“หมอเลี้ยบ” ยืนยันงบประมาณปี 2552 เปลี่ยนแปลงไม่ได้ สั่งเพิ่มสัดส่วนเป็น 3% ของจีดีพี เตรียมเข้าสู่สภาวาระ 2 ในเดือน ก.ย.นี้ โดยเชื่อว่า ครม.ส่วนใหญ่ยังกอดเก้าอี้กันได้เหนียวแน่น แต่อาจปรับ รมต.บางตำแหน่ง พร้อมปฏิเสธเปลี่ยนทีม ศก.ยกชุด
วันนี้ (11 ก.ค.) นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 ยังคงเดินหน้าต่อไป โดยมั่นใจว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะไม่คิดยุบสภาแน่นอน และจะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 2 ราวเดือน ก.ย.นี้ และมั่นใจว่าจะเริ่มใช้ได้ทันในเดือน ต.ค.2551
นพ.สุรพงษ์ ยังปฏิเสธกระแสข่าวที่ระบุว่า รัฐบาลจะปรับคณะรัฐมนตรีในทีมเศรษฐกิจทั้งชุด โดยยืนยันว่า เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น เพราะขณะนี้รัฐบาลมีหลายงานที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลคงจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีแน่ แต่เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งการปรับคณะรัฐมนตรีจะต้องทำโดยเร็ว แต่ไม่ใช่ว่าต้องรีบตัดสินใจภายใน 1-2 วันนี้ พร้อมย้ำว่า นายกรัฐมนตรีจะไม่ยุบสภาหรือลาออกอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่มีการเสนอให้รัฐบาลใช้มาตรการการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มงบประมาณขาดดุลนั้น มองว่า การขาดดุลงบประมาณปี 2552 ที่ตั้งไว้ 2.5% ของจีดีพี คงไม่สามารถทบทวนได้แล้ว แต่หากรัฐบาลจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมในระหว่างปีงบ 2552 ก็สามารถจัดทำงบประมาณกลางปีได้
“ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะจัดทำงบกลางปี ซึ่งการจัดทำงบกลางปี ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด” นพ.สุรพงษ์ ระบุ
รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า มาตรการในการกระตุ้นศรษฐกิจต้องใช้ทั้งมาตรการการเงิน และมาตรการการคลังควบคู่กัน ซึ่งหากนโยบายการเงินมีข้อจำกัดไม่สามารถดำเนินนโยบายในรูปที่มีได้ นโยบายการคลังจะเข้ามาช่วยสนับสนุน โดยการให้ทุกคนมีรายได้จากการทำงาน มีรายได้เสริม แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
อย่างไรก็ดี ขณะนี้รัฐบาลได้เตรียมการศึกษาไว้แล้วในการจัดทำงบประมาณกลางปีเพิ่มเติม แต่ต้องขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน หากมีปัญหาเศรษฐกิจซบเซาและมีความจำเป็นต้องใช้นโยบายการคลังเพิ่มเติมก็ต้องตั้งงบประมาณเพิ่มเติม
หากอัตราเงินเฟ้อขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลัก จะต้องพิจารณาจัดทำงบประมาณกลางปีหรือไม่นั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้การติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจถือเป็นเรื่องสำคัญ หากการเติบโตของจีดีพีน้อยกว่า 5% ก็มีโอกาสที่จะทำให้เกิดการว่างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งเราต้องเตรียมการให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นให้แต่ละคนมีโอกาสหารายได้ มีธุรกิจเป็นของตัวเอง
“ก็ดูจากบัณฑิตจบใหม่เมื่อไม่สามารถเข้าสู่ระบบแรงงานได้ ก็ดูว่าจะทำอย่างไรให้เขามีธุรกิจเป็นของตัวเอง ซึ่งรัฐบาลเตรียมการนั่นดูหลายมิติ ทั้งการเติบโตเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และการว่างงาน ตลอดจนปัญหาอื่นๆ” นพ.สุรพงษ์ กล่าวสรุปทิ้งท้าย