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ตลอดจนกล่าวหาว่ารัฐธรรมนูญของไทยฉบับปัจจุบันไม่เป็นประชาธิปไตย พร้อมกับกล่าวหาว่า ทั้งรัฐธรรมนูญและสถาบันองค์กรอื่นๆ นอกจากตัวเอง คือปัญหาของประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังบิดเบือนข้อมูลด้วยความเท็จว่า การถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่นักโทษหลบหนีคำพิพากษาของศาลฎีกา โดย ส.ส.ในสังกัดพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนบริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น เป็นการกระทำที่สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และอ้างว่า การกระทำดังกล่าวเป็นประโยชน์กับคนไทยทั้งประเทศ มิใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนของผู้หนึ่งผู้ใด
การทำหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้าน สมควรถูกตำหนิ ถูกประนาม หรือถูกดำเนินการเพื่อเอาผิดตามกฎหมาย หรือไม่ อย่างไร ?
1) บทบาทการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในประเทศต่างๆ นั้น เป็นธรรมดาที่จะไม่เห็นด้วยกับฝ่ายรัฐบาล มีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์และแนะนำรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ แต่ไม่เคยพบว่า ในบรรดาอารยะประเทศทั้งหลาย จะมีการกระทำการปั้นแต่งข้อมูลความเท็จ หรือแม้แต่นำข้อมูลที่ตัวเองเชื่อ กล่าวหาประเทศของตัวต่อบรรดาเอกอัคราชทูตนานาชาติ ว่าชั่วร้ายเลวทรามอย่างไร
เพราะการกระทำเช่นนั้น หากไม่นึกถึงบุญคุณแผ่นดินที่ตนเองได้อาศัยซุกหัวมาชั่วชีวิตแล้ว ก็ย่อมจะต้องฉลาดพอที่จะนึกถึงว่า ที่ผ่านมา ตนเองก็เป็นส่วนหนึ่งของประเทศ ถึงขนาดเคยมีบทบาทเป็นรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันนี้มาก่อน
ถ้ายังจำกันได้ ล่าสุด นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา เมื่อครั้งเดินทางมาร่วมประชุมที่จังหวัดภูเก็ต ให้สัมภาษณ์ว่า เธอเคยต่อสู้ห้ำหั่นกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา อย่างรุนแรงมาก่อน แต่เมื่อต้องปฏิบัติหน้าที่ ก็ต้องทำงานให้รัฐบาลที่จะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับประเทศสหรัฐให้มากที่สุด ความขัดแย้ง การแย่งชิงทางการเมือง ก็ต้องยุติลงไป
ช่างแตกต่างกับฝ่ายค้านในประเทศไทยขณะนี้ ที่นิยมสาวไส้ให้กากิน เสมือนหนึ่งมองว่าต่างชาติเป็นพ่อของเขา
2) ปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งของประเทศชาติในเวลานี้ คือ พรรคเพื่อไทยไม่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านอย่างถูกต้อง ทำให้เราไม่มีฝ่ายนิติบัญญัติที่ทำหน้าที่ของตน เรามีแต่พวกที่รวมตัวกันเพื่อจ้องจะได้อำนาจเป็นฝ่ายบริหาร และถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็ตีรวนทุกวิถีทาง เพราะไม่เห็นความสำคัญของฝ่ายค้าน ไม่รู้จักหน้าที่ ไม่ตระหนักว่า ประเทศชาติต้องการฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่เพื่อส่วนรวม
3) ขณะนี้ ยังไม่มีผู้นำฝ่ายค้านในรัฐสภา ทั้งๆ ที่ เป็นตำแหน่งสำคัญที่ต้องได้รับการโปรดเกล้าฯ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เนื่องจากพรรคฝ่ายค้านยังไม่ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ จะเป็นเพราะไม่ใส่ใจ ไม่เห็นความสำคัญ หรือไม่เคยคิดจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างถูกต้อง หรือขาดคนที่มีความสามารถหรือมีศักยภาพที่น่าเชื่อถือ ?
