ศูนย์ข่าวศรีราชา -พิษเศรษฐกิจ ส่งผลต่อเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในปี 2552 ของแบงก์กรุงไทยเครือข่ายภาคตะวันออก ที่ต้องปรับลดให้เหลือประมาณ 2-3 พันล้านบาท เพื่อให้สอดรับกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า ขณะเดียวกันยังเฝ้าจับตากลุ่มเป้าหมายที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่ส่อเค้ามีปัญหาป้องกัน NPLs ที่อาจเกิดขึ้น ระบุปี 2551 เครือข่ายภาคตะวันออก มีลูกหนี้ที่ขอปรับโครงสร้างหนี้ 5-7%ของยอดปล่อยกู้ และมีปัญหา NPLs เพียง 3% ส่วนปี 2552 ตั้งตัวเลขต้องไม่เกิน 2.5%
นายสมจิตร์ พงษ์พิทักษ์วิเศษ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารกลุ่มธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กลุ่มเครือข่ายภาคตะวันออก เผยถึงเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในพื้นที่ภาคตะวันออกในปี 2552ว่า จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อที่ลดลงจากปีก่อนที่มีประมาณ 4-5 พันล้านบาท โดยสาเหตุของการปรับลดเป้าดังกล่าวมาจากภาวะเศรษฐกิจและปัญหาการเลิกจ้าง โดยเฉพาะในภาคอุตสาห กรรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว
ดังนั้นเพื่อให้สอดรับกับความสามารถในการผ่อนชำระเงินกู้ในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องปรับลดเป้าลงเพื่อป้องกันปัญหา หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs )ทั้งนี้ปัญหาที่พบว่าเป็นอุปสรรคสำคัญของการอนุมัติสินเชื่อให้แก่ลูกค้าก็คือขีดความสามารถในการผ่อนชำระที่ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญ
สำหรับนโยบายหลักในการป้องกันปัญหา NPLs ในขณะนี้ นอกจากเจ้าหน้าที่ของเครือข่ายจะเข้าพูดคุยกับลูกค้าที่เริ่มมีปัญหาในการผ่อนชำระหรือผิดนัดชำระติดต่อกัน 2-3 เดือนเพื่อให้ความช่วยเหลือในการพิจารณาปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ยังเฝ้าจับตากลุ่มผู้ขอสินเชื่อที่ทำงานในกิจการหรือโรงงานอุตสาหกรรมที่ส่อเค้ามีปัญหา รวมทั้งการเข้าพูดคุยกับเจ้าของกิจการเพื่อให้ความช่วยเหลือป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในวงกว้าง
“ในปี 2551 เรามีลูกหนี้ที่ต้องปรับโครงสร้างหนี้ประมาณ 5-7% ของตัวเลขการปล่อยกู้ทั้งหมด และ สามารถแก้ไขปัญหาได้จนทำให้ NPLs ในปีนั้นเหลือเพียง 3% และในปี 2552 เราก็ตั้งเป้าว่าจะต้องมี NPLs จากการปล่อยกู้ดังกล่าวไม่เกิน 2.5% อย่างไรก็ดี แบงก์ยังยืนยันว่าเรามีความยินดีที่จะปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้กู้ ทุกประเภท ซึ่งการพิจารณาการให้สินเชื่อก็ยังคงเป็นไปตามปกติและไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆเพิ่มเติม”
นายสมจิตร์ ยังเผยอีกว่าแม้สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันจะทำให้ประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่อย่างชลบุรี และระยองชะลอการใช้จ่าย รวมทั้งเปลี่ยนพฤติกรรมการออมจากการฝากเงินกินดอกเบี้ยไปเป็นการนำเงินออมที่มีเข้าลงทุนในตราสารต่างๆ แต่ความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชนกลับไม่ลดน้อยลง เห็นได้จากยอดการปล่อยกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กลุ่มเครือข่ายภาคตะวันออก เฉพาะไตรมาสแรก ที่มียอดการปล่อยสินเชื่อแล้วกว่า 50% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยหากยังเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ยอดปล่อยสินเชื่อตลอดทั้งปีสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน