“ปตท.”อ่วมครึ่งปีแรกกำไรลดวูบกว่า 50% เหลือเพียง 2.7 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่เคยทำได้ถึง 5.6 หมื่นล้าน อ้างราคาขายผลิตภัณฑ์ลด อีกทั้งยังโดนซ้ำเดิมจากบริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุนที่ส่งส่วนแบ่งกำไรให้น้อยลง
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) (PTT) เปิดเผยถึงผลดำเนินงานในไตรมาส 2/52 ว่า มีกำไรสุทธิ 19,895.16 ล้านบาท ลดลง9,989 ล้านบาท หรือลดลง 33.4%จากไตรมาส2/51 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 29,884.50 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเหลืออยู่ที่ 7.04 บาท/หุ้น ลดลงจากไตรมาส2/51 ซึ่งอยู่ที่ 10.60 บาท/หุ้น เช่นกัน
ขณะที่ผลดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปีนี้ PTT มีกำไรสุทธิ 27,343.87 ล้านบาท ลดลง 28,673 ล้านบาท หรือ 51.2% จากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาซึ่งมีอยู่ที่ 56,017.06 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้นลดลงเหลือ 9.68 บาท/หุ้น จากเดิม 19.88 บาท/หุ้น
สำหรับงบการเงินเฉพาะกิจการของPTT ในไตรมาส2/52 พบว่า มีกำไรสุทธิ 10,208.58 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส2/51 ซึ่งมี 20,213.74 ล้านบาท เช่นเดียวกับงวด 6 เดือนแรกซึ่งมีกำไรสุทธิลดลงเหลือ 17,498.32 ล้านบาท ลดลงจาก 37,367.05 ล้านบาทของช่วง 6 เดือนแรกเมื่อปี 2551
โดยในไตรมาส2/ ปตท.และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 387,056 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส2//51 จำนวน 202,394 ล้านบาท หรือ 34.3% อีกทั้งมีกำไรก่อนหักต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นและรายได้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน (EBITDA) 35,056 ล้านบาท ลดลง23.2% จาก 10,605 ล้านบาทเมื่อไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว
ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงตามราคาผลิตภัณฑ์ในตลาดโลกที่ปรับลดลง (ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยใน 2Q/52 อยู่ที่ระดับ 59.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 49.1% เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยใน2Q/51 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 116.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) นอกจากนี้ ปตท.และบริษัทย่อยมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 8,025 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 2/51 ที่มี 13,355 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทในเครือกลุ่มธุรกิจการกลั่นที่มีค่าการกลั่น (GRM) ลดลงมาก ทั้งในส่วนของ Market GRM และ Stock Gain
ประกอบกับบริษัทในเครือกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี ก็มีส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ (Product-to-feed margin) ลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2551 แม้ว่าในไตรมาส2นี้จะมีกำไรจากอัตรแลกเปลี่ยนจำนวน 2,840 ล้านบาท
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) (PTT) เปิดเผยถึงผลดำเนินงานในไตรมาส 2/52 ว่า มีกำไรสุทธิ 19,895.16 ล้านบาท ลดลง9,989 ล้านบาท หรือลดลง 33.4%จากไตรมาส2/51 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 29,884.50 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเหลืออยู่ที่ 7.04 บาท/หุ้น ลดลงจากไตรมาส2/51 ซึ่งอยู่ที่ 10.60 บาท/หุ้น เช่นกัน
ขณะที่ผลดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปีนี้ PTT มีกำไรสุทธิ 27,343.87 ล้านบาท ลดลง 28,673 ล้านบาท หรือ 51.2% จากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาซึ่งมีอยู่ที่ 56,017.06 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้นลดลงเหลือ 9.68 บาท/หุ้น จากเดิม 19.88 บาท/หุ้น
สำหรับงบการเงินเฉพาะกิจการของPTT ในไตรมาส2/52 พบว่า มีกำไรสุทธิ 10,208.58 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส2/51 ซึ่งมี 20,213.74 ล้านบาท เช่นเดียวกับงวด 6 เดือนแรกซึ่งมีกำไรสุทธิลดลงเหลือ 17,498.32 ล้านบาท ลดลงจาก 37,367.05 ล้านบาทของช่วง 6 เดือนแรกเมื่อปี 2551
โดยในไตรมาส2/ ปตท.และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 387,056 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส2//51 จำนวน 202,394 ล้านบาท หรือ 34.3% อีกทั้งมีกำไรก่อนหักต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นและรายได้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน (EBITDA) 35,056 ล้านบาท ลดลง23.2% จาก 10,605 ล้านบาทเมื่อไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว
ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงตามราคาผลิตภัณฑ์ในตลาดโลกที่ปรับลดลง (ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยใน 2Q/52 อยู่ที่ระดับ 59.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 49.1% เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยใน2Q/51 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 116.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) นอกจากนี้ ปตท.และบริษัทย่อยมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 8,025 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 2/51 ที่มี 13,355 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทในเครือกลุ่มธุรกิจการกลั่นที่มีค่าการกลั่น (GRM) ลดลงมาก ทั้งในส่วนของ Market GRM และ Stock Gain
ประกอบกับบริษัทในเครือกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี ก็มีส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ (Product-to-feed margin) ลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2551 แม้ว่าในไตรมาส2นี้จะมีกำไรจากอัตรแลกเปลี่ยนจำนวน 2,840 ล้านบาท