ศูนย์ข่าวศรีราชา-แบงก์กรุงไทยกลุ่มเครือข่ายภาคตะวันออก ขยับเป้าการปล่อยสินเชื่อช่วงครึ่งปีหลังอีก 2 พันล้านบาท หลังตัวเลขปล่อยกู้ครึ่งปีแรกทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ตลอดทั้งปีจำนวน 3 พันล้านบาท เผยนโยบายดังกล่าวนอกจากจะปฏิบัติตามมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจของกระทรวงการคลังในฐานะธนาคารของรัฐแล้ว ยังจะกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนภาคการลงทุนในธุรกิจท่องเที่ยวและพาณิชยกรรมในพื้นที่
นายสมจิตร์ พงษ์พิทักษ์วิเศษ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารกลุ่มธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กลุ่มเครือข่ายภาคตะวันออก เผยว่าขณะนี้กลุ่มธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เครือข่ายภาคตะวันออก ได้พิจารณาเพิ่มวงเงินปล่อยกู้ในช่วงครึ่งปีหลัง 2552 อีก 2 พันล้านบาท หลังพบตัวเลขการปล่อยกู้ในช่วงครึ่งปีแรกมีสูงกว่า 3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ตลอดทั้งปี
ที่สำคัญการเพิ่มวงเงินปล่อยกู้ดังกล่าว นอกจากจะตอบสนองความต้องการในการหาสินเชื่อเพื่อขยายการลงทุนของกลุ่มนักลงทุนในพื้นที่และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแล้ว ยังเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงการคลังที่ต้องการให้แบงก์ของรัฐสนับสนุนการปล่อยเงินกู้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล
สำหรับเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อในครึ่งปีหลัง กลุ่มธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เครือข่ายภาคตะวันออก พุ่งเป้าการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและพาณิชยกรรม เพราะเป็นธุรกิจที่ถือเป็นหัวใจของประเทศและมีทิศทางที่จะฟื้นตัวก่อนธุรกิจประเภทอื่น รองลงมาก็คือการปล่อยกู้ให้แก่ผู้ต้องการที่อยู่อาศัย
“ จากเดิมเราตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อในพื้นที่ภาคตะวันออกในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 56 % ของวงเงินที่มี แต่ในเมื่อกระทรวงการคลังมีนโยบายให้แบงก์พาณิชย์โดยเฉพาะแบงก์ของรัฐสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อในครึ่งปีหลังเพื่อให้เกิดกระแสเงินหมุนเวียนในประเทศ แบงก์ก็พร้อมที่จะขยายวงเงินปล่อยกู้เพิ่มอีก 10% หรือคิดเป็นประมาณ 2 พันล้านบาท ส่วนสาเหตุที่ทำให้ยอดปล่อยกู้ในช่วงครึ่งปีแรกของเครือข่ายทะลุ 3 พันล้านบาท น่าจะมาจากการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของแบงก์พาณิชย์อื่นๆ ที่เป็นปัจจัยผลักให้กลุ่มผู้กู้หันมาขอรับการสนับสนุนจากแบงก์กรุงไทยแทน ”
นายสมจิตร์ ยังเผยถึงสิ่งที่สร้างความมั่นใจว่าจะสามารถปล่อยกู้ในครึ่งปีหลังได้อีกไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาทว่ามาจากแรงสนันสนุนในเรื่องของหนี้ NPLs ที่พบว่าจากเดิมภาคตะวันออกมีประมาณ 3% แต่ขณะนี้ลดเหลือไม่ถึง 2% และเมื่อขยับเป้าการปล่อยสินเชื่อตลอดทั้งปีเป็น 5 พันล้านบาทแล้วก็คาดว่าจะมียอด NPLs ไม่เกิน 3%
นอกจากนั้นการจัดโครงการ “ไปช้อป ไปแบงก์กรุงไทย” เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีเงินออมกับธนาคารและผู้สนใจสินค้าในเครือได้ผ่อนชำระค่าสินค้าในอัตราดอกเบี้ยต่ำกับธนาคาร ยังเป็นอีกหนึ่งหนทางที่ทำให้ประชาชนรับรู้ถึงความหลากหลายในการให้บริการทางการเงินของธนาคาร และยังเป็นการชิมลางในธุรกิจลีสชิ่งของธนาคารอีกด้วย
นายสมจิตร์ พงษ์พิทักษ์วิเศษ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารกลุ่มธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กลุ่มเครือข่ายภาคตะวันออก เผยว่าขณะนี้กลุ่มธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เครือข่ายภาคตะวันออก ได้พิจารณาเพิ่มวงเงินปล่อยกู้ในช่วงครึ่งปีหลัง 2552 อีก 2 พันล้านบาท หลังพบตัวเลขการปล่อยกู้ในช่วงครึ่งปีแรกมีสูงกว่า 3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ตลอดทั้งปี
ที่สำคัญการเพิ่มวงเงินปล่อยกู้ดังกล่าว นอกจากจะตอบสนองความต้องการในการหาสินเชื่อเพื่อขยายการลงทุนของกลุ่มนักลงทุนในพื้นที่และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแล้ว ยังเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงการคลังที่ต้องการให้แบงก์ของรัฐสนับสนุนการปล่อยเงินกู้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล
สำหรับเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อในครึ่งปีหลัง กลุ่มธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เครือข่ายภาคตะวันออก พุ่งเป้าการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและพาณิชยกรรม เพราะเป็นธุรกิจที่ถือเป็นหัวใจของประเทศและมีทิศทางที่จะฟื้นตัวก่อนธุรกิจประเภทอื่น รองลงมาก็คือการปล่อยกู้ให้แก่ผู้ต้องการที่อยู่อาศัย
“ จากเดิมเราตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อในพื้นที่ภาคตะวันออกในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 56 % ของวงเงินที่มี แต่ในเมื่อกระทรวงการคลังมีนโยบายให้แบงก์พาณิชย์โดยเฉพาะแบงก์ของรัฐสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อในครึ่งปีหลังเพื่อให้เกิดกระแสเงินหมุนเวียนในประเทศ แบงก์ก็พร้อมที่จะขยายวงเงินปล่อยกู้เพิ่มอีก 10% หรือคิดเป็นประมาณ 2 พันล้านบาท ส่วนสาเหตุที่ทำให้ยอดปล่อยกู้ในช่วงครึ่งปีแรกของเครือข่ายทะลุ 3 พันล้านบาท น่าจะมาจากการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของแบงก์พาณิชย์อื่นๆ ที่เป็นปัจจัยผลักให้กลุ่มผู้กู้หันมาขอรับการสนับสนุนจากแบงก์กรุงไทยแทน ”
นายสมจิตร์ ยังเผยถึงสิ่งที่สร้างความมั่นใจว่าจะสามารถปล่อยกู้ในครึ่งปีหลังได้อีกไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาทว่ามาจากแรงสนันสนุนในเรื่องของหนี้ NPLs ที่พบว่าจากเดิมภาคตะวันออกมีประมาณ 3% แต่ขณะนี้ลดเหลือไม่ถึง 2% และเมื่อขยับเป้าการปล่อยสินเชื่อตลอดทั้งปีเป็น 5 พันล้านบาทแล้วก็คาดว่าจะมียอด NPLs ไม่เกิน 3%
นอกจากนั้นการจัดโครงการ “ไปช้อป ไปแบงก์กรุงไทย” เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีเงินออมกับธนาคารและผู้สนใจสินค้าในเครือได้ผ่อนชำระค่าสินค้าในอัตราดอกเบี้ยต่ำกับธนาคาร ยังเป็นอีกหนึ่งหนทางที่ทำให้ประชาชนรับรู้ถึงความหลากหลายในการให้บริการทางการเงินของธนาคาร และยังเป็นการชิมลางในธุรกิจลีสชิ่งของธนาคารอีกด้วย