4) พรรคฝ่ายค้านไม่เคยเสนอร่าง พ.ร.บ. หรือแก้ไขข้อกำหนดกฎหมาย เพื่อควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน แล้วยังไม่พยายามทำหน้าที่ประชุมพิจารณากฎหมายที่คนอื่นเสนอ และพยายามเดินออกนอกห้องประชุมอยู่ร่ำไป (walk out) เพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติออกกฎหมายและทำงานไม่ได้
5) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนอกจากจะไม่ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของตนแล้ว ยังออกเดินสาย ขึ้นเวที และเกณฑ์คนทำหน้าที่ก่อกวนนอกสภา แม้แต่รองประธานสภาผู้แทนราษฎรยังขึ้นเวทีคนเสื้อแดงที่พัทยา แถมปลุกระดมโดยประกาศว่าภายในเดือนธันวาคมนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงแผ่นดินของไทย
6) ฝ่ายค้านไม่เคยคิดที่จะมีรัฐมนตรีเงา คอยติดตามตรวจสอบการทำงานของกระทรวงต่างๆ เพื่อให้ข้อมูลแก่ประชาชนและเพื่อเตรียมสร้างคนให้พร้อมว่าหากต้องเปลี่ยนคณะผู้บริหารประเทศ ประชาชนก็จะมั่นใจได้ว่า ฝ่ายค้านพร้อมที่จะทำงานต่อไปได้ทันที
น่าเสียดาย พรรคฝ่ายค้านไม่ดำเนินการใดๆ ให้ปรากฏในลักษณะนี้เลย
ประชาชนจึงเสียโอกาส และไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อยว่า ถ้าฝ่ายค้านได้มาเป็นรัฐบาล จะไม่ย่ำอยู่ในวงจรเดิมๆ ที่มีการวิ่งเต้นเข้าสู่ตำแหน่ง ยัดเงินยัดทอง และเมื่อเข้าไปแล้วทำงานไม่เป็น ก็จะอ้างว่า “ขอโอกาสทำงาน” – “ขอเรียนรู้งานก่อน”
พูดง่ายๆ ว่า คิดแต่จะเอา แต่ไม่คิดจะพัฒนาตัวเองให้มีความพร้อมหรือให้ประชาชนมีความมั่นใจขึ้นบ้างเลย
7) แม้แต่ฝ่ายนิติบัญญัติอีกส่วนหนึ่ง ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ก็ไม่สนใจจะทำหน้าที่นิติบัญญัติ ที่ต้องคอยคานและดุลอำนาจฝ่ายบริหาร แต่กลับมุ่งไปเดินตามและช่วยงานรัฐมนตรีของพรรค กลายเป็นลูกมือให้ฝ่ายบริหารไปอย่างน่าเสียดาย
8) น่าแปลกใจ... ฝ่ายนิติบัญญัติไม่สนใจทำหน้าที่นิติบัญญัติของตน แต่ฝักใฝ่อยากจะเป็นฝ่ายบริหาร หรืออยากจะแบ่งอำนาจ แบ่งผลประโยชน์กับฝ่ายบริหาร พอถึงคราวจะไปดูงานต่างประเทศ ในโควต้าของฝ่ายนิติบัญญัติ ส.ส.จำนวนมากกลับพร้อมใจกันไปอย่างคึกคัก ตั้งใจไปใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินอย่างไม่ลังเลใจ โดยไปในลักษณะของการไปเที่ยว มากกว่าจะไปศึกษาดูงานอย่างแท้จริง
9) น่าคิดว่า... พรรคเพื่อไทย ที่มีคนของพรรคเข้าไปจัดการ วางแผน ดำเนินการ จัดตั้ง หรือจัดหา ตลอดจนปลุกระดม ยุงยง ส่งเสริม สนับสนุนอยู่ในชบวนการของคนเสื้อแดง ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อถวายฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น จะเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดหรือไม่ ประการใด
หากทราบ หรือควรทราบ ว่าประชาชนทั่วไปไม่มีสิทธิถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่นักโทษที่อยู่ระหว่างการหลบหนีโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลฎีกา แต่ยังกระทำไปด้วยหวังผลในทางการเมืองอันใด? จะเป็นการทำหน้าที่ของพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยหรือไม่? หรือหวังจะเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ?
การกระทำครั้งนี้ และการกระทำที่ต่อเนื่องกันมาเป็นลำดับ เป็นกระบวนการ โดยมีเครือข่ายสนับสนุน สอดรับมาเป็นขั้นเป็นตอนนั้น สะท้อนเจตนาที่เป็นคุณ หรือเป็นภัยร้ายแรงต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข?
สรุป
การเมืองคือเรื่องอำนาจ ซึ่งระบอบประชาธิปไตยของไทย ก็ได้มีการแบ่งแยกอำนาจตามหลักสากล คือ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ
แต่ขณะนี้ การเมืองไทยกำลังพิการ เพราะส่วนของอำนาจนิติบัญญัติ ที่พรรคฝ่ายค้าน คือ พรรคเพื่อไทย แทนที่จะทำหน้าที่อย่างจริงจังและถูกต้อง แต่กลับไม่ทำหน้าที่ของตน เฝ้าแต่จะหาช่องทางชิงอำนาจให้คนบางคน และยังทำตัวเป็นบ่างช่างยุ สาวไส้ให้กากิน ปลุกปั่น สร้างความระแวงสงสัยให้ทูตานุทูตและประเทศต่างๆ เพื่อไม่ให้เชื่อมั่นประเทศไทย
เขาทำไปเพื่อไทย หรือทำเพื่อใคร ?