xs
xsm
sm
md
lg

เสรีลงทุนอาเซียน-จีนลงนามแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”มั่นใจการลงนามความตกลงเปิดเสรีการลงทุนอาเซียน-จีน ในการประชุม AEM ครั้งนี้ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นด้านการลงทุน และดึงดูดการลงทุนมาอาเซียนและจีนได้เพิ่มขึ้น พร้อมลุ้นให้มีการลงนามเปิดเสรีการค้าสินค้ากับอินเดีย หวังดันสินค้าไทยเจาะตลาดอินเดียได้เพิ่มขึ้น

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จะมีการลงนามในความตกลงด้านการลงทุนอาเซียน-จีน ซึ่งได้เจรจาเสร็จแล้วตั้งแต่ปลายปี 2551 ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ระหว่างวันที่ 13-16 ส.ค.นี้ ที่โรงแรมมิลเลเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ทำให้มีการขยายการค้าและการลงทุน
และเป็นการสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับจีนได้อย่างต่อเนื่อง

“เมื่อความตกลงมีผลบังคับใช้ จะสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนของต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในอาเซียนและไทย สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนไทยที่จะไปลงทุนในประเทศอื่น รวมทั้งช่วยดึงดูดและส่งเสริมการลงทุนระหว่างกันของอาเซียนกับจีน ซึ่งจะนำไปสู่การไหลเข้าของเงินลงทุนใหม่และการนำผลกำไรกลับมาลงทุนใหม่แบบยั่งยืนสอดคล้องกับเป้าหมายการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน”

สำหรับความตกลงการลงทุนอาเซียน-จีน มีสาระสำคัญ คือ การส่งเสริมและอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน การให้ความความคุ้มครองกับนักลงทุนของภาคีและเงินลงทุนโดยครอบคลุมทั้งการลงทุนทางตรงและการลงทุนในหลักทรัพย์ การปฏิบัติที่เป็นธรรมและเท่าเทียมกัน การชดเชย ในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ การชดเชยในกรณีที่มีการเวนคืน การระงับข้อพิพาทระหว่างนักลงทุนกับรัฐ
เป็นต้น รวมไปถึงประเด็นที่ไทยผลักดันให้รัฐสามารถดำเนินมาตรการเพื่อปกป้องเสถียรภาพทางการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนได้

นางพรทิวากล่าวว่า ส่วนความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-อินเดีย ขณะที่อาเซียนทุกประเทศได้ยืนยันตารางข้อผูกพันภาษีฉบับสุดท้าย มาแล้วตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ของอินเดียยังไม่สมบูรณ์ โดยอาเซียนหวังว่าอินเดียจะมีความพร้อมและลงนามในความตกลงฯ ได้ในการประชุมครั้งนี้ เพราะจะเป็นประโยชน์ในการเพิ่มการค้าระหว่างกัน

ทั้งนี้ ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-อินเดีย ได้ตั้งเป้าเริ่มลดภาษีในวันที่ 1 ม.ค.2553 โดยสินค้าปกติจะลดภาษีลงเหลือ 0% สำหรับสินค้าอย่างน้อย 71% ของรายการสินค้าทั้งหมดภายในวันที่ 31 ธ.ค.2556 และอีก 9% ของรายการสินค้าทั้งหมดในวันที่ 31 ธ.ค.2559 ซึ่งต้องครอบคลุมมูลค่าการนำเข้าอย่างน้อย 75% โดยผ่อนผันให้อาเซียนใหม่ลดภาษีได้ช้าลง 5 ปี โดยสินค้าที่ไทยจะได้ประโยชน์ เช่น เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ ชิ้นส่วนยานยนต์ ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม เฟอร์นิเจอร์และส่วนประกอบ เครื่องสำอาง ผักและพืชประเภทถั่ว อาหารปรุงแต่ง ปลาซาร์ดีนแปรรูป และน้ำผลไม้ เป็นต้น

ส่วนสินค้าที่ไม่พร้อมลดภาษี มีจำนวนไม่เกิน 489 รายการ แต่ะเปิดโอกาสให้มีการหารือเพื่อลดภาษีภายใน 1 ปี หลังจากความตกลงฯ มีผลบังคับใช้ โดยตัวอย่างสินค้าที่ไทยไม่ลดภาษี เช่น เนื้อโคกระบือแช่เย็นแช่แข็ง นมและผลิตภัณฑ์นม หอม กระเทียม ขา กาแฟ ไหมและผลิตภัณฑ์ ข้าว เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สำหรับสินค้าอ่อนไหว จะทยอยลดภาษีเหลือ 5% ภายในวันที่ 31 ธ.ค.2559โดยตัวอย่างสินค้าอ่อนไหวของไทย เช่น ยาสำเร็จรูป เครื่องนุ่งห่ม กระจก และรถจักรยานยนต์ อีกทั้งไทยได้เจรจายืนยันให้อาเซียนอื่นและอินเดียยอมให้ไทยคงอัตราภาษีสินค้าอ่อนไหวให้มีอัตราเท่าเดิมรวม 91 รายการ เช่น กุ้ง แป้งข้าวสาลี หนังฟอก แผ่นเหล็กรีดร้อน เหล็กแผ่นรีดเย็น สิ่งทอ และเครื่องเขียน เป็นต้น เพื่อชดเชยผลประโยชน์จากการที่อินเดียยกเลิกภาษีให้ไทยไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้มีการเสนอเลื่อนวันสิ้นสุดของการลดภาษีสินค้าทุกกลุ่มออกไป 1 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